xs
xsm
sm
md
lg

แนวรบใหม่...ของ “สงครามแห่งโลกแอฟริกา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


นายพลAbdourahamane Tchiani ได้ประกาศแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้นำคนใหม่ของไนเจอร์
เปิดฉากสัปดาห์นี้...สงสัยคงต้องแวะๆ ไปแถวๆ แถบฝั่งตะวันตกของทวีปแอฟริกากันสักหน่อยแล้วทั่น!!! อันเนื่องมาจากการเกิด “รัฐประหาร” ในประเทศ “ไนเจอร์” เมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา (26 ก.ค.) ที่แม้บรรดาชาวไนเจอร์จะออกมากู่ร้องปองรักคณะรัฐประหารของ “นายพลAbdourahamane Tchiani” ผู้ได้ตั้งตัวเป็นประธานาธิบดีคนใหม่เรียบร้อยแล้ว หลังจากกักตัวประธานาธิบดีที่มาจากเลือกตั้ง “นายMohamed Bazoum” ไว้ในทำเนียบชนิดแทบไม่ต่างไปจากช่วงยุค “คสช.” บ้านเรา แต่เอาไป-เอามา...มันชักก่อให้เกิดความชุลมุน-ชุลเก ระดับผู้เชี่ยวชาญแอฟริกาอย่าง “นายFranklin Nyamsi” ประธานสถาบัน “The African Freedom Institute” ถึงกับต้องออกมาสรุปว่า... “ขณะนี้...เรากำลังอยู่ที่ปากประตูของสงครามแห่งโลกแอฟริกา” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!

คือแม้ว่าการ “รัฐประหาร” อาจถือเป็นเรื่องปกติ-ธรรมดาสำหรับบรรดาประเทศต่างๆ ในแอฟริกาไปแล้วก็ว่าได้ เรียกว่า...แค่ช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมา เกิดการรัฐประหารในประเทศต่างๆ ในแอฟริกาตะวันตก รวมถึงแอฟริกากลางไม่ต่ำไปกว่า 7 ครั้ง 7 หน แต่สำหรับการรัฐประหารคราวนี้ ออกจะเป็นอะไรที่น่าจับตาอย่าง “มิอาจกะพริบตา” ได้เลย เพราะนอกจากแต่ละประเทศ ไม่ว่าอเมริกา ยุโรป สหประชาชาติ รวมทั้งแม้แต่หมีขาวรัสเซีย ฯลฯ จะแสดงท่าทีคัดค้าน ไม่ให้การยอมรับต่อรัฐประหารดังกล่าว กลุ่มประเทศในแอฟริกาตะวันตกที่เคยร่วมก่อตั้งกลุ่มก้อนองค์กรอันเป็นที่รู้จักกันในนาม “ECOWAS” (The Economic Community of West African States) ตั้งแต่เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว (ค.ศ. 1975) ถึงกับออกมาประกาศว่า ไม่เพียงแต่จะคว่ำบาตร แซงชั่น ต่อรัฐบาลใหม่ของไนเจอร์เท่านั้น แต่กำลังตระเตรียมแผนที่จะ “แทรกแซงทางทหาร” ต่อประเทศนี้ ถ้าไม่ยอมมอบคืนตำแหน่งประธานาธิบดีให้กับผู้ที่มาจากการเลือกตั้งอย่าง “นายMohamed Bazoum” ภายในช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (6 ก.ค.)...

อันนี้นี่แหละ...ที่มันก่อให้เกิดอาการชุลมุน-ชุลเก ระดับ “เรากำลังยืนอยู่ที่ปากประตูของ...สงครามแห่งโลกแอฟริกา” อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญด้านแอฟริกา “นายFranklin Nyamsi” เขาได้สรุปไว้ คือด้วยเหตุเพราะบรรดาประเทศแอฟริกาตะวันตกอย่าง “ECOWAS” ที่มีอยู่ด้วยกัน 15 ประเทศนั้น ต่างไม่ได้เป็น “เอกภาพ” กันมานานแล้ว ไม่ว่าด้วยเรื่องศาสนาที่บางรายหนักไปทางคริสต์ บางรายหนักไปทางอิสลาม หรือด้วยเรื่องภาษาที่ 8 ประเทศพูดภาษาฝรั่งเศส 5 ประเทศพูดอังกฤษอีก 2 ประเทศพูดโปรตุเกส เป็นหลัก แต่ยังมีเรื่องของการ “รัฐประหาร” นี่แหละเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะหลังจากประเทศในแอฟริกาตะวันตกอย่าง “มาลี” เกิดการรัฐประหารในปี ค.ศ. 2021 ประเทศ “กินี” เกิดการรัฐประหารในปีเดียวกันและประเทศ “บูร์กินาฟาโซ” เกิดรัฐประหารในปี ค.ศ. 2022 บรรดาประเทศเหล่านี้เลยถูก “แขวน” ถูกต่อต้าน คัดค้าน จาก “ECOWAS” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น...เมื่อเกิดรัฐประหารครั้งล่าสุดที่ไนเจอร์ ไม่ว่าประเทศมาลี กินี บูร์กินาฟาโซ เลยหันมาสนับสนุนรัฐบาลรัฐประหารกันอย่างเป็นเรื่อง-เป็นราว แถมพร้อมส่งกำลังทหารไปช่วยรัฐบาลของ “นายพลAbdourahamane Tchiani” อีกต่างหาก ถ้าหากถูกกองกำลัง “ECOWAS” บุกโจมตี ตามคำประกาศของผู้บัญชาการด้านกิจการการเมือง-สันติภาพและความมั่นคง อย่าง “นายพลAbdel-Fatou Musha” ที่ได้ระบุไว้เมื่อช่วงวันศุกร์ (4 ส.ค.) ที่ผ่านมา หรือนั่นเท่ากับต้องเกิดการเปิดฉาก “สงครามแห่งโลกแอฟริกา” ชนิดแทบไม่รู้ไผ-เป็นไผ ใคร-เป็น-ใครอีกต่อไป!!!

แต่ที่ออกจะชุลมุน-ชุลเกยิ่งไปกว่านั้น...ก็คือ แม้ประเทศไนเจอร์จะเป็นแค่ประเทศเล็กๆ ยากจนสุดๆ แถมเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทางทะเล หรือที่เรียกๆ ว่า “Landlocked” อะไรประมาณนั้น ถูกล้อมรอบโดยประเทศถึง 7 ประเทศด้วยกัน คือด้านตะวันออกเฉียงเหนือติดลิเบีย ตะวันออกติดกับชาด ด้านใต้ติดไนจีเรีย ตะวันออกเฉียงใต้ติดเบนินและบูร์กินาฟาโซ ตะวันตกติดมาลี และตะวันตกเฉียงเหนือติดแอลจีเรีย แต่ด้วยเหตุเพราะ “ภูมิรัฐศาสตร์” ในลักษณะเช่นนี้หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะคิด เลยทำให้ประธานสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์อย่างคุณพ่ออเมริกาของเรา ให้ความสำคัญมิใช่น้อย โดยเฉพาะการอาศัยพื้นที่ดังกล่าว เป็นฐานปฏิบัติการส่งเครื่องบินโดรนไปเล่นงานบรรดา “ผู้ก่อการร้าย” ในภูมิภาคนี้ จนถึงกับทุ่มเทเงินทองช่วยเหลือประเทศนี้ ถึงปีละ 500 ล้านเหรียญนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2021 หรือถือเป็นประเทศที่ได้รับเงินช่วยเหลือสูงสุดในหมู่ประเทศแอฟริกาด้วยกัน...

อีกทั้งอดีตเจ้าอาณานิคมของไนเจอร์ อย่างฝรั่งเศส ที่ไม่เคยคิดปล่อยมือจากประเทศนี้ไปง่ายๆ แม้เป็นประเทศจนแสนจนเพียงใดก็ตาม ด้วยเหตุเพราะบรรดา “สินแร่” ต่างๆ ออกจะอุดมสมบูรณ์เอามากๆ ไม่ว่าถ่านหิน ทองคำ แร่เหล็ก อะลูมิเนียม ฟอสฟอรัส น้ำมัน เกลือ ยิปซั่ม ฯลฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ยูเรเนียม” ที่ผลิตได้ปีละเป็นพันๆ ตัน สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก และถูกส่งออกไปยังฝรั่งเศสและยุโรป จำนวนถึง 25 เปอร์เซ็นต์ เพื่อหล่อเลี้ยงโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยเฉพาะในช่วงที่ยุโรปทั้งยุโรปหันไปแซงชั่นพลังงานราคาถูกจากรัสเซียตามก้นอเมริกา อันถือเป็นรายได้หลักของประเทศนี้มาโดยตลอด แต่เมื่อรัฐบาลรัฐประหารของ “นายพลTchiani” ขึ้นสู่อำนาจ ก็ดันประกาศห้ามส่งออกยูเรเนียมไปยังฝรั่งเศสโดยทันที ด้วยเหตุเพราะไม่อยากตกอยู่ภายใต้ความเป็น “อาณานิคม” ของโลกตะวันตกอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าในแบบเก่า หรือแบบใหม่แถมบรรดาชาวไนเจอร์ที่ออกมาสนับสนุนคณะรัฐประหาร ดันหันไปชูรูปภาพผู้นำรัสเซียประธานาธิบดี “ปูติน” ซะเฉยเลย!!! อันนี้นี่เอง...ที่ทำให้รัฐประหารคราวนี้ ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดการยืนอยู่ที่ปากประตูสงครามแห่งโลกแอฟริกาเท่านั้น แต่ยังลุกลามไปถึงโลกทั้งโลกที่ถูกแบ่งขั้ว แบ่งฝ่าย ออกเป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” และ “โลกหลายขั้วอำนาจ” และกำลังชิงไหวชิงพริบกันในทุกๆ แนวรบ...

หรือพูดง่ายๆ ว่า...ด้วยการโน้มเอียงไปทาง “โลกขั้วอำนาจเดียว” หรือโลกตะวันตกของประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งอย่าง “นายMohamed Bazoum” ที่ยอมเปิดพื้นที่ให้เป็นฐานปฏิบัติการของทหารอเมริกัน ฝรั่งเศส ยุโรปกว่า 1,000 นายจะเพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือหรือไม่? เพียงใด? ก็ตามที แต่ “อานิสงส์” เหล่านี้ ดูจะไม่เผื่อแผ่เจือจานมาถึงปุถุชนคนธรรมดามากมายสักเท่าไหร่นัก ขณะที่พวก “โลกหลายขั้วอำนาจ” อย่างคุณพี่จีน เป็นต้น กลับอาศัยโครงการ “BRI” หรือ “Belt and Road initiative” สร้างความเผื่อแผ่เจือจานให้บรรดาชาติแอฟริกาทั้งหลายอย่างเป็นเนื้อเป็นหนัง แถมบางครั้งบางครายังต้องหันไปพึ่งบริการด้านความมั่นคงจาก “นักรบรับจ้าง” ชาวรัสเซีย หรือพวก “Wagner Group” ซะอีกต่างหาก การหันไปชูรูป “ปูติน” โบก “ธงรัสเซีย” เพื่อแสดงความสนับสนุนต่อรัฐบาลรัฐประหาร จึงถือเป็นการสะท้อน “อารมณ์-ความรู้สึก” ของบรรดาผู้ที่ตกอยู่ภายใต้การเป็น “อาณานิคม” ของโลกตะวันตกมานานแสนนาน ดังที่รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลี “นายAntonio Tajani” ได้สรุปความเห็นกับหนังสือพิมพ์ “La Repubblica” เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (3 ส.ค.)นั่นเอง หรือ “ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ว่ารัสเซียเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รัฐประหารในไนเจอร์แต่อย่างใด” แม้ว่าอดีตผู้บัญชาการทหารรับจ้าง “Wagner” และผู้คิดก่อกบฏรัสเซีย อย่าง “นายEvgeny Prigozhin” จะออกมาเชียร์รัฐประหารคราวนี้แบบเหยงๆ ก็ตาม...

แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยความชุลมุน-ชุลเกของการรัฐประหารในไนเจอร์ เลยทำให้ “สงครามแห่งโลกแอฟริกา” มีความเกี่ยวโยง เกี่ยวพัน ไปถึงสงครามระดับโลกทั้งโลกอย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ หรือทำให้นักสังเกตการณ์บางรายถือเป็น “แนวปะทะล่าสุด...ของสงครามเย็นยุคใหม่” เอาเลยถึงขั้นนั้น อันเนื่องมาจาก...ไม่ว่าพื้นที่ใดๆ ซีกโลกไหนๆ ที่โลกตะวันตกหรือพวก “โลกขั้วอำนาจเดียว” ต้องสูญเสียบทบาท อิทธิพล ลงไปด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม มักกลายเป็นตัวเปิดช่อง เปิดทาง หรือก่อให้เกิด “ทางเลือก” ในอันที่จะหันไปหาที่พึ่ง ที่หวังใหม่ๆ จากพวก “โลกหลายขั้วอำนาจ” อย่างจีนและรัสเซีย เป็นต้น ดังนั้น...นอกจาก “แนวรบ” ที่สำคัญๆ ในโลกทั้ง 3 แนวรบ อันได้แก่ “แนวรบยุโรปตะวันออก” “แนวรบตะวันออกกลาง” และ “แนวรบทะเลจีนใต้แล้ว” เผลอๆ...อาจต้องเพิ่ม “แนวรบแอฟริกา” ไว้อีกแนวรบ ที่คงต้องคอยจับจ้อง มองเขม้น อย่างมิอาจกะพริบตาได้เลย...


กำลังโหลดความคิดเห็น