อิสราเอลถล่มโจมตีชาวปาเลสไตน์ในดินแดนฉนวนกาซาแบบไม่มียั้งในวันอาทิตย์ (8 ต.ค.) หลังจากประสบความสูญเสียหนักในวันนองเลือดที่สุดของตนในรอบระยะเวลาหลายสิบปี เมื่อกลุ่มนักรบฮามาสเล็ดลอดบุกเข้าโจมตีเมืองเล็กเมืองน้อยบริเวณภาคใต้ของรัฐยิว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคราวนี้ทำให้มีผู้ถูกฆ่าตายไปหลายร้อยคนในทั้งสองฝ่าย และความรุนแรงก็ขยายบานปลายออกไปจนคุกคามว่าจะกลายเป็นสงครามใหญ่ครั้งใหม่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
สัญญาณประการหนึ่งซึ่งส่อแสดงว่าการสู้รบขัดแย้งคราวนี้อาจแผ่ขยายไปไกลเกินกว่าดินแดนกาซาที่ได้ถูกกองทัพอิสราเอลปิดล้อมมาอย่างยาวนาน ได้แก่ การที่กองทหารอิสราเอล และกองกำลังอาวุธ “ฮิซบอลเลาะห์” ของเลบานอนซึ่งอิหร่านหนุนหลังอยู่ ได้เปิดการยิงปืนใหญ่และจรวดตอบโต้ใส่กัน ขณะที่ในเมืองอเล็กซานเดรีย ของอียิปต์ นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล 2 คนถูกยิงตายพร้อมไกด์ชาวอียิปต์ของพวกเขา
การกระหน่ำโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่เริ่มมาตั้งแต่วันเสาร์ (7) ต่อเนื่องจนถึงวันอาทิตย์ (8) ทำให้กลุ่มอาคารที่พักอาศัย อุโมงค์ มัสยิดแห่งหนึ่ง และบ้านเรือนของพวกเจ้าหน้าที่กลุ่มฮามาสได้รับความเสียหายยับเยิน มีผู้ถูกสังหารไปมากกว่า 300 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กๆ 20 คน ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ประกาศก้องถึง “การล้างแค้นอย่างทรงพลัง” สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอิสราเอลในวันเสาร์ที่เขาเรียกว่าเป็น “วันชั่วร้าย”
ในภาคใต้ของอิสราเอล พวกนักรบติดอาวุธของกลุ่มฮามาสยังคงสู้รบกับกองกำลังความมั่นคงของอิสราเอล ขณะที่เวลาผ่านพ้นไป 24 ชั่วโมงแล้วหลังจากฮามาสเปิดฉากการโจมตีแบบสร้างเซอร์ไพรส์ของพวกเขา ด้วยการระดมยิงจรวดหลายพันลูกจากดินแดนกาซา เข้าไปในพื้นที่ของอิสราเอล โดยหลายลูกเล็งยิงไปให้ไกลๆ จนถึงนครเทลอาวีฟ และนครเยรูซาเลม นอกจากนั้น ยังส่งกลุ่มนักรบเดินทางด้วยพาหนะต่างๆ ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ เข้าโจมตีค่ายทหารและเมืองเล็กเมืองน้อยในตอนใต้ของรัฐยิว สังหารผู้คนไปอย่างน้อย 600 คนตามรายงานของทีวีอิสราเอล และจับกุมผู้คนหลายสิบคนเป็นเชลย โดยที่มีรายงานว่าจำนวนหนึ่งถูกพากลับไปยังกาซา
“ลูกสาวเล็กๆ 2 คนของผม ยังเป็นทารกแค่นั้น อายุไม่ถึง 5 ขวบเต็มคนหนึ่ง และ 3 ขวบอีกคนหนึ่ง” เป็นคำกล่าวของ โยนิ แอชเชอร์ ชาวอิสราเอลซึ่งพบเห็นคลิปวิดีโอของกลุ่มมือปืนจับเอาภรรยาและลูกสาวเล็กๆ 2 คนของเขาไป โดยที่การตรวจสอบสถานที่โทรศัพท์มือถือของเธอเวลานี้พบว่ามันอยู่ที่เขตกาซา
ทางด้านกองทัพอิสราเอล ซึ่งเผชิญคำถามหนักหน่วงจากความล้มเหลวของพวกเขาในการป้องกันการโจมตีคราวนี้ แถลงว่า ยังคงกำลังสู้รบกับพวกนักรบติดอาวุธอยู่ แต่สามารถยึดคืนจุดที่ถูกแทรกซึมเข้ามาได้แทบทั้งหมดแล้ว เช่นเดียวกับพื้นที่ตามแนวกำแพงรักษาความปลอดภัย โดยได้สังหารผู้โจมตีไปหลายร้อยคน และจับกุมเป็นเชลยเอาไว้อีกหลายสิบคน
“เรากำลังจะเข้าโจมตีพวกฮามาสอย่างดุเดือดที่สุด และมันจะเป็นการต่อสู้ที่ยาวมากๆ” โฆษกของกองทัพอิสราเอลผู้หนึ่งกล่าวในการแถลงข่าว
ทางกองทัพรัฐยิวแจ้งว่าได้ส่งทหารหลายหมื่นคนเข้าประจำที่มั่นรอบๆ ดินแดนกาซา ซึ่งเป็นพื้นที่แคบๆ ริมชายฝั่งเป็นที่อยู่ของชาวปาเลสไตน์ 2.3 ล้านคน และเวลานี้กำลังเริ่มอพยพชาวอิสราเอลทั้งหมดที่พำนักอยู่รอบๆ ชายแดนของดินแดนแห่งนั้น
“นี่เป็นสงครามครั้งที่ 5 ของผมแล้ว สงครามควรต้องยุติลงเสียที ผมไม่ต้องการเก็บความรู้สึกอย่างนี้เอาไว้อีกแล้ว” เป็นคำกล่าวของ กอสซับ อัล-อัตตาร์ ชาวปาเลสไตน์พิการผู้หนึ่งในกาซา ซึ่งพี่น้องของเขาลำเลียงตัวเขาเข้าที่หลบภัยขณะกองกำลังอิสราเอลยิงถล่มใส่บ้านของพวกเขา
การโจมตีของกลุ่มฮามาส ซึ่งเปิดฉากขึ้นในตอนรุ่งเช้าวันเสาร์ ถือเป็นการบุกรุกเข้าสู่อิสราเอลครั้งใหญ่ที่สุดและนองเลือดที่สุด ภายหลังจากที่กองทัพอียิปต์และกองทัพซีเรียรุกโจมตีเข้าไปในรัฐยิวเพื่อพยายามกอบกู้ดินแดนที่พวกเขาสูญเสียไปกลับคืนมา ใน “สงครามยมคีปปูร์” เมื่อ 50 ปีที่แล้ว
เห็นกันว่าความขัดแย้งคราวนี้ยังอาจจะบ่อนทำลายความเคลื่อนไหวที่หนุนหลังโดยสหรัฐฯ ในการผลักดันให้อิสราเอลและซาอุดีอาระเบียปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกันเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะกลายเป็นการจัดขบวนรวมกลุ่มพันธมิตรด้านความมั่นคงกันใหม่ ที่อาจคุกคามทำลายความหวังของชาวปาเลสไตน์ในการสถาปนารัฐของพวกเขาเองขึ้นมา รวมทั้งสกัดกั้นการเติบโตของอิหร่าน ที่เป็นผู้หนุนหลังสำคัญของกลุ่มฮามาส
กลุ่มพันธมิตรสำคัญอีกกลุ่มหนึ่งของอิหร่าน อันได้แก่พวกฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน ซึ่งเคยสู้รบทำสงครามกับอิสราเอลมาแล้วในปี 2006 และเวลานี้ประกาศว่า “ปืนและจรวด” ของพวกเขายืนหยัดอยู่กับฝ่ายฮามาส ขณะที่โฆษกกองทัพอิสราเอลขู่สำทับกลับคืนว่า “เราขอแนะนำไม่ให้พวกฮิซบอลเลาะห์เดินมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ และผมไม่คิดว่าพวกเขาจะเข้ามาหรอก”
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเจนซีส์)