นางวิคตอเรีย นูแลนด์ Victoria Nuland เจ้าแม่ของลัทธิจักรวรรดินิยมสหรัฐอเมริกา มีตำแหน่งสูงในกระทรวงการต่างประเทศได้ไปแสดงอำนาจในแอฟริกา
นางนูแลนด์เป็นตัวการที่หนุนการรัฐประหารในยูเครนล้มรัฐบาลในปี 2014 ที่มาจากการเลือกตั้ง ได้ฉายาว่า เป็น “นางผดุงครรภ์” ผู้ให้กำเนิดรัฐบาลยูเครนใหม่ที่เป็นเด็กดีของสหรัฐฯ
หลังการรัฐประหารในประเทศไนเจอร์ หรือนีแชร์ โดยคณะทหารนำโดยอดีตผู้นำกองกำลังอารักขาประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด บาซูม มีบรรยากาศของความตื่นตระหนกในโลกตะวันตก
ฝรั่งเศสซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมของประเทศนี้เผชิญกับการสูญเสียผลประโยชน์มหาศาลจากการทำเหมืองยูเรเนียมและการครอบงำเศรษฐกิจ
ทันทีหลังจากการรัฐประหาร พลเอกอับดูราฮามาเน ทีเชียนี Abdourahamane Tchiani ผู้นำประเทศคนใหม่ได้สั่งให้หยุดความสัมพันธ์ด้านการทหารกับฝรั่งเศสทันที
หมายความว่ากองกำลังทหารฝรั่งเศสซึ่งมีอยู่ประมาณ 1,500 นายในประเทศต้องเดินทางกลับ แต่รัฐบาลฝรั่งเศสปฏิเสธอ้างว่ามีข้อตกลงกับผู้นำคนก่อนที่ยังถูกขังไว้และถูกดำเนินคดีในข้อหากบฏ
นางนูแลนด์ รีบบินไปพบกับคณะผู้นำทหารของประเทศไนเจอร์เรียกร้องให้คืนอำนาจแก่ผู้นำคนก่อน และพยายามขอเข้าพบนายบาซูมแต่ถูกปฏิเสธ
นางนูแลนด์ บอกว่าถ้าประเทศไนเจอร์ไม่คืนอำนาจและหวนคืนสู่ระบบประชาธิปไตยรัฐบาลสหรัฐฯ จะตัดความช่วยเหลือ แต่ยังขอร้องว่าให้กองทหารสหรัฐฯ ที่มีฐาน 2 แห่งในประเทศยังคงอยู่ต่อไป
ประเด็นนี้ทำให้ฝรั่งเศสโกรธเพราะดูเหมือนถูกสหรัฐฯ หักหลังเพราะเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัวและพร้อมยอมรับรัฐบาลจากการรัฐประหารถ้าสหรัฐฯ ยังได้ประโยชน์
ฝรั่งเศสเดือดเป็นฟืนเป็นไฟเพราะทหารสหรัฐฯ ไม่ถูกต่อต้านโดยประชาชนในประเทศเพราะใช้ประเทศไนเจอร์เป็นฐานสำหรับการส่งโดรน อากาศยานไร้คนขับลาดตระเวนในพื้นที่แอฟริกา
ช่วงการเยือนเมืองหลวงของไนเจอร์ นางนูแลนด์ ไม่ได้พบผู้นำรัฐประหารเพียงแต่ได้ต่อรองสนทนากับคณะทหารเท่านั้นและเตือนว่า ไม่ควรนำกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ เข้ามาในประเทศ
ก่อนหน้านั้นกลุ่มประเทศ ECOWAS ส่วนหนึ่งให้คำขาดกับรัฐบาลคณะรัฐประหารให้ปล่อยตัวนายบาซูม ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกกองกำลังบุกเพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตย
คำขาดระยะเวลา 7 วันผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นผู้นำไนเจอร์ปิดน่านฟ้า ผู้นำประเทศมาลี และบูร์กินาฟาโซ ประกาศจะเข้าช่วยเหลือไนเจอร์ถ้ามีสงคราม
ฝรั่งเศสสนับสนุนให้กลุ่มประเทศ ECOWAS ใช้กำลังจัดการกับคณะรัฐประหาร แต่สหรัฐฯ ไม่ได้แสดงท่าทีอย่างนี้แม้จะได้ประณามการรัฐประหารก่อนหน้านี้
จะเห็นได้ชัดว่าสหรัฐฯ พร้อมจะยอมรับรัฐบาลทหารถ้าผลประโยชน์ยังคงอยู่ และทหารอเมริกันจะยังทำภารกิจในประเทศไนเจอร์ได้
ประเทศไนเจอร์จัดอยู่ในกลุ่มที่ยากจนที่สุดในโลกแม้จะมีทรัพยากรมีค่าเช่นยูเรเนียม ทองคำ และน้ำมันแต่ผลประโยชน์ถูกครอบครองโดยฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมและพยายามครอบงำโดยระบบอาณานิคมยุคใหม่คุมเศรษฐกิจการคลัง
ประชาชนไนเจอร์ 43% มีรายได้ต่ำกว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน แต่มีประชากรที่อยู่ในวัยหนุ่มสามารถเป็นแรงงานต่อไปได้ถ้าได้รับการพัฒนาด้านการศึกษาอย่างเต็มที่
นางนูแลนด์ มาจัดการเรื่องนี้แสดงให้เห็นชัดว่าสหรัฐฯ ต้องการอยู่ในประเทศไนเจอร์ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอย่างไรและไม่สนใจว่าฝรั่งเศสจะคิดอย่างไร
นักการทูตฝรั่งเศสถึงกับบอกสื่อสิ่งพิมพ์ Le Figaro ว่าการมีเพื่อนแบบสหรัฐฯ ก็ไม่จำเป็นต้องมีศัตรูเพราะทำตัวยิ่งกว่าศัตรู
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่สหรัฐฯ แทงข้างหลังฝรั่งเศส ก่อนหน้านี้ก็ชิงสัญญาการสร้างเรือดำน้ำด้วยพลังงานนิวเคลียร์จากฝรั่งเศสซึ่งได้รับคำสั่งซื้อจากรัฐบาลออสเตรเลีย
สหรัฐฯ ร่วมมือกับอังกฤษแย่งสัญญาจากฝรั่งเศสซึ่งออสเตรเลียจำยอม ทำให้ฝรั่งเศสโกรธมากเพราะสัญญามีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ฝรั่งเศสต้องกลืนเลือดอีกรอบ
กลุ่มประเทศแอฟริกาได้ลุกฮือปลดแอกจากการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยเฉพาะจากฝรั่งเศสซึ่งมีอิทธิพลเหนือ 14 ประเทศและตักตวงผลประโยชน์โดยตลอด
การลุกฮือเกิดขึ้นโดยการรัฐประหารโดยทหารซึ่งมองว่ามีความจำเป็นต้องปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและผู้นำประเทศเหล่านี้อย่างน้อย 5 ประเทศร่วมมือกันและพร้อมช่วยเหลือประเทศไนเจอร์
การรัฐประหารได้รับความเห็นชอบจากประชาชนโดยมากกว่า 70% ในไนเจอร์ประชาชนหลายหมื่นคนรวมตัวกันในสนามกีฬาเพื่อสนับสนุนรัฐบาลทหาร
ที่น่ากังวลสำหรับสหรัฐฯ คือ กลุ่มประเทศเหล่านี้หันไปคบกับรัสเซียซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกับจีนที่ต้องการสร้างอิทธิพลโดยการให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ และลดทอนอำนาจอิทธิพลของสหรัฐฯ ในแอฟริกา