ทักษิณ ชินวัตร กลับมาประเทศไทยอีกครั้งในฐานะนักโทษหนีคดีและถูกควบคุมตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทันที หลังจากนี้ก็เหลือแต่ว่าทักษิณจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำนานเท่าใด จะได้รับพระราชทานอภัยโทษหากทักษิณทูลเกล้าฯ หรือไม่ เป็นสิ่งที่เราไม่อาจก้าวล่วงได้
อย่างไรก็ตาม เรารู้อยู่แล้วว่าแม้ทักษิณจะไม่ได้อยู่เมืองไทยมานานแต่อิทธิพลและบารมีของเขาก็ยังคงอยู่ ยังมีมวลชนจำนวนมากที่ภักดีต่อเขา และเขาก็เป็นคนที่มีบทบาทเหนือพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคการเมืองที่เขาก่อตั้งขึ้นมา
15 ปีหลังจากที่ทักษิณหนีจากประเทศไทยไปเมื่อปี 2551 ก่อนที่จะมีการพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ ซึ่งขณะนี้คดีนี้หมดอายุความไปแล้ว แต่สุดท้ายทักษิณก็ต้องถูกจำคุกในคดีอื่นรวมกัน 10 ปี โดยทักษิณถูกจำคุกคดีหวยบนดินโทษจำคุก 2 ปีคดีทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์โทษจำคุก 3 ปีและคดีแก้สัมปทานเอื้อชินคอร์ปโทษจำคุก 5 ปี
เมื่อนำตัวทักษิณกลับมาขึ้นสู่ศาลปรากฏว่าคดีหวยบนดินกับคดีเอ็กซิมแบงก์ศาลไม่ได้นับโทษต่อจึงนับซ้อนกันติดคุกรวมกัน 3 ปี แต่คดีเอื้อสัมปทานชินคอร์ปที่ศาลจำคุก 5 ปีนั้นศาลให้นับโทษต่อทักษิณจึงติดคุกทั้งหมด 8 ปี
แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่าทักษิณน่าจะใช้เวลาอยู่ในคุกไม่นาน และเขาก็คงคิดสะระตะแล้วว่าเขาจะติดนานเท่าไหร่ก่อนตัดสินใจกลับมา
การกลับมาของทักษิณครั้งนี้ต่างกับการกลับมาจูบแผ่นดินครั้งก่อนที่ตอนนั้นความขัดแย้งของคนไทยที่เป็นสองฝ่ายยังรุนแรง แต่หลังจากชัยชนะของพรรคก้าวไกลที่สนับสนุนการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเหนือความคาดหมาย
การต่อต้านเพื่อไม่ให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จและเหตุผลที่ทักษิณต้องการกลับบ้านทำให้ขั้วทั้งสองข้างหันมาจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลเพื่อสกัดกั้นพรรคก้าวไกล ก็น่าจะทำให้ความขัดแย้งของมวลชนสองฝ่ายเบาบางลงไปด้วย
แม้มวลชนฝ่ายอนุรักษนิยมจำนวนหนึ่งอาจจะยังเกลียดกลัวทักษิณอยู่ แต่คนส่วนหนึ่งก็น่าจะเห็นแล้วว่าฝ่ายอนุรักษนิยมยากที่จะรับมือกับพรรคก้าวไกลได้
นอกจากทางเดียวคือยอมกลืนเลือดทิ้งความบาดหมางกับทักษิณไปแล้วหันมาจับมือกันต้านทานพรรคก้าวไกลที่เป็นอันตรายมากกว่า
ดังนั้นแม้ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา จะสะท้อนชัยชนะของฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เพราะพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยได้ สส.รวมกันมากถึง 292 เสียง จนดูเหมือนฝ่ายอำนาจรัฐเดิมหรือฝ่ายอนุรักษนิยมจะพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แต่ด้วยเกมการเมืองและกลไกของรัฐธรรมนูญทำให้สุดท้ายสามารถขจัดพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขออกไปจากเส้นทางอำนาจรัฐได้ และพรรคเพื่อไทยต้องมาจับมือกับพรรคขั้วรัฐบาลเดิมในที่สุด
ดังนั้นแม้พรรคของทักษิณจะกลับมาเป็นรัฐบาลและได้อำนาจรัฐอีกครั้ง แต่ก็เป็นรัฐบาลที่ตกอยู่ภายใต้วงล้อมของพรรคขั้วรัฐบาลเดิมหรือฝั่งอนุรักษนิยม
ทำให้พรรคของทักษิณต้องสูญเสียสถานะความเป็นพรรคที่เคยอ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไป และทำให้พรรคของทักษิณมายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพรรคก้าวไกลซึ่งในอนาคตจะเป็นคู่แข่งทางการเมืองกันอย่างชัดเจน และกลายมาเป็นกำลังเสริมของฝ่ายอนุรักษนิยมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อแลกกับที่ทักษิณได้กลับมาประเทศไทย และจะเป็นตัวชี้วัดว่าทักษิณจะถูกจองจำอยู่ในคุกนานเท่าใด
เมื่อพรรคเพื่อไทยยืนอยู่ตรงข้ามกับพรรคก้าวไกล การบ้านที่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลชุดใหม่จะต้องทำคือ การบริหารประเทศให้ประสบความสำเร็จและซื้อใจประชาชนจำนวนหนึ่งที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยแต่หันไปเลือกพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งนี้กลับมาเลือกพรรคเพื่อไทยให้ได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เช่นเดียวกับพรรคฝ่ายอนุรักษนิยมที่ต้องดึงมวลชนที่ทิ้งไปเลือกพรรคก้าวไกลให้กลับมาให้ได้เช่นเดียวกัน
แม้ว่าอาจจะไม่สามารถซื้อใจคนรุ่นใหม่ได้ เพราะคนรุ่นใหม่ไม่มีประวัติการต่อสู้ทางการเมืองร่วมกับทักษิณมาก่อน และคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่หลงกับวาทกรรมชวนเชื่อของพรรคก้าวไกล แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะต้องทำก็คือดึงคนที่เคยใส่เสื้อแดงแล้ววันนี้หันไปใส่เสื้อส้มให้กลับมาเป็นมวลชนของพรรคเพื่อไทยให้ได้ ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้าอาจจะแพ้พรรคก้าวไกลซ้ำรอยอีก
ถึงตอนนี้ทักษิณรู้แล้วว่าคู่แข่งของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่พรรคฝ่ายอนุรักษนิยมแต่เป็นพรรคก้าวไกล น่าสนใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าซึ่งทักษิณน่าจะได้รับอิสระแล้ว ถ้าเขายังไม่วางมือการเมืองเขาจะแสดงบทบาทในการนำพรรคเพื่อไทยหาเสียงเพื่อหาคะแนนนิยมหรือไม่ แล้วจะสามารถซื้อใจประชาชนที่เปลี่ยนไปนิยมพรรคก้าวไกลกลับมาได้หรือไม่
ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าศักยภาพของพรรคฝ่ายอนุรักษนิยมทุกพรรคนั้นไม่มีมากพอที่จะดึงดูดมวลชนจากพรรคก้าวไกลให้กลับมาเลือกได้ ในขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติเข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้บริหารไม่กี่กระทรวงก็ไม่น่าจะแสดงผลงานอะไรออกมามากนัก ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นฝ่ายค้านความบอบช้ำภายในของพรรคก็น่าจะต้องใช้เวลาอีกนานที่จะกู้ชื่อเสียงกลับคืนมา
ในขณะที่คนไม่น้อยมีความเชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้ายากที่จะต้านทานความแรงของพรรคก้าวไกลได้ แต่หนทางเดียวที่พรรคก้าวไกลจะได้เป็นรัฐบาลของประเทศนี้ก็คือจะต้องชนะเลือกตั้งให้ได้ สส.เกินครึ่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะถูกสกัดกั้นไม่ให้เป็นรัฐบาลเหมือนกับครั้งนี้
แต่แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะมาแรงขนาดไหนก็เชื่อว่า ทุกอำนาจในสังคมไทยก็จะต้องจับมือกันเพื่อต้านทานไม่ให้พรรคก้าวไกลไปสู่เป้าหมายการตั้งรัฐบาลพรรคเดียวแน่ๆ เพราะเห็นแล้วว่า นโยบายและอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคก้าวไกลนั้นเป็นอันตรายต่ออุดมการณ์ของรัฐและรูปแบบของรัฐไทยที่เป็นอยู่
นั่นยิ่งเป็นการยืนยันว่าจำเป็นจะต้องพึ่งพาพรรคเพื่อไทยและทักษิณ แม้ว่าจะมีบทเรียนมาแล้วจากหลายรัฐบาลของทักษิณที่เข้ามาบริหารประเทศว่ามักจะใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลหรือสร้างความเสียหายให้กับประเทศจนคนที่เป็นรัฐมนตรีหลายคนถูกดำเนินคดีก็ตาม ซึ่งเชื่อว่าทักษิณจะต้องสรุปบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก และทักษิณยังมีเป้าหมายคือพาน้องสาวยิ่งลักษณ์กลับมาประเทศอีกคน
ที่สำคัญรัฐธรรมนูญซึ่งจะถูกออกแบบขึ้นมาใหม่ตามที่ได้ประกาศไว้นั้นจะถูกออกแบบขึ้นมาอย่างไรเพื่อรับมือกับพรรคก้าวไกล เมื่อเห็นแล้วว่าการมีระบบบัญชีรายชื่อนั้นพรรคที่ได้ประโยชน์คือพรรคก้าวไกล เพราะแม้คนลงคะแนนไม่อาจทิ้งคนที่ตัวเองผูกพันได้ แต่พอลงคะแนนให้พรรคคนจำนวนมากลงให้พรรคก้าวไกล จึงมีคำถามว่า สส.ระบบบัญชีรายชื่อนั้นควรจะยังมีอีกไหม หรือกลับไปแบบเดิมที่มีแต่ สส.เขตอย่างเดียว
ดังนั้นการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทยของทักษิณกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมนั้นยังไม่อาจบอกได้ว่าฝ่ายอนุรักษนิยมกำลังพ่ายแพ้แต่จะเป็นขั้วพลังใหม่ที่จะต้านทานพรรคก้าวไกลที่เป็นอันตรายต่อระบอบของรัฐนั่นเอง
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan