การเมืองในมุมมองของโหร

โดยหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จะต้องมีการเลือกตั้งผู้แทนปวงชนเข้าไปทำหน้าที่ในด้านนิติบัญญัติ และในด้านบริหารประเทศ ดังนั้น การเลือกตั้งผู้แทนดังกล่าว จึงเป็นสิทธิและหน้าที่ของประชาชนในฐานะเป็นพลเมืองของประเทศ

ประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยตั้งแต่ปี 2475 หรือประมาณ 90 กว่าปีแล้ว

จากวันนั้นถึงวันนี้ ประเทศไทยได้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยมาแล้วหลายรัฐบาล แต่ไม่เคยปรากฏว่ามีรัฐบาลใดที่มาจากการเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ทำงานเป็นที่พอใจของประชาชน และลงจากตำแหน่งอย่างสง่างาม โดยมีผู้นำรัฐบาลได้รับการยอมรับว่าเป็นรัฐบุรุษในสายตาประชาชน จะมีก็เพียงรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งนักเลือกตั้งเรียกว่า รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบเท่านั้น ที่ลงจากอำนาจเมื่ออยู่ในตำแหน่งครบสองเทอม ด้วยคำว่า “ผมพอแล้ว” และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐบุรุษ ทั้งเป็นที่ยอมรับและให้การยกย่องนับถือ ทั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้

1. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถึงแม้จะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และมิได้สังกัดพรรคการเมือง แต่บริหารประเทศได้ดีกว่านักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในด้านความซื่อสัตย์ สุจริต

2. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นคนรักชาติ รักแผ่นดิน ยึดมั่นในคุณธรรมและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยความจริงใจไม่มีเลศนัย

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีการเลือกตั้งทั่วไป ส.ส.และผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคก้าวไกล ภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวน 151 ที่นั่ง ด้วยคะแนน 64 ล้านเสียง ซึ่งถือว่ามากเมื่อเทียบกับพรรคอื่น

แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะต้องใช้เสียงถึง 376 เสียงในการโหวตเลือกนายกฯ

ในขณะนี้พรรคก้าวไกลได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยการรวบรวมเสียงได้ 312 เสียงจากพรรคการเมือง จึงต้องหาเสียงสนับสนุนอีก 64 เสียง จึงจะได้รับเลือกเป็นนายกฯ แต่จากการติดตามข่าวการเมืองจากผู้รู้ทั้งหลาย เป็นไปในทางเดียวกันว่า “พรรคก้าวไกลคงจะไม่ได้เป็นรัฐบาล เนื่องจากหาเสียงสนับสนุนได้ไม่ครบ ประกอบกับในขณะนี้หัวหน้าพรรคยังถูกร้องเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติของการเป็น ส.ส.ในกรณีถือหุ้นสื่อไอทีวี

แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ หนึ่งเดียวของพรรคก้าวไกลได้เดินสายขอบคุณประชาชนที่เลือกพรรคก้าวไกล และพร้อมกันนี้ยังได้เดินสายพบปะหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาแนวร่วมทางการเมืองและได้รับการต้อนรับจากมวลชนที่นิยมพรรคมากพอสมควร

จากปรากฏการณ์ที่มีมวลชนออกมาขานรับนโยบายพรรคก้าวไกล ทำให้เกิดข้อกังวลว่า ถ้าพรรคก้าวไกลไปไม่ถึงดวงดาว จะทำให้เกิดการประท้วงทางการเมืองครั้งใหญ่หรือไม่?

เกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ นอกจากมีนักวิชาการในด้านการเมืองได้ออกมาแสดงความคิดเห็นแล้ว ยังมีบรรดาโหรทั้งหลายออกมาทำนายทายทักในแง่มุมต่างๆ โดยเฉพาะใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยคนที่ 30

ผู้เขียนในฐานะโหรสมัครเล่นได้มองการเมืองโดยอาศัยดวงเมือง และดวงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเป็นนายกฯ ตามหมอดูนำมาเปิดเผยทางสื่อ จึงขอสรุปเป็นแนวทางการเมืองไทยดังต่อไปนี้

จากนี้ไปจนถึง 17 ตุลาคม 2566 ได้มีดาวใหญ่สองดวงคือ

1. ดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นดาวแห่งคุณธรรม และมีความหมายในด้านการพยากรณ์หมายถึงกระบวนการยุติธรรม และถ้าเป็นบุคคลก็หมายถึงผู้รักษากฎหมาย และศาล เป็นต้น

2. ราหูเป็นดาวแห่งความโลภ ความหลง ความงมงาย และในด้านพยากรณ์หมายถึงบุคคลประเภทดื้อแพ่ง ดื้อรั้นเบียดเบียนคนอื่น และปะทะกับทุกคนที่ขัดขวางผลประโยชน์ ในขณะนี้ดาว 2 ดวงนี้ทับทัคนาดวงเมืองอยู่ จึงทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างคนพาลกับคนดี ซึ่งยึดถือกฎเกณฑ์และกติกาทางสังคม จึงทำให้เกิดความวุ่นวาย

แต่สุดท้ายเมื่อถึงวันที่ 17 ตุลาคม ดาวราหูโคจรเข้าสู่เรือนวินาศ คนพาลก็จะพบกับจุดจบไม่เดินเข้าจุดก็หลบหนีคดี

ต่อจาก 17 ต.ค.-พ.ค. 67 การเมืองจะเข้าสู่ภาวะปกติ และประเทศก็จะเดินหน้าไปได้ด้วยดี