ศึกยิว - ปาเลสไตน์ระอุหนัก

สงครามระหว่างกองกำลังปาเลสไตน์และอิสราเอลระเบิดขึ้นมารอบใหม่โดยกลุ่มกองกำลังติดอาวุธฮามาส ปฏิบัติการเจาะพรมแดนเข้าไปกราดยิงคนในอิสราเอล ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดของอิสราเอล

กลุ่มติดอาวุธฮามาสได้ใช้รถแทรกเตอร์ดันกำแพงและใช้ครีมตัดเหล็กตาข่ายกำแพงเพื่อให้หน่วยรบเข้าไปยิงกราดงานเต้นรำของคนอิสราเอลทำให้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายรายและส่วนหนึ่งถูกจับไปเป็นตัวประกัน

ในบรรดาตัวประกันนั้นมีนายทหารยศระดับสูงร่วมกับทหารจำนวนหนึ่งซึ่งจะทำให้ฝ่ายปาเลสไตน์มีอำนาจต่อรองในการเจรจาอิสราเอล ให้ปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์หลายพันคน ที่ถูกขังอยู่ในคุกอิสราเอล

อิสราเอลยอมรับว่าเป็นปฏิบัติการเร็วของกลุ่มฮามาส ที่รวดเร็ว คาดไม่ถึง ถึงมีผู้คนบาดเจ็บรอบแรก 300 กว่ารายและส่วนหนึ่งถูกจับไปเป็นตัวประกันเข้าไปในฉนวนกาซา

เป็นความเผอเรอของฝ่ายความมั่นคงอิสราเอลซึ่งล้มเหลวในการเกาะติดความเคลื่อนไหวของกลุ่มฮามาสในพื้นที่ฉนวนกาซา ซึ่งมักโจมตีอิสราเอลด้วยจรวดและเครื่องยิงระเบิด แต่ถูกตอบโต้ด้วยอาวุธที่เหนือกว่า

ฝ่ายกองทัพอิสราเอลตอบโต้ฉับไวโดยนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ให้รัฐสภาประกาศว่าอิสราเอลอยู่ในสภาวะสงครามและส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดในพื้นที่ฉนวนกาซาพร้อมกับการสู้รบยังมีต่อไปในภาคพื้นดิน

การรบติดพันทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่ายกว่า 1,000 คน แต่บาดเจ็บมากกว่านั้นและยังไม่มีใครรู้ว่าจะสู้กันยืดเยื้อแค่ไหน โดยอิสราเอลประกาศว่าจะเอาคืนหลายเท่าตัว

สหรัฐอเมริกาและยุโรปไม่เข้าไปห้ามปรามหรือเหนี่ยวรั้งทั้งสองฝ่ายให้หยุดยิง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนและผู้นำอังกฤษประกาศให้การสนับสนุนอิสราเอลอย่างเต็มที่

สหรัฐฯ ได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินไปในพื้นที่ใกล้อิสราเอล นั่นคือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อสนับสนุนอิสราเอลตามประสานักค้าสงคราม และตัวยุยงให้มีชาติต่างๆ เป็นปฏิปักษ์ต่อกันเพื่อการขายอาวุธ

อิสราเอลรู้สึกเสียหน้าอย่างยิ่งที่โดนโจมตีและเสียหายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นี่เป็นการโจมตีครบรอบในช่วง 50 ปีของสงครามยมคิปปูร์ ในเดือนตุลาคมปี 1973

สงครามครั้งนั้นอียิปต์ร่วมมือกับซีเรียโจมตีอิสราเอลจนเกือบเสียท่า แต่สหรัฐฯ ช่วยเหลือให้รอดมาได้และครอบครองพื้นที่ในฉนวนกาซาและที่ราบสูงโกลันของซีเรีย

ที่ผ่านมาชาวปาเลสไตน์ถูกกดขี่ แย่งชิงพื้นที่อยู่อาศัยโดยชาวอิสราเอลซึ่งขยายหมู่บ้านใหม่กินดินแดนเข้าไปพร้อมทั้งใช้กำลังทหารที่เหนือกว่าควบคุมพื้นที่ฉนวนกาซาและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน

ที่ผ่านมาทหารอิสราเอลได้สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับชาวมุสลิมซึ่งเป็นชาว ปาเลสไตน์ในพื้นที่ที่มีการโจมตีสุเหร่าศักดิ์สิทธิ์ทำให้คนไปทำพิธีละหมาดบาดเจ็บและเสียชีวิต

ดินแดนปาเลสไตน์ถูกแย่งชิงไปโดยชาวยิวโดยการจัดการของสหประชาชาติซึ่งสนับสนุนโดยสหรัฐฯ และอังกฤษช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ชาวยิวจากยุโรปและทั่วโลกมาตั้งฐานที่อยู่อาศัยในดินแดนปาเลสไตน์ จากนั้นมีการทำสงครามขนาดใหญ่อย่างน้อยสองครั้ง

ครั้งนี้กลุ่มฮามาสซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านด้านอาวุธนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2007 ถือว่าปฏิบัติการได้รวดเร็ว แต่ยังจะต้องรับผลพวงอย่างรุนแรงโดยอิสราเอล

การตอบโต้โดยอิสราเอลโดยอ้างสภาวะสงครามอาจทำให้อิสราเอลยกกองทัพบุกเข้าไปในฉนวนกาซานอกจากเข่นฆ่าประชาชนและกวาดล้างฐานที่มั่นของกองกำลังฮามาสแล้วยังจะหาทางควบคุมพื้นที่

ไม่มีใครช่วยเหลือปาเลสไตน์ได้อย่างจริงจังเพราะสหรัฐฯ และอังกฤษรวมทั้งกลุ่มประเทศยุโรปให้การสนับสนุนอิสราเอลอย่างเต็มที่

ช่วงสองสามวันของการสู้รบฝ่ายปาเลสไตน์เสียเปรียบด้านสงครามการข่าวเพราะสื่อหลักไม่ว่าจะเป็น CNN และ BBC ต่างประโคมข่าวเข้าข้างอิสราเอลเต็มที่และตราหน้าว่ากลุ่มฮามาสเป็นพวกก่อการร้าย

ในความเป็นจริงกลุ่มกองกำลังฮามาสคือกองทัพของชาวปาเลสไตน์นั่นเอง แต่ด้วยความที่โลกตะวันตกควบคุมสื่อได้จึงได้เปรียบในสงครามข่าวสาร

ต้องรอดูว่าคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติจะมีน้ำยาสั่งให้หยุดยิงและให้ทั้งสองฝ่ายหาทางเจรจาสงบศึกกัน แต่นั่นอาจต้องภายหลังอิสราเอลได้ล้างแค้นอย่างหนำใจเสียก่อน

สถานการณ์ลุกลามไปทางใต้ของเลบานอนซึ่งมีกองกำลังของฮิซบอลเลาะห์ สนับสนุนโดยอิหร่าน เข้ามาโจมตีอิสราเอลด้วยปืนครกเป็นการสนับสนุนกลุ่มฮามาสแต่ถูกตอบโต้ด้วยปืนใหญ่สนาม

จากนี้ไปต้องรอดูว่าอิสราเอลจะเอาคืนมากแค่ไหนและจะเข้าไปยึดครองพื้นที่ในฉนวนกาซาและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนเพิ่มอีกหรือไม่ โดยอ้างความมั่นคงของรัฐอิสราเอล

และต้องดูว่าจะมีผลกระทบต่อความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะสานสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบีย กาตาร์กับอิสราเอลหรือไม่ เพราะกลุ่มประเทศอาหรับอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับอิสราเอลมาตลอด

การประกาศสภาวะสงครามโดยรัฐบาลอิสราเอลจะเป็นไปอีกนานหรือไม่ และสงครามจะลุกลามไปในพื้นที่ตะวันออกกลางด้วยการเข้าร่วมของกลุ่มอื่นๆ ที่เป็นพวกมุสลิมหัวรุนแรงซึ่งมีอิหร่านเป็นผู้สนับสนุน

ถึงจะจบสงครามครั้งนี้ก็จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายสำหรับการดิ้นรนต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์เพื่อทวงสิทธิในการครอบครองดินแดนจากอิสราเอล และความเป็นปฏิปักษ์ยังจะต้องมีต่อไปโดยมหาอำนาจต้องการให้เป็นเช่นนั้น