***ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที สื่ออาวุโสเครือผู้จัดการ รุ่นพี่ธรรมศาสตร์ เขียนจดหมายถึง น้องธนาธร...เนื่องในวันสถาปนามหาวิทยาลัย
ผมเองตั้งใจสื่อสารถึงเขาด้วยความจริงใจ!
คุณอาจจะไม่ถือว่าผมเป็นรุ่นพี่ เราอาจจะห่างกัน 10 ปี!
แต่ผมก็คิดว่าอายุห่างกันไม่มาก เราก็อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน และสถาบันการศึกษาที่ท่าพระจันทร์สอนให้เราปรารถนาดีต่อประชาชนไม่แพ้กันกับที่รังสิต “สอนให้เรารักประชาชน ช่วยเหลือประชาชนผู้ทุกข์ยาก”
และผมก็เชื่อว่าคุณเองก็คงภาคภูมิใจในสถาบันการศึกษาที่บ่มเพาะเรามา ก่อเกิดเป็นความรู้ ทฤษฎี ความเชื่อ โมหะ ความยึดมั่น ความหวังดีต่อบ้านเมือง เราอาจจะเรียกมันว่าเป็นคนมีอุดมการณ์ ปรารถดีให้สิ่งดีงามก่อเกิดขึ้นในประเทศของเรา
คุณคงจำได้ที่คุณพูดถึง “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเพียงวาทะกรรม” และวาทะกรรมนี้ ได้ก่อเกิดคำถามความชิงชัง ในวงกว้าง ทางพี่ปัญญา ปุลิเวคินทร์ คนปลูกต้นไม้บนกองเศษหินเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีของ ร.9 ได้มาที่สถานีเพื่อสื่อสารอย่างเมตตาแบบพี่น้องไปยังคุณ เชิญชวนให้ใจเราได้เปิดกว้าง กรณีการพูดสื่อสารกับสังคมไทย คุณน้องธนาธรได้สื่อสารอย่างน่าสงสารในภูมิความรู้ในตนอย่างน่าเอ็นดู เพราะคุณคือนักการเมือง คุณคือลูกเถ้าแก่ใหญ่ ลูกหลานจีนที่มีกะตังค์
คุณธนาธร ไม่เคยตั้งคำถามบ้างหรือว่า? เวไนยสัตว์คนในแผ่นดิน มีการเบียดเบียน แข่งขันแย่งชิง เอารัดเอาเปรียบ เป็นเรื่องปกติของคนในรัฐชาติของเรา แต่ทำไมพระมหากษัตริย์ผู้ไม่พูดหยาบ ได้ใช้ความพยายามปลูกหญ้าวัชพืชหญ้าแฝกที่สังคมราชการยังงงและยังเบลอว่าปลูกไปทำไม? เวไนยสัตว์ ผู้หยาบด้วยปัญญา มีในระบบราชการ มีในกองทัพ มีในหมู่นักการเมือง พ่อค้านักธุรกิจ มันก็ไม่ใช่สิ่งผิดหรอกที่ในสังคมรัฐชาติเรา รวมตัวกันเป็นสังคมใหญ่มีกันหลากหลาย
“นับแต่อุปราชจนถึงคนรักษาช้างคนรักษาม้า และนับแต่คนรักษาม้าจนถึงอุปราชและโดยเฉพาะเหล่าอำมาตย์ ล้วนจาริกในโมหภูมิทั้งนั้น พวกนี้ขาดทั้งความรู้ทางวิชาการ ทั้งความรู้ทั่วไป คือความสำนึกธรรมดาพวกนี้ไม่รู้แม้แต่ประโยชน์ตน พวกนี้ชอบผลมะม่วงแต่ก็ทำลายต้นมะม่วง”
ภาษาธรรมนี้ในหลวง ร.9 เขียนอยู่ในพระมหาชนก สอนอะไรในจิตใจของเรา!
ระยะเวลา 19 ปีนี้นานไหมในชีวิตของมนุษย์ ที่ท่านคิดและสังเคราะห์ จิตใจ ความรู้ ในเส้นทางการทำงานของพระองค์ท่าน
คุณไม่ตั้งคำถามบ้างหรือว่า ทำไม? พระองค์ท่านมีจิตที่เฝ้าสนใจอยู่กับหญ้าแฝกวัชพืชที่มีรากลึก และตรึงแผ่นดินสกัดกั้นของกาลเวลาในฤดูฝน ซึ่งพ่อแม่ของเราไม่ได้คิดเรื่องดังกล่าว คนจีนบางคนอาจจะคิดเลี้ยงไก่ ทำฟาร์มหมู บางคนครอบครัวผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ เชื่อมเหล็กหาเงินให้ลูกได้เรียนที่ธรรมศาสตร์ บางครอบครัวสัมปทานต้มสุราและก็มีความมั่งคั่ง มีความความสุขในแผ่นดินบ้าง ทุกข์บ้าง ตามที่ใจปรารถนา!
คุณลองนั่งคิดตรองชีวิตริมหน้าต่างในค่ำคืนนิ่งๆ คนเดียวซิว่า ทำไมผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ไปปลูกหญ้าสกัดการพังทลายของดินอยู่ตามไหล่เขาที่ลาดชันของประเทศ พระองค์ท่านนำปลูกอยู่คนเดียว ปลูกและปลูก และผมเชื่อว่าคนหนุ่มสาวในพรรคก้าวไกลหากช่วยปลูก “กุศลจะเกิดแก่พรรคของน้องไม่น้อย”
พ่อแม่ของเราทำเศรษฐกิจสร้างความมั่งคั่งให้กับครอบครัวของเรา แต่จิตใจของพระเจ้าแผ่นดินอยู่กองเม็ดฝนที่กร่อนแผ่นดิน หนึ่งฤดูกาลของเม็ดฝนกัดเซาะพื้นที่ลาดชัน แหล่งน้ำตื้นเขิน เพราะเราเปลือยหน้าดินเพราะการดิ้นรนทางเศรษฐกิจ พระราชาก็ไม่ได้ตำหนิพ่อแม่ของเรา เพราะเป็นวิถีเวไนยสัตว์ที่ถือว่าประกอบอาชีพที่ชอบตามสมควร
ผมเองในการทำงานสื่อสาร ผมเอาช่องโทรทัศน์เพื่อถ่ายทอดสดที่ร้านกาแฟในหมู่บ้าน อ.บันนังสตา (เนินมะเฟือง) เจาะไอร้อง เข้าไปทำข่าวที่ตำบลดุซงญอ ในฐานะพื้นที่ข่าวในประวัติศาสตร์ เพื่อนำเสนอข่าวสารอย่าประณีต เพื่อก่อกุศลแก่ผู้รับสารของคนในสังคมไทย ไม่ให้แตกร้าว
ในวันที่คุณเรียนมัธยม ผมเองเอาการถ่ายทอดสดขึ้นไปบนดอยสูงในภาคเหนือ เพื่อให้ชาวชาติพันธุ์ได้บอกเล่าสื่อสารชีวิตการพัฒนาที่ไม่เท่าคนเมืองให้ทางราชการได้ทราบเป็นระยะ เพราะกระทรวงมหาไทยเดินขึ้นดอยสูงได้ช้าด้วยกว่าพระเจ้าแผ่นดิน
เดิมพันการพัฒนาของพระเจ้าแผ่นดิน คือชีวิตคนชีวิตมนุษย์ให้พสกนิกรได้มีชีวิตที่ดี ไม่ถูกข่มเหงจากภัยสงครามทุกมิติ ในหลวงก็ใช้เหรียญบาทให้ตอกเป็นเลขขึ้นมา เพื่อให้กับประชากรบนดอยสูงให้เก็บไว้ยืนยันกับทางราชการ ในกาลต่อมาว่า ในราชอาณาจักรคือประชากรของพระราชาที่ราชการพึงให้ความสนใจ ในเส้นทางของการพัฒนาเพื่อแก้ไขความยากไร้
ผมมีหลานสะใภ้เป็นลูกจีนที่เกิดในชนบทของอินโดนีเซีย พ่อเป็นลูกครึ่งจีนเปอรานากัน ได้ส่งลูกสาวสองคนให้เรียนหนังสือในสิงคโปร์ เพื่อหลีกเร้นการเบียดเบียนรังแกกันของปัญหาชาติพันธุ์ในชนบทชานเมืองจาการ์ตา
ผมมีญาติอยู่ในอำเภอรามัน ทำสวนยาง รับซื้อเศษยางในคนรุ่นปู่ การเบียดเบียนกันในชุมชนก็เกิดขึ้น เพื่อบีบบังคับให้ขายสวนยางไร่ละ 100 บาท สุดท้ายความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทำให้ต้องอพยพจากชนบทเข้ากรุงเทพฯ เพราะญาติต้องขายบ้านขายสวนยางทิ้งอดีตราคาถูกในวัยเยาว์ทิ้งความทรงจำไว้แล้วจากมา
น้องธนาธร ในเส้นทางของคนถือปืนในนามของรัฐ หรือไม่ใช่ในนามของรัฐ!
เราเห็นปรากฏการณ์ของสิ่งเหล่านี้ ทุกรัฐชาติบนโลก มีทั้งหยาบมีทั้งละเอียด มีทั้งทำลายและสร้างสรรค์
เส้นทางสายของวาทะกรรมของนักการเมือง วาทะกรรมที่มีอคติ โมหะ ความชิงชัง ความเชื่อที่สร้างผลกรรมตามมา ย่อมมีร่องรอย จากอคติ โมหะ ความเชื่อความศรัทธา ที่เจือปนด้วยความหยาบของใจ
คุณทำไปเถิด..หากสิ่งไหนที่ก่อกุศล ทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง และเบื้องปลาย สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ต่อคนชาติเราและชาตินี้ เป็นประโยชน์ทั้งเมื่อวาน วันนี้ และวันข้างหน้า คุณทำไปเถิด!
คุณลองต้องข้อสังเกตพินิจตรองดูในคืนเงียบก็ได้ว่า
ครั้งพุทธกาลก็สอนเรามานานว่า “คนบางคนคนเกิดมาคาบดอกไม้มาในปาก คนบางคนเกิดมาคาบขวานมาในปากตอนเกิด” สิ่งเหล่านี้คงสอนเราได้ให้ครองสติในการสื่อสารกับสังคมในทุกระดับของการสื่อสาร
ผมเองชื่นชมคนรุ่นใหม่ที่มีพลังสร้างสรรค์ในเส้นทางสายนี้ พลังเหล่านี้เกิดประโยชน์ในกาลเวลา เพื่อสร้างสรรค์บ้านเมือง หากก่อกุศลในเบื้องต้น ดำเนินไปในเบื้องกลาง ผลปั้นปลายย่อมเป็นกุศล!
ผมเองชอบวาทะกรรมที่คุณพูดกับคนหนุ่มสาวในรั้วมหาวิทยาลัยที่มีเสรีภาพทางวิชการ คุณสื่อสารหลักคิดที่เชื่อมั่นว่าสิ่งนี้ถูก สิ่งนั้นไม่ถูก สิ่งนี้ไม่สร้างสรรค์ สิ่งนี้สร้างสรรค์
และเมื่อจัดรายการผมก็ย้ำอยู่เสมอว่า ความหลากหลายคือความงดงามของแผ่นดิน ความหลากหลายก่อเกิดภูมิปัญญาและความมั่งคั่งขึ้นภายในชาติในสังคม ที่ร่ำรวยด้วยวัฒนธรรมแห่งความไม่แตกร้าว
ผมชื่นชมคุณในฐานะนักปลูกดอกไม้ทางวาทะกรรมที่เข้าถึงคนหนุ่มสาว เหมือนตอนที่เราเป็นหนุ่มสาวในรั้วมหาวิทยาลัย
“น้องครับ การปลูกดอกไม้แห่งความหลากหลายในสังคมไทย เพื่อให้มีแจกันของแผ่นดินมีดอกไม้เบ่งบานหลากสี เมื่อปลูกดอกไม้วาทะกรรม น้องช่วยเก็บเศษแก้วคมที่คนหยาบทำไว้ หรืออย่าฝังเศษแก้วคมลงในแผ่นดินอีกนะครับ สงสารในกาลเวลาวันหน้าคนที่เขามาพรวนดิน เศษแก้วคมบาดมือคนอื่นๆ อกุศลและบาปจะติดตามเราไปไม่สิ้นสุดครับน้อง”
ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที
พิธีกรรายการสภากาแฟ NEWS1