ยูเครนเสี่ยงหายนะ

ผู้นำยูเครน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ อดีตดาวตลกน่าจะรู้ว่าชะตากรรมของประเทศและของตัวเองจะจบแบบไม่สวยอีกไม่นาน อาจก่อนที่ยูเครนจะเปิดฉากรุกตอบโต้รัสเซียก็ได้

การใช้โดรน 8 ตัว โจมตีเป้าหมายในกลุ่มมอสโกแม้จะสร้างความเสียหายให้อาคารที่อยู่อาศัยบ้างเล็กน้อยแต่จะมีผลร้ายต่อยูเครนมหาศาล

ที่ผ่านมา รัสเซียได้ใช้อาวุธสารพัดทั้งจรวดปืนใหญ่และโดรน โจมตีเป้าหมายด้านสาธารณูปโภคและคลังแสงที่ส่งให้ยูเครนจากกลุ่มประเทศตะวันตกสร้างความเสียหายอย่างมาก

การใช้ยานบินไร้คนขับโจมตีกรุงมอสโกเหมือนเป็นตัวเร่งให้กองทัพรัสเซียจะโจมตียูเครนหนักกว่าเดิม โดยมุ่งหวังที่จะทำลายประเทศจนสิ้นสภาพและยากในการฟื้นฟู

สงครามกว่าหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา สร้างความพินาศย่อยยับให้ยูเครนและสูญเสียพื้นที่ประมาณ 25% อยู่ภายใต้การครอบครองของรัสเซีย จากนี้ไปโอกาสจะเสียพื้นที่ยิ่งมีมากขึ้น

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้แถลงว่ากองทัพรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธทำลายฐานที่มั่นสำคัญและศูนย์บัญชาการข่าวกรองการทหารในกรุงเคียฟ

ศูนย์บัญชาการที่ว่านั้นเป็นกองบัญชาการสั่งการในการตัดสินใจด้านต่างๆ รวมถึงการวางแผนโจมตีกรุงมอสโก ปูตินบอกว่าการโจมตีเกิดขึ้นช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

ปูตินยอมรับว่ากรุงมอสโกถูกโจมตีโดยยูเครนเพื่อหวังข่มขู่ประชาชนให้หวาดกลัวและเป็นสัญญาณชัดเจนว่าเป็นการก่อการร้ายโดยยูเครน

การโจมตีเป้าหมายในกรุงมอสโกถูกมองว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลังและดูเหมือนการแถลงของโฆษกทำเนียบขาวเหมือนจะให้ท้ายปฏิบัติการของยูเครน

ทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นายอนาโตลี อันโตนอฟ บอกว่าที่ผ่านมารัสเซียถูกโลกตะวันตกปฏิบัติเหมือนคนถูกประหารชีวิตแต่ในความเป็นจริงไม่สามารถทำได้

นี่เป็นครั้งที่สองที่ยูเครนใช้ยานไร้คนขับหรือโดรนติดระเบิดโจมตีกรุงมอสโก ครั้งแรกนั้นได้โจมตีพระราชวังเครมลินแต่ถูกยิงตกเสียก่อน จากนั้นโดนรัสเซียตอบโต้อย่างหนัก

ก่อนหน้านี้กองทัพรัสเซียใช้สารพัดอาวุธทั้งขีปนาวุธและปืนใหญ่ถล่มพื้นที่ยูเครนเกือบทั่วประเทศเป็นเวลากว่า 7 ชั่วโมง สร้างความเสียหายด้านโครงสร้างและคลังแสงอาวุธส่งมาจากประเทศโรมาเนีย

คำอ้างของยูเครนว่าสามารถยิงสกัดการโจมตีส่วนใหญ่ไว้ได้โดยระบบป้องกันทางอากาศนั้น ไม่มีใครยืนยันว่าประสบความสำเร็จจริงอย่างที่ว่าหรือไม่

การโจมตีกรุงมอสโกล่าสุดทำให้กลุ่มประเทศยุโรปวิตกว่ารัสเซียจะเอาคืนอย่างรุนแรง ดังนั้นจึงมีเสียงเรียกร้องจากโฆษกของประชาคมยุโรปว่า รัสเซียไม่ควรขยายความขัดแย้งกับยูเครนให้มากกว่าที่เป็นอยู่

คำประกาศของอดีตประธานาธิบดีรัสเซียใน ดมิทรี เมดเวเดฟ อย่างน้อยสองครั้งว่าจะทำให้ยูเครนสิ้นสภาพความเป็นภัยคุกคามรัสเซียและอาจต้องจัดการผู้นำตัวตลกยูเครน เพื่อหยุดความเป็นปฏิปักษ์ น่าจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าอนาคตของยูเครนจะอยู่ในสภาพใด

ความพินาศของเมืองต่างๆ ในยูเครนทำให้ประชากรลดจากประมาณ 34 ล้านคน เหลือเพียงประมาณ 18 ล้านคน และพื้นที่ถูกยึดครองก็เป็นแหล่งสำคัญของทรัพยากรเศรษฐกิจทั้งสิ้น

รัสเซียไม่ต้องการให้มีกลุ่มชาตินิยมหัวรุนแรงหรือกลุ่มนีโอนาซีเป็นฐานกำลังของยูเครน เพื่อเป็นภัยคุกคามต่อชาวรัสเซียในยูเครนรวมถึงพื้นที่ซึ่งถูกผนวกเข้ารวมกับรัสเซียแล้ว

สหรัฐฯ และกลุ่มประเทศยุโรปสมาชิกนาโตยังส่งอาวุธและความช่วยเหลือต่อเนื่องให้ยูเครนเพื่อลดทอนแสนยานุภาพของรัสเซียแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งความพยายามใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

ล่าสุดฝ่ายโลกตะวันตกมีแผนจะเลิกซื้อเพชรจากรัสเซียเพื่อตัดเส้นทางรายได้ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเล็กน้อย

นอกจากศึกด้านเศรษฐกิจแล้วรัสเซียและพันธมิตรเช่นจีนและกลุ่มประเทศในแอฟริกา ละตินอเมริกา และตะวันออกกลางยังจะมีแผนลดการใช้เงินดอลลาร์ในการค้าระหว่างประเทศซึ่งจะมีการประชุม 81 ประเทศในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเดือนมิถุนายนนี้

สหรัฐฯ และยุโรปยอมรับต่างวาระว่าโอกาสที่ยูเครนจะชนะศึกนั้นเป็นไปได้ยาก แต่จำเป็นจะต้องสนับสนุนต่อไปเพื่อความน่าเชื่อถือและไม่มีทางเลือกอื่น

ประชาชนและยูเครนจะต้องรับกรรมต่อการตัดสินใจผิดพลาดของผู้นำตัวตลกในการชักศึกเข้าบ้านเพราะความอยากเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศนาโตซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อรัสเซีย

ดูสภาพแล้วรัสเซียคงต้องเร่งปิดเกมด้วยการทำลายโครงสร้างสาธารณูปโภค และเป้าหมายทางทหารให้จบสิ้นโดยเลี่ยงที่จะทำลายชีวิตประชาชน

นี่เป็นสงครามทำลายล้างระหว่างสองประเทศแม้จะมีเชื้อสายเป็นชาวสลาฟด้วยกันแต่ความคิดต่างกันและฝ่ายยูเครนได้ทำตัวเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ และนาโตในการคุกคามรัสเซีย

ประชาชน และทหารยูเครนต้องตายเปล่าและบ้านเมืองต้องพินาศอย่างน่าเสียดาย