สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยืดเยื้อกันนานกว่าปีครึ่ง ยังไม่มีวี่แววว่าฝ่ายใดจะชนะอย่างเด็ดขาด แต่เห็นสภาพของยูเครนแล้วคงเดาได้ไม่ยาก
จะอยู่ในสภาวะสิ้นชาติหรือไม่เมื่อสงครามจบลงและจะยังเหลือประชากรอีกมากน้อยแค่ไหนเมื่อสหรัฐฯ และกลุ่มนาโตประกาศว่าจะช่วยเหลือยูเครนรบจนเหลือคนสุดท้าย
ทุกวันนี้ประชากรเหลืออยู่เพียง 20 ล้านคน จากที่เคยมีมากกว่า 50 ล้านคน มีทั้งพวกอพยพไปหางานทำในยุโรปและหนีสงครามไปอยู่ประเทศอื่นๆ
หลังสงครามจะต้องใช้เงินฟื้นฟูมหาศาลและจะเอาเงินมาจากไหน เมื่อทุกวันนี้เป็นหนี้บรรดาประเทศซึ่งให้การสนับสนุนสงครามด้านอาวุธและการเงิน
สภาพที่เป็นอยู่ก็เห็นแนวโน้มว่าจะเป็นสิ้นชาติอย่างนั้นจริงๆ เพราะทหารยูเครนเสียชีวิตไปมากกว่า 2 แสนนาย บาดเจ็บอีกใกล้เคียงกันรวมทั้งผู้พิการด้วย
ปฏิบัติการรบตีโต้รัสเซียเริ่มเดือนมิถุนายนประสบความเสียหาย รัสเซียรายงานว่าทหารยูเครนเสียชีวิตมากถึง 45,000 นายและยานรบต่างๆ เสียหายประมาณ 5000 ลำ
นายทหารอเมริกัน ประเมินว่าความล้มเหลวของฝ่ายยูเครนเป็นเพราะแยกกองกำลังรบผิดที่ วันนั้นตัดเส้นทางเชื่อมระหว่างเมืองเมลิโตโพลกับแหลมไครเมีย เพื่อตัดขาดเส้นทางเสบียงและการส่งกำลังบำรุงของรัสเซีย
แต่การรบที่ผ่านมา ฝ่ายยูเครนเน้นหนักการโจมตีด้านเหนือซึ่งมีแนวรบป้องกันเข้มแข็ง ซึ่งฝ่ายกองทัพรัสเซียเตรียมไว้ก่อนหน้านี้มีทั้งกับดักรถถังและสนามทุ่นระเบิดยากต่อการฝ่าไปได้
ความเสียหายอย่างมากมายเกิดบริเวณทุ่งกับระเบิดทหารยูเครนเสียชีวิตและรถถังติดกับดักไม่สามารถออกไปได้ ขณะที่รถกวาดทุ่นระเบิดถูกทำลาย
การสู้รบช่วงหลังนี้ กองทัพรัสเซียเน้นการใช้อาวุธโจมตีจากระยะไกลแทนการใช้กำลังทหารราบอาวุธ มีทั้งจรวดขีปนาวุธโดนสังหารปืนใหญ่ รถถัง และจรวดร่อนนอกเหนือจากเครื่องบินขับไล่โจมตีทิ้งระเบิด
ขณะที่กองทัพยูเครนขาดปืนใหญ่ยิงสนับสนุนและเครื่องบินรบทำให้เสียเปรียบอย่างมาก การสูญเสียทหารมีอัตราสูงถึง 7 ต่อ 1 ทำให้ยูเครนต้องเพิ่มกำลังทหารขณะที่ผู้ชายวัยอยู่ในช่วง 18 ถึง 60 ปีหนีออกนอกประเทศ
ยูเครนโดนโจมตีหนักทุกวันความเสียหายเกิดขึ้นต่อแหล่งบริการสาธารณูปโภค และไฟฟ้าสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างมาก
สหรัฐฯ และนาโตต่างรู้ดีว่ายูเครนไม่มีทางชนะรัสเซียได้แต่จำเป็นต้องให้การสู้รบยืดเยื้อต่อไปโดยหวังบั่นทอนเศรษฐกิจของรัสเซียโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของทหารยูเครนที่ต้องสูญเสียไปแต่ละวัน
ทุกวันนี้ผู้นำยูเครนอดีตดาวตลกโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ รู้ดีว่าตัวเองอยู่ในสภาพลำบากแต่จำเป็นต้องให้ชาวยูเครนสังเวยชีวิตต่อไปเพื่อตัวเองจะได้อยู่รอด
บรรดาพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรปต่างถอดใจเพราะไม่สามารถส่งอาวุธที่มีแสนยานุภาพร้ายแรงให้ยูเครนได้เพราะต้องเก็บไว้ใช้ป้องกันตัวเองเช่นกัน
รถถังจากเยอรมนี ฝรั่งเศส และอังกฤษเป็นเพียงเป้าซ้อมมือของอาวุธรัสเซีย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถรับมือได้อีกทั้งยังขาดแคลน ทหารยูเครนไม่มีกำลังใจสู้รบ
มีข่าวฉาวเช่นมีการนำอาวุธส่งมาจากสหรัฐฯ และยุโรปไปขายต่อในตลาดมืดเพื่อสร้างรายได้ให้กับบรรดาผู้นำกองทัพรวมถึงฝ่ายการเมืองด้วย
ฝ่ายยูเครนพยายามส่งโดรนไปก่อกวนรัสเซียถึงกรุงมอสโก และแหลมไครเมียรวมทั้งโจมตีเรือรัสเซียในทะเลดำแต่ไม่ได้ผลในการสร้างความเสียหาย
ยูเครนปิดหนทางเจรจากับรัสเซียและมีคำสั่งห้ามการติดต่อ ขณะที่ฝ่ายสหรัฐฯ อยากจะหาทางลงโดยไม่ให้เสียหน้าเพราะผู้นำทำเนียบขาวโจ ไบเดน จะต้องสู้ศึกเลือกตั้งปีหน้า
โจ ไบเดนจะไม่ยอมถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ว่าเป็นผู้พ่ายแพ้สงครามในศึกรัสเซีย-ยูเครน เพราะความพ่ายแพ้ในสงครามอัฟกานิสถานก็เป็นตราประทับถึงความปราชัย
สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงคือสงครามอาจจะลามไปประเทศเพื่อนบ้านยูเครนเช่นโปแลนด์และเบลารุสเพราะมีกองกำลังทหารวากเนอร์ อยากเข้าไปในโปแลนด์
จะเห็นได้ว่าทุกฝ่ายต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากยูเครนแม้กระทั่งโปแลนด์ก็ต้องการดินแดนส่วนตะวันตกของยูเครนเอาไปถ้ากรณียูเครนพ่ายแพ้
การสู้รบรอบใหม่ จะต้องอาศัยอาวุธสนับสนุนให้ยูเครนแต่จะได้มากแค่ไหนขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของประเทศพันธมิตรเพราะเครื่องบินรบเอฟ-16 คงจะไม่ได้มีส่วนสำคัญจนกว่าจะถึงปีหน้าเมื่อนักบินยูเครนพร้อมใช้งาน
มีการประเมินว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนอาจจะกินเวลาหลายปีเพราะรัสเซียไม่ต้องการยึดครองประเทศยูเครนแต่ต้องการพื้นที่ครอบครองอยู่ปัจจุบันนี้เป็นกันชนเท่านั้น
ที่สำคัญรัสเซียไม่ต้องการให้ยูเครนอยู่ในสภาพที่จะเป็นภัยในอนาคต ดังนั้นจึงต้องให้เกิดความเสียหายเชิงโครงสร้างจนต้องใช้เวลาหลาย 10 ปีเพื่อฟื้นฟู
น่าสงสารชาวยูเครนที่เลือกผู้นำผิดจนนำประเทศเข้าสู่สงครามที่ไม่มีหนทางชนะ