xs
xsm
sm
md
lg

บทความ

x

อเมริกาถึงกาลอวสาน-อิสราเอลถูกลบไปจากแผนที่???

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Dmitry Medvedev รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย
ถ้าว่ากันตามคำแถลงของโฆษกกองทัพอิสราเอล (IDF) “พลเรือโทDaniel Hagari” การบุกภาคพื้นดินในเขตฉนวนกาซาก็น่าจะเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 ต.ค.) หลังจากเครื่องบินอิสราเอลระดมทิ้งระเบิดใส่แทบทุกอาคาร บ้านเรือนไม่ว่าโรงพยาบาล แหล่งสาธารณูปโภคในแต่ละด้าน ผู้คนพลเรือนผู้บริสุทธิ์ตายไปแล้วเกือบหมื่น หรือราวๆ 7,000 รายตามตัวเลขล่าสุด อันถือเป็นการเปิดช่อง-เปิดโอกาสให้กองกำลังภาคพื้นดินบุกเข้าไปเข่นฆ่า ล้างผลาญ พวกนักรบฮามาสอย่างเป็นจริง-เป็นจังซะที ไม่ใช่แค่ถอยเข้า-ถอยออก แหย่ไป-แหย่มา เพื่อหาจุดแข็ง-จุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามแบบเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว...

แต่ถ้าฟังจาก “รายงานข่าว” บางกระแส...เช่นที่ถูกระบุไว้โดยสำนักข่าว“TASS” ของรัสเซีย เห็นว่าชักเริ่มเกิดความไม่ลงรอยในหมู่ “คณะรัฐมนตรีฉุกเฉิน” ขึ้นมามั่งแล้ว คือชักไม่แน่ใจว่าการบุกกวาดล้างภาคพื้นดินมันจะนำไปสู่ความสำเร็จหรือล้มเหลวกันแน่!!! ชนิดที่นายกรัฐมนตรี “Benjamin Netanyahu” ถึงกับไม่กล้าลงนามในคำสั่งบุกอย่างเป็นเรื่อง-เป็นราวหรือจนต้อง “เลื่อนเวลา” การบุก โดยอ้างถึงข้อเรียกร้องของพันธมิตรตลอดชั่วนิรันดร์กาลอย่างสหรัฐฯ โดยจะจริง-ไม่จริงก็ยังมิอาจสรุปได้ แต่จะอย่างไรก็ตาม...ถ้าหากคิดบุกขึ้นมาจริงๆ โอกาสที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะบานปลาย-ปลายบาน ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ เพราะทุกวันนี้ความอุตลุด ชุลมุน-ชุลเกในการปรากฏตัวของ “แนวรบ” ในแต่ละด้าน ก็ดูจะก่อให้เกิดความปวดเศียรเวียนเกล้า ต่อกองทัพอิสราเอลอยู่พอสมควร...

ไม่ว่าการดวลปืนใหญ่ ดวลจรวด กับกองกำลัง “Hezbollah” ในแนวรบด้านเหนือที่เริ่มดุเดือดเลือดพล่านยิ่งเข้าไปทุกที การถล่มสนามบินนานาชาติซีเรีย หลังจากเจอกับจรวดที่ถูกสาดลงมาตกเหนือที่ราบสูงโกลัน ส่วนด้านใต้ยังต้องพึ่งบริการเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ ให้ช่วยปัดป้องจรวดของพวก “Houthi” ในเยเมน แถมวัน-สองวันมานี้ยังมีจรวดของใครก็ไม่รู้? จากเมือง Taba ในอียิปต์ฝั่งตรงข้ามชายแดนอิสราเอลถล่มเข้าไปในดินแดนอิสราเอล จนเกิดการตอบโต้ด้วยการถล่มโรงพยาบาล Taba ยับเยินไปเป็นแถบๆ ชนิดทางการอียิปต์ “ฉุนเต่า” ขึ้นมามิใช่น้อย ถึงขั้นประกาศพร้อมล้างแค้น-เอาคืนในช่วงเวลาที่เหมาะสม เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนอิหร่านนั้น...โฆษกกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม “IRGC” “พลเอกRamezan Sharif” ท่านได้ออกมาระบุไว้ล่วงหน้า ว่าการบุกฉนวนกาซาของอิสราเอล หนีไม่พ้นต้องเจอกับฉากสถานการณ์ระดับ “แผ่นดินไหวอีกระลอก” (Another Shockwave) หรือไม่น้อยกว่าการบุกโจมตีอิสราเอลโดยพวกนักรบฮามาส เมื่อช่วงวันที่ 7 ตุลาคมที่เพิ่งจะผ่านมา...

ส่วน “ประธานสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์” อย่างคุณพ่ออเมริกาที่พร้อมสนับสนุนอิสราเอลไปตลอดชั่วนิรันดร์กาล แม้จะส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำ นาวิกโยธินนับพัน ระบบต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศอย่าง “THAAD” และ “Patriot” เข้าไปติดตั้งในตะวันออกกลาง แต่ก็ดูจะไม่ได้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง-มั่นคงให้อิสราเอลมากมายสักเท่าไหร่นัก เพราะสิ่งที่กองกำลังสหรัฐฯ ต้องเผชิญหน้าในขั้นแรก ก็คือต้องหาทางขจัดกวาดล้างบรรดาจรวดและเครื่องบินโดรน ที่ถูกสาดใส่ฐานทัพอเมริกาในซีเรียและอิรัก แบบชนิดไม่เว้นแต่ละวัน จนต้องส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดออกโจมตี ตอบโต้ ในพื้นที่อาณาบริเวณ 2 ประเทศส่งผลให้ทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งชุลมุน-ชุลเกหนักขึ้นไปใหญ่ เรียกว่า...แทบไม่รู้ว่าไผเป็นไผ-ใครเป็นใคร ไปแล้วในทุกวันนี้...

ดังนั้น...การอาศัย “เงื่อนไข” การบุกโจมตีของพวกฮามาส ในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม เพื่อกลับมายึดครองภูมิภาคตะวันออกกลาง หรือเพื่อดำรง รักษา ความเป็น “ประมุขโลก” ต่อไปให้จงได้ มันเลยอาจไม่ได้รับผลตามจุดมุ่งหมายและความต้องการมากมายสักเท่าไหร่นัก แต่กลับเป็นการบั่นทอน “ศักยภาพ” ทางการเมือง-เศรษฐกิจ-และการทหารของสหรัฐฯ ให้ยิ่งใกล้เจ๊งใกล้อวสานยิ่งเข้าไปเท่านั้น หรือแม้การคิดจะใช้เหตุการณ์ 7 ตุลาคม เป็น “เงื่อนไขเฉพาะตัว” ของผู้นำอิสราเอล “นายBenjamin Netanyahu” เพื่อหวังอยู่ต่อในอำนาจให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ด้วยการ “ยืดเวลาสงคราม” ยาวไปเป็นปีๆ แต่ภายใต้การถูกล้อมกรอบโดยแนวรบของฝ่ายตรงข้ามที่นับวันจะเติบโต แข็งแกร่ง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ด้าน ทำให้โอกาสที่จะได้รับ “ชัยชนะในขั้นตอนสุดท้าย” กับโอกาสที่อาจต้องถูก “ลบประเทศอิสราเอลออกจากแผนที่” ก็ย่อมมีความเป็นไปได้ในแบบ “50-50” ไม่ได้เราชนะแล้ว...แม่จ๋า หรือเราชนะอยู่แล้วแน่ๆ เหมือนอย่างเท่าที่เคยเป็นมาอีกต่อไป...

แต่ที่แน่ๆ...ก็น่าจะเป็นอย่างที่อดีตประธานาธิบดีและรองประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย “นายDmitry Medvedev” ท่านได้ออกมาทำนายทายทัก เอาไว้ก่อนล่วงหน้านั่นแหละว่า การบุกฉนวนกาซาของกองทัพอิสราเอลเที่ยวนี้น่าจะนำไปสู่ภาวะ “เลือดนองท้องช้าง” (bloody consequences) อย่างชนิดยาวไกลไปเป็นปีๆ เพราะถ้าดูจาก “ศักยภาพ” ของอเมริกาอิสราเอล ไปจนถึงบรรดาพันธมิตรในยุโรป ไม่ว่าจะในทางการเมือง-เศรษฐกิจ-การทหาร ออกจะเป็นอะไรที่ปวกๆ เปียกๆ ไม่ได้แข็งแกร่ง มั่นคง อย่างที่เคยเป็นมาเอาเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะในทาง “การเมือง” นั้น...ไม่ว่าอเมริกาหรืออิสราเอลต่างก็ตกอยู่ในภาวะ “โดดเดี่ยว-โฮมอโลน” เอามากๆ ไม่ว่าชาติแอฟริกา ละตินอเมริกา โลกอาหรับในตะวันออกกลาง ไปจนจีน-รัสเซีย-บราซิล ต่างไม่เห็นด้วยการเปิดศึกของอิสราเอลไปด้วยกันทั้งนั้น ถึงขั้นผู้นำบราซิลท่านออกมาสรุปว่ามันไม่ใช่ “สงคราม” แต่เป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” เอาเลยทีเดียว แม้แต่เลขาฯ ยูเอ็น ยังต้องออกมายอมรับว่าปฏิบัติการโจมตีของพวกฮามาสไม่ได้เกิดขึ้นบนสุญญากาศ ไม่ได้ปราศจากที่มา-ที่ไป แต่เป็นเพราะถูกกดขี่มาโดยตลอด 50-60 ปีนั่นเอง จนทำให้อิสราเอลต้องออกมาด่า ออกมาเสือกไสไล่สง เรียกร้องให้เลขาฯ ยูเอ็นลาออก เอาเลยถึงขั้นนั้น...

ขณะที่ผู้นำอียิปต์ กษัตริย์จอร์แดน ฯลฯ ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีอเมริกัน แต่กลับพร้อมที่จะร่วมโต๊ะเจรจากับตัวแทนพิเศษประเทศจีนที่กรุงไคโร เพื่อหาทางออก-ทางไปให้กับสันติภาพร่วมกับบรรดาผู้นำโลกมุสลิมทั้งหลาย หรือขณะที่ผู้นำปาเลสไตน์ “นายMahmoud Abbas” ไม่คิดแม้แต่จะยกหูโทรศัพท์รับฟังการสนทนากับคุณปู่ “โจ ซึมเซา” แต่กลับพร้อมที่จะเดินทางไปเยือนรัสเซียเพื่อพูดคุยหารือกับประธานาธิบดี “ปูติน” อย่างเป็นงาน-เป็นการส่วนตัวแทนของพวกนักรบฮามาส ที่แม้อาจไม่ได้มีโอกาสพบปะกับผู้นำรัสเซียโดยตรงในวัน-สองวันนี้ แต่การที่ฝ่ายรัสเซียไม่ได้คิดจะไล่พวกฮามาสออกจากประเทศตามคำยุแยง ตะแคงรั่วของอิสราเอล ก็ต้องถือเป็นการแสดงออกถึงความฉลาดความสุขุม คัมภีรภาพ ยิ่งกว่าบรรดาผู้นำชาติยุโรป ที่แห่กันไปจับมือ-ถือแขนนายกรัฐมนตรีอิสราเอลกันถึงที่ แม้จะต้องหลบระเบิด หลบจรวด อยู่ในบังเกอร์แบบหัวซุก-หัวซุนไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า หรือถือเป็นภาพสะท้อนความ “โดดเดี่ยว” ของโลกตะวันตก ชนิดอาจต้องสรุปว่าเป็น “ความพ่ายแพ้ทางการเมือง” ของอเมริกา อิสราเอลรวมทั้งพวกอียู-อีย้วยตั้งแต่เริ่มแรก อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย...

ส่วนด้าน “เศรษฐกิจ” นั้น...ก็พอเป็นที่รู้ๆ ว่า ไม่ว่าคุณพ่ออเมริกาหรือพันธมิตรอียู ต่าง “กรอบยิ่งกว่าข้าวเกรียบเมืองเพชร” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง แถมยากที่จะฟื้นคืนตัวได้อีกตราบนานเท่านาน โดยเฉพาะต่อภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” ที่หลีกเลี่ยงได้ลำบากยิ่งเข้าไปทุกที หรือภาวะ “เงินเฟ้อ” ที่กดยังไงก็กดไม่ลงเอาง่ายๆ ยิ่งถ้าต้องเจอกับภาวะ “ขาดแคลนพลังงาน” อันเนื่องมาจากการตัดขาด การไม่คิดจะส่งน้ำมันและแก๊สให้โลกตะวันตกอีกต่อไปของโลกอาหรับบางประเทศ โอกาสที่ “ราคาน้ำมัน” จะพุ่งทะลุเพดาน ทะลุหลังคาไปถึง 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลดังที่ใครต่อใครคาดๆ เอาไว้ล่วงหน้า ก็ยิ่งมีแต่จะทำให้เศรษฐกิจอเมริกา-ยุโรป มีแต่ “ตาย...กับ...ตาย” ลูกเดียวเท่านั้นเอง!!! ต่างไปจาก “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างจีนและรัสเซีย ที่สามารถอาศัยความเป็น “พันธมิตรที่ไร้ขีดจำกัด” สร้าง “จุดลงตัว” ระหว่างกันและกัน จนไม่ว่าตัวเลขการเติบโตทางเศรฐกิจจีน เขยิบขึ้นไปถึง 4.9 เปอร์เซ็นต์ใกล้ๆ 5 เปอร์เซ็นต์ตามที่ได้คาดหวังเอาไว้ ขณะที่การเติบโตของรัสเซียสูงกว่าช่วงที่เคยเป็นมาถึง 5 เท่าตัว เงินรูเบิลไม่ได้กลายเป็นเศษอิฐ เศษปูน อย่างที่ผู้นำอเมริกาหวังและต้องการเอาเลยแม้แต่น้อย ยิ่ง “สงคราม” ถูกยืดเวลาออกไปเท่าไหร่ โลกตะวันตกก็มีแต่จะยิ่งยากลำบากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

สำหรับในแง่ “การทหาร” บรรดาผู้เชี่ยวชาญการทหารในแต่ละราย...ล้วนแต่เริ่มมองเห็นความปวกๆ เปียกๆ ของอเมริกาและพันธมิตรแห่งโลกตะวันตกชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ อย่าง “Scott Ritter” ที่ฟันธงไว้แบบเต็มผืน เต็มด้ามว่ากองทัพอเมริกันในปัจจุบัน ปราศจากศักยภาพที่จะเปิดศึกกับอิหร่านได้แบบตรงไป-ตรงมาขณะที่ “นายAndrei Martyanov” ผู้เชี่ยวชาญทางทหารรัสเซีย สรุปว่าอุตสาหกรรมอาวุธของสหรัฐฯ กำลังประสบกับความชะงักงัน ดังเห็นได้จากการส่งรถถังใช้แล้ว (Abrahm) ให้กับยูเครน โดยไม่อาจผลิตเพิ่มเติมได้อีก ตลอดไปจนอาวุธของบรรดาประเทศยุโรปที่แทบเกลี้ยงคลังไปเป็นประเทศๆ เพราะ “สงครามยูเครน” ที่หาทางออก-ทางไปยังไม่เจอ จนแม้แต่ศักยภาพกำลังรบที่น่าเกรงขามอย่างเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำของสหรัฐฯ ที่ถูกส่งเข้าไปในตะวันออกกลาง สุดท้ายก็อาจเป็นแค่ “เป้านิ่ง” (Big fat sitting target) สำหรับ “สงครามสมัยใหม่” หรือ “อาวุธสมัยใหม่” ที่กองทัพอิหร่านสะสมไว้เป็นปีๆ ยิ่งถ้าหากคิดไปเปิดศึก เปิดแนวรบอีกด้าน กับคุณพี่จีนด้วยแล้ว โอกาสที่จรวดอเมริกาจะหมดเกลี้ยงภายในช่วงเวลาแค่ 8 วัน อย่างที่ “นายSeth Jones” รองประธานหน่วย Think-tang ขององค์กร CSIS ได้สรุปไว้ในรายงานปี ค.ศ. 20121 ยิ่งมีความเป็นไปได้ไม่ยาก...

สรุปรวมความแล้ว...ไม่ว่าอเมริกา ยุโรป อิสราเอล คิดจะใช้ “เงื่อนไข” ใดๆ ในการเปิดฉากสงครามไม่ว่าระดับเล็กระดับใหญ่ระดับภูมิภาค หรือระดับโลกก็แล้วแต่ โอกาสที่ “โลกตะวันตก” จะแพ้ขาด แพ้แล้ว-แพ้เลย ยิ่งมีความเป็นไปได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น...แม้ว่าด้วยความโง่เขลาหรือความไม่รู้อะไรเลย จะทำให้ผู้นำอเมริกาอย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” พยายามลากอเมริกาเข้าสู่ “สงครามโลกครั้งที่ 3” ดังที่อดีตประธานาธิบดี “ทรัมป์บ้า” ได้เตือนบรรดาอเมริกันชนไว้ล่วงหน้า แต่บรรดา “สงคราม” ทั้งหลาย ไม่ว่าเล็ก-ว่าใหญ่ ไม่ว่าระดับภูมิภาคหรือระดับโลก อาจทำให้จักรวรรดินิยมอเมริกาต้องถึงกาลอวสาน รวมทั้งพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอล อาจต้องถูกลบทิ้งไปจากแผนที่ ชักจะมีความเป็นไปได้ชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที…


กำลังโหลดความคิดเห็น