สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนรบกันยืดเยื้อนานกว่า 16 เดือนยังไม่มีวี่แววว่าจะเลิกรากันแม้ยูเครนจะประสบภาวะบ้านเมืองพินาศย่อยยับจากการโจมตีด้วยอาวุธสารพัดจากรัสเซีย
จากการประเมินผลการสู้รบมาตั้งแต่ต้นจะเห็นได้ว่ายูเครนไม่มีทางที่จะเอาชนะรัสเซียได้เลย และประสบความเสียหายหนักทางด้านโครงสร้างสาธารณูปโภคแหล่งพลังงานเกือบทั่วประเทศ
ผู้นำยูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ยังต้องทำตัวเป็นนักขออาวุธและเงินช่วยเหลือจากสหรัฐฯ และโลกตะวันตกเพราะไม่สามารถจะอยู่ได้ด้วยตนเอง
ทหารยูเครนเสียชีวิตไปมากกว่า 200,000 รายและบาดเจ็บหลาย 10,000 นายซึ่งอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถปฏิบัติการได้อีกต่อไป
การรุกตีโต้รัฐเสียครั้งล่าสุด เริ่มเดือนมิถุนายนทางยูเครนเสียชีวิตประมาณ 43,000 นายและสูญเสียยานรบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มากกว่า 5,000 รายการ
ทหารที่เสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากการฝึกของสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศนาโตซึ่งถือว่าเป็นการเสียกองกำลังขนาดใหญ่ภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งยูเครนจำเป็นต้องเรียกเกณฑ์ทหารเพิ่ม
ทหารฝ่ายสหรัฐฯ และนักวิเคราะห์ของนาโตมองว่ายูเครนผิดพลาดด้านยุทธศาสตร์เพราะไปกระจายกำลังโจมตีกองทัพรัสเซียซึ่งอยู่ในฐานะป้องกันอย่างดี
การกระจายกำลังแทนที่จะเจาะทะลวงจุดสำคัญทุ่มจำนวนทหารที่มีอยู่น่าจะได้ผลกว่า แต่การสูญเสียเกิดขึ้นเพราะรัสเซียได้ปูสนามทุ่นระเบิดไว้กว้างขวางสกัดการรุกของทหารยูเครน
ทางฝ่ายสหรัฐฯ และนาโตจึงมองเห็นได้ชัดว่ายูเครนไม่มีทางที่จะชนะรัสเซียได้ตราบใดที่ยังต่อสู้ในยุทธศาสตร์แบบเดิม ขณะที่ยูเครนก็อ้างว่าจำเป็นต้องได้เครื่องบินรบเอฟ 16 จากสหรัฐฯ เพื่อสร้างแต้มต่อ
ปัญหาใหม่เกิดขึ้นก็คือทั้งฝ่ายสหรัฐฯ และนาโตเริ่มอ่อนใจกับการต้องทุ่มเงินและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ โดยเห็นว่าไม่คุ้มกับการที่ได้ใช้ไปและมีสภาพรั่วไหลจากการทุจริตคอร์รัปชัน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เริ่มมีปัญหาในการจะให้งบประมาณผ่านสภาคองเกรสเพราะถูกต่อต้านโดยพรรครีพับลิกัน ซึ่งมองว่าเป็นการสูญเปล่าที่จะช่วยยูเครนโดยไม่มีโอกาสชนะ
เริ่มมีนักวิเคราะห์เตือนว่าผู้นำยูเครนอาจโดนรัฐประหารอีกไม่นานจากนี้เพราะถ้าสู้กับรัสเซียต่อไปประเทศมีแต่สร้างปัญหาและประชาชนจะลำบากถึงขั้นสูญสิ้นความเป็นชาติก็ได้
นายทหารคุมกำลังระดับแนวหน้าเริ่มไม่พอใจกับการกำหนดด้วยผู้นำยูเครนเพราะสูญเสียและมุ่งแต่จะเอาความอยู่รอดของตัวเองเป็นหลัก
นักวิเคราะห์ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของซีไอเอ ก็มองว่าความเสี่ยงที่จะเกิดรัฐประหารในยูเครนมีความเป็นไปได้เพราะไม่มีทางเลือกอย่างอื่นหลังจากที่มีคำสั่งห้ามจากผู้นำไม่ให้เจรจากับรัสเซียเพื่อสงบศึก
อดีตนักการทหารชาวอเมริกันซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ข่าวดูสถานการณ์ยูเครนก็มองเห็นเช่นเดียวกันว่าทางไปต่อของยูเครนไม่มีอีกแล้วและจะต้องเสียหายหนักกว่าเดิม
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนก็มีปัญหาเพราะตัวเองกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกกระบวนการถอดถอนออกจากตำแหน่งเพราะปัญหาการทุจริตรับเงินจากต่างชาติซึ่งเกี่ยวพันกับลูกชายนายฮันเตอร์ ไบเดน
ดังนั้นการต่อรองของโจ ไบเดนในการที่จะได้งบประมาณจากรัฐบาลเพื่อสนับสนุนยูเครนจึงไม่ใช่เรื่องง่าย และฝ่ายผู้นำทหารของสหรัฐฯ และนาโตก็บอกว่ายูเครนจำเป็นต้องรบกับอาวุธที่มีอยู่นี้และใช้อย่างได้ผล
ต้องรอดูว่าผลสุดท้ายผู้นำยูเครนจะรอดจากการถูกล้มโดยการรัฐประหารอย่างที่ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้หรือไม่หรืออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรเพื่อให้เกิดสันติภาพ
สหรัฐฯ และนาโตไม่ต้องการเสียหน้าแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะโอกาสของยูเครนจะชนะศึกไม่มีนั่นเอง และผู้เสียหายขั้นสุดท้ายอย่างยับเยินก็คือยูเครน
เป็นบทเรียนอันเจ็บปวดสำหรับการตัดสินใจผิดพลาดที่ยูเครนยอมเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ และนาโตในการสู้กับรัสเซีย และไม่มีทางแก้ตัวอะไรได้อีกนอกจากจะต้องรักษาสิ่งที่ยังเหลืออยู่เท่านั้น
ประชาชนคือผู้รับเคราะห์จากสงครามซึ่งไม่มีใครรับผิดชอบและบรรดาผู้นำประชาชนคือผู้รับเคราะห์จากสงครามซึ่งไม่มีใครรับผิดชอบ และบรรดาผู้นำต่างสะสมความมั่งคั่งโดยไม่ต้องรับผิดชอบกับความเสียหาย