xs
xsm
sm
md
lg

‘ปากไว’ จะพาไทยซวย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



ท่านผู้นำเศรษฐาเดินทางไปเยือน 4 ประเทศแล้วตั้งแต่วานนี้ ทิ้งภาระต่างๆ ไว้ให้ รองนายกฯ รักษาการแทนหลังจากที่ปากไวไปประณามการโจมตีอิสราเอลมีผลสะท้อนจากหลายฝ่าย

ความเฮ้าเลี่ยน ปากไวพาซวยครั้งนี้ยังต้องดูว่าจะมีผลกระทบด้านลบอย่างไรต่อจุดยืนของประเทศไทย ในความขัดแย้งยืดเยื้อยาวนานระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์

การออกปากประณามผ่านโซเชียลมีเดียโดยไม่ยั้งคิดของท่านผู้นำเศรษฐา โดยไม่ปรึกษาหารือกับคณะรัฐมนตรีก่อนหรือดูท่าทีของกลุ่มประเทศอาเซียนทำให้ไทยเสี่ยงใน ด้านความสัมพันธ์ทางการทูตกับกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง

การเร่งประณามการโจมตีอิสราเอลอาจจะต้องการแสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่ชอบความรุนแรง สิ่งที่ควรจะทำคือน่าจะดูท่าทีของกลุ่มประเทศอาเซียนซึ่งมี 3 ประเทศที่เป็นมุสลิมคือมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน

อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีคนมุสลิมมากที่สุดในโลกและมีจุดยืน ตรงข้ามกับอิสราเอลเสมอเมื่อมีข้อพิพาทระหว่างชาติอาหรับกับอิสราเอล

นายกฯ เศรษฐาใหม่เกินไปสำหรับการเมืองระหว่างประเทศและภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ขาดความรอบคอบในการประเมินสถานการณ์และแสดงท่าทีต่อปัญหา ซึ่งจะต้องเป็นบทเรียนสำคัญในด้านการทูตระหว่างประเทศ

แม้จะมีคำแถลงชี้แจงจากกระทรวงการต่างประเทศถึงจุดยืนของประเทศไทย แต่ก็เป็นการสายพอสมควรเพราะข้อความนี้เป็นที่รับรู้กันทั่วโลกว่าเป็นคำแถลงของผู้นำประเทศไทย

จะไม่เรียกว่า “ปากพาซวย” แล้วจะให้เรียกว่าอะไรเพราะในเวลาใกล้เคียงกันก็มีปัญหาปากเร็วกับกรณีที่ “เฉลิม บางบอน” กับ “ทักษิณ” เรื่องกวนโอ๊ย ทำให้เศรษฐารีบออกมาขอโทษขอโพย “เฉลิม บางบอน” แทบไม่ทัน

เรื่องปัญหายิว-อาหรับ ยืดเยื้อเรื้อรังมาหลายศตวรรษนับตั้งแต่ก่อนคริสต์กาล ยังเป็นปัญหาระหว่างศาสนาคริสต์กับมุสลิมรบกันหลายร้อยปีในสงครามครูเสด

มาถึงยุคใหม่ยิวกับกลุ่มประเทศอาหรับทำสงครามใหญ่อย่างน้อยสองครั้งในปี 1967 และในปี 1983 ซึ่งอิสราเอลสามารถอยู่รอดได้และยึดพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นที่ราบสูงโกลัน และไซนายจากซีเรียและอียิปต์

ประเทศไทยควรวางตัวเป็นกลางในข้อขัดแย้งระหว่างกลุ่มประเทศอาหรับและอิสราเอล เพราะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ในด้านการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อให้เกิดดุลยภาพในตะวันออกกลาง

กลุ่มนักรบฮามาสของปาเลสไตน์ ได้รับการสนับสนุนมาจากประเทศอิหร่าน ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทยมายาวนาน และไทยกำลังฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าการลงทุน

ดังนั้น การปากไวประณามความรุนแรงซึ่งก็คงหมายถึงกลุ่มฮามาส ยิ่งไม่เป็นผลดีเพราะมีคนไทยจำนวนหนึ่งถูกจับเป็นตัวประกันและ 12 รายเสียชีวิต รวมทั้งบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง

จึงไม่เป็นการดีที่ไทยจะเลือกข้างเพราะจะต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศอาหรับซึ่งคืนดีกันแล้ว โดยการประสานโดยประเทศจีนทำให้อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ และซีเรียมาคืนดีกัน

กลุ่มประเทศเหล่านี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซียและจีน และกำลังลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายน้ำมันและสินค้าต่างๆ ทำให้อิทธิพลของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางลดลง

ประเทศไทยเพิ่งฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียซึ่งหวังการลงทุนและการค้ารวมทั้งการส่งแรงงานไทยไปทำงานที่นั่น ในกรณีความขัดแย้งครั้งนี้ซาอุดีอาระเบียย่อมไม่เห็นอิสราเอลดีกว่าปาเลสไตน์

การเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ ผู้นำเศรษฐาต้องพบกับผู้นำของประเทศบรูไนและมาเลเซียซึ่งจะต้องเตรียมคำพูดให้เหมาะเกี่ยวกับท่าทีของประเทศไทย

สิ่งสำคัญก็คือความปลอดภัยของแรงงานไทยในประเทศอิสราเอลซึ่งมีจำนวนมากกว่า 30,000 รายและมีส่วนหนึ่งมีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ

มีตัวเลขว่าอย่างน้อยตัวประกันที่ถูกจับไปนั้นมีประมาณ 100 รายมีทั้งทหารระดับผู้บังคับบัญชาของอิสราเอลด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการต่อรองเพื่อปลดปล่อยนักโทษของปาเลสไตน์หลายพันคนที่ถูกขังอยู่ในคุกอิสราเอล

การพลั้งปากจะด้วยความใจร้อนหรือความเชื่ออย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนายกฯ เศรษฐาในการที่จะเป็นผู้นำประเทศในช่วงเวลาที่ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเฉพาะการค้าและการท่องเที่ยว

ผู้นำประเทศควรมีความสุขุมรอบคอบปรึกษาหารือผู้รู้เหมือนก่อนที่ช่วงเป็นนายกรัฐมนตรี โดยการตระเวนหาคำปรึกษาจากหลายฝ่ายจนเกิดปัญหาเรื่องที่ปรึกษามาแล้ว

รัฐบาลเศรษฐาเพิ่งอยู่ในตำแหน่งไม่นานและจะมีปัญหาถึงขั้นวิกฤตหลายเรื่องเช่นเรื่องเงินดิจิทัลและกรณีของนักโทษทักษิณซึ่งถูกมองว่ามีความพยายามของรัฐบาลที่จะเร่งออกกฎหมายเพื่อให้เป็นอิสระโดยเร็ว

ที่ผ่านมามีปัญหาความเชื่อมั่นเช่นราคาหุ้นตก เงินทุนไหลออก และเรื่องเงินดิจิทัลกำลังท้าทายความมั่นคงของรัฐบาลเศรษฐาที่อ้างว่า “คิดใหม่ทำเป็น”

เรื่องเงินดิจิทัลทำให้มีคำพูดเปรียบเปรยว่า “โทนีคิด เศรษฐาทำ” เพราะถูกมองว่าการได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นเพราะ “โทนี” จัดการให้

จริงหรือไม่อย่างไรอีกไม่กี่วันก็รู้แม้ทุกวันนี้แทบไม่มีประเด็นให้ต้องสงสัย



กำลังโหลดความคิดเห็น