เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตชี้ชวน เชิญชวน ให้ลองมาว่ากันถึงเรื่องดีๆ เรื่องที่อาจพอช่วยสร้างความหวัง พลังใจหรือพอให้ “โลกสวยๆ” ขึ้นมาได้มั่ง เพราะแค่เจอกับบรรยากาศความกระเหี้ยนกระหือของพวกเด็กๆ พวกส้มหล่น ส้ม 3 กีบ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรในบ้านเรา ที่กะจะตั้งรัฐบาล จะดันคุณหลาน “พิธา” ให้เป็นนายกรัฐมนตรีเมืองไทยคนที่ 30 ให้จงได้!!! ก็อาจก่อให้เกิดอารมณ์-รู้สึกว่าโลกนี้...อะไรจะช่างโหดร้าย น่าเกลียด น่ากลัว น่าขนหัวลุก ขนคอตั้ง เสียเหลือเกิน เต็มไปด้วยการเคี่ยวเข็ญ ข่มขู่ บังคับ ชนิดกะจะเอาให้ได้ หรือชนิดใครไม่เอากะกู อาจถูก “นักประชาธิปไตย” รุมเหยียบ รุมกระทืบ อาจต้องเจอ “ทัวร์ลง” กันไปเป็นรายๆ อย่างมิมีข้อยกเว้นใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...
คล้ายๆ กับพวกนักประชาธิปไตยตามมาตรฐานตะวันตกทั้งหลายนั่นแหละทั่น ที่รัฐมนตรีต่างประเทศฮังการี “นายPeter Szijjarto” ท่านถึงกับต้องปรารภ รำพึง ว่านับยิ่งออกอาการทางประสาท คล้ายๆ พวก “บ้าสงคราม” (psychosis of war) ไปแล้วถึงขั้นนั้น!!! อันเนื่องมาจากอุปนิสัย สันดาน แห่งการชอบทะเลาะ (Bellicose Mentality) ภายในตัว หรือจะด้วยความโง่-ความบ้าอะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้ต่างหันไป “เดินตามก้น” หันไปเป็น “พรมเช็ดเท้า” ให้กับคุณพ่ออเมริกา ส่งอาวุธ ส่งเงิน-ส่งทอง เพื่อให้ชาวยูเครนรบราฆ่าฟันกับชาวสลาฟด้วยกันเองอย่างชาวรัสเซีย ให้ฉิบหาย...กับ...ฉิบหายกันไปข้าง!!! โดยไม่สนใจหันไปมองหาสิ่งที่จะนำไปสู่ความสิ้นสุด ยุติ หรือสิ่งที่เรียกว่า “สันติภาพ” ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย จนทำให้ท่านอดไม่ได้ที่ต้องออกมาประกาศสนับสนุน “แผนสันติภาพ” ของคุณพี่จีน ด้วยเหตุผลซื่อๆ ง่ายๆ นั่นคือ...“เราสนับสนุนแผนสันติภาพของจีน ด้วยเหตุผล 2 ประการด้วยกัน คือหนึ่ง...เพราะมันเป็นตัวนำไปสู่สันติภาพ และสองเพราะสิ่งที่เรียกว่าสันติภาพคือสิ่งที่ควรดำรง คงอยู่ หรือเป็นสิ่งสุดท้ายที่เป็นตัวยุติไม่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดำเนินต่อไปด้วยสงคราม”...
แต่ก็นั่นแหละ...ดังที่ท่านสรุปไว้อย่างเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า มิใช่น้อย ทำนองว่า “โชคร้ายที่คำว่าสงครามในโลกนี้...มันช่างเข้มข้นรุนแรงเสียเหลือเกิน เพราะฉะนั้นเราหวังจะเพิ่มเสียงของฝ่ายสันติภาพให้ดังขึ้นมาบ้าง” หรืออย่างที่ “ตัวแทนพิเศษ” ของจีน “นายLi Hui” ที่ได้เริ่มออก “เดินสาย” ไปเยือนยูเครนเป็นประเทศแรก เมื่อช่วงวันอังคารที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะต่อไปยังรัสเซีย โปแลนด์ เยอรมนี และฝรั่งเศส ตามลำดับ แม้ต้องเจอกับ “งานหิน” ในการพูดคุย เจรจา กับผู้นำยูเครนอย่างประธานาธิบดี “Zelensky” และคณะ ที่ยังคงยืนหยัด ยืนกราน ว่ามีแต่ต้องรอให้รัสเซียถอนตัวออกจากดินแดนที่ยึดครองทั้งหมด รวมทั้งต้องจ่ายค่าประติมากรรมสงครามทั้งหลาย ทั้งปวงอีกด้วย ถึงจะมีโอกาสขึ้นโต๊ะเจรจาหาข้อสิ้นสุด ยุติ ได้อย่างจริงๆ-จังๆ แต่นั่น...คงไม่ได้ทำให้ตัวแทนพิเศษชาวจีนรายนี้ ออกอาการระทดท้อ สิ้นหวัง หมดหวังแต่อย่างใด เพราะโดยคำพูด คำจา หลังการพบปะกับฝ่ายยูเครนผ่านพ้นไปแล้ว ที่สรุปคร่าวๆ เอาไว้ประมาณว่า “มันคงไม่มียาสารพัดโรคใดๆ สำหรับการแก้ไขวิกฤตคราวนี้ เพราะฝ่ายทั้งปวงนั่นแหละที่จะต้องเริ่มต้นด้วยตัวเอง ด้วยการสะสมความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันและกัน ด้วยการสร้างสรรค์เงื่อนไขเพื่อนำไปสู่การยุติสงครามและการเข้าสู่โต๊ะเจรจา” ย่อมถือเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งหวัง ตั้งใจ ของผู้ซึ่งปรารถนา “สันติภาพ” ที่คงไม่คิดจะเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า เอาง่ายๆ...
และเอาไป-เอามา...คงไม่ได้มีแต่ตัวแทนพิเศษจีน หรือฝ่ายจีนรายเดียวเท่านั้น ที่แสดงออกถึงความปรารถนา “สันติภาพ” แสดงความมุ่งมั่นที่จะหาข้อสิ้นสุด ยุติ ของความขัดแย้งดังกล่าวลงไปให้จงได้ เพราะอย่างที่พอทราบๆ กันไปแล้ว ว่าแม้แต่ “พระสันตะปาปาฟรานซิส” ประมุขสูงสุดทางจิตวิญญาณแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ผู้นำประเทศบราซิล หรือตุรเคีย ต่างเคยแสดงออกถึงความปรารถนาเช่นนี้ด้วยกันทั้งสิ้น อีกทั้งเมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา...ผู้นำแอฟริกาใต้ ประธานาธิบดี “Cyril Ramaphosa” ท่านก็ได้ออกมาแถลงแบบชัดถ้อย-ชัดคำ ถึงความปรารถนาดังกล่าว ถึงขั้นเตรียมร่วมเดินทาง เดินสาย ร่วมกับผู้นำประเทศแอฟริกาอีก 5 ชาติด้วยกัน คือผู้นำประเทศเซเนกัล ยูกันดา อียิปต์ แซมเบีย และคองโก ไปยังประเทศคู่ขัดแย้งอย่างยูเครนและรัสเซีย เพื่อขอร้อง วิงวอน ให้เกิดการสิ้นสุด ยุติ ความขัดแย้ง หรือเพื่อไม่ให้ “ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดำเนินต่อไปด้วยสงคราม” ดังที่รัฐมนตรีต่างประเทศฮังการีท่านว่าไว้...นั่นแล!!!
พูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรยุโรป จะ “บ้าสงคราม” หรือจะมี “สันดานแห่งการชอบทะเลาะ” แบบคล้ายๆ พวก “นักประชาธิปไตยเด็กๆ” ในบ้านเรา ถึงขั้นไหนต่อขั้นไหน แต่ในเมื่อโลกทั้งโลกต่างเพียรพยายามที่จะหันมา “สั่งสมความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน” หรือต่างพยายาม “สร้างสรรค์เงื่อนไขเพื่อนำไปสู่การยุติสงครามและการเจรจา” อย่างเอาจริง-เอาจังยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โอกาสที่แรงปรารถนาแห่งสันติภาพเหล่านี้ จะกลายสภาพเป็น “หมากล้อม” ให้บรรดาพวกบ้าสงคราม หรือพวกชอบทะเลาะเบาะแว้งทั้งหลาย อาจต้องเลิกบ้า เลิกชวนทะเลาะ ขึ้นมาในวันใด-วันหนึ่ง ก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้เอาเลย!!!...
เพราะโดยความบ้า ความคลั่ง เช่นนี้ มันแทบไม่ได้ช่วยให้เกิดการ “แก้ปัญหา” ใดๆ ได้เลย แม้แต่ปัญหาของ “ตัวกูเอง” ก็ตามข่าวคราวว่าด้วยความล่มสลายทางเศรษฐกิจของบรรดาประเทศยุโรป ความหนักหนา-สาหัสจากภาวะเงินเฟ้อ วิกฤตพลังงาน ฯลฯ ที่ทำให้บรรดาชาวยุโรปต้องลงถนน ต้องออกมาประท้วงรัฐบาลตัวเอง คราวแล้ว คราวเล่า จนแม้กระทั่งการแบกรับภาระผู้อพยพ ลี้ภัย จากยูเครน ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศต่างๆ ในยุโรป ไม่น้อยกว่า 8,240,289 คน เป็นอย่างน้อย ถึงกับทำให้เกิดต้นตอของข่าวคราว ที่อดีตนักข่าวรางวัลพูลิตเซอร์ อย่าง “นายSeymour Hersh” ต้องนำมาปูดไว้ในเว็บเพจ “Substack” เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมาว่า บรรดาประเทศยุโรปทั้งหลาย ไม่ว่าเยอรมนี สาธารณรัฐเช็ก ลิทัวเนีย ลัตเวีย เอสโตเนีย ฯลฯ ไปจนถึงแกนนำอย่างโปแลนด์ ที่กำลังใกล้ “เลือกตั้ง” ตามระบอบประชาธิปไตยช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ และต้องหันมาให้ความสนใจต่อผู้คนในประเทศตัวเอง มากกว่าบรรดาผู้อพยพหลบภัยทั้งหลาย ถึงกับต้องหันไปล็อบบี้ หันไป “เร่งเร้าอย่างลับๆ” ให้ประธานาธิบดี “Zelensky” แห่งยูเครนเลิกคิดสู้กับรัสเซีย หรือเร่งหาทาง “เจรจา” ให้รู้แล้ว รู้แรด กันไปซะที!!! นี่...จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็คงต้องไปเช็กข่าวกันเอาเองก็แล้วกัน...
หรือแม้แต่คุณพ่ออเมริกา...ที่ใกล้เจอกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย เจอภาวะเงินเฟ้อที่กดยังไงก็กดไม่อยู่ ทั้งๆ ที่ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมาแล้วไม่รู้จะกี่ครั้ง กี่หน เจอกับความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้ เพราะเกมการเมืองในเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้ แถมยังเจอการขาดดุลงบประมาณไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ ถ้าว่ากันตามตัวเลขสำนักงบประมาณรัฐสภาหรือ “CBO” ที่ออกมาสรุปว่าตัวเลขดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในทศวรรษหน้า เจอกับอวสานเงินดอลลาร์ที่ไม่อาจครอบงำโลกทั้งโลกได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะโดยทัศนะของผู้เชี่ยวชาญใดๆ ก็แล้วแต่ ฯลฯ มันเลยทำให้ข่าวคราวที่ถูกอ้าง ถูกรายงาน โดยสำนักข่าว “Politico” ช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (18 พ.ค.) ว่า “คณะผู้บริหาร” ของรัฐบาลคุณปู่ “โจ ซึมเซา” อาจตัดสินใจ “แช่แข็ง” ปัญหายูเครนในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับแต่นี้เอาเลยก็ไม่แน่!!! หรืออาจต้องนำเอาฉากสถานการณ์แบบเกาหลี (Korean scenario) ช่วงปี ค.ศ. 1950 ที่ไม่ว่าฝ่ายเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ ต่าง “กินกันไม่ลง” จนต้องหันมา “หยุดยิง” ในบริเวณเส้นแนวพรมแดนของทั้งฝ่าย มาใช้เป็นตัว “แช่แข็ง” หรือเป็นตัว “A Korea-style stoppage” โดยพร้อมที่จะให้ยูเครนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “นาโต” หรือไม่? ประการใด? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่ขณะที่ตัวเองกำลัง “บ่อจี๊” หรือกำลังใกล้จะหมดเงินช่วยเหลือยูเครน ภายในกลางฤดูร้อนปีนี้ นอกเสียจากต้องไปขออนุมัติจากรัฐสภากันอีกเที่ยว ข่าวคราวที่ว่านี้...เลยกลายเป็นข่าวคราวที่ออกจะมี “น้ำหนัก” มิใช่น้อย!!!
นี่...ภายใต้สภาพเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้ความหวัง ความปรารถนา ของฝ่ายนิยมสันติภาพทั้งหลาย จึงมิใช่ความหวัง ความฝันแบบลมๆ-แล้งๆ เอาเสียเลย ยิ่งเมื่อโลกทั้งโลกออกอาการ “ใกล้เจ๊ง” ยิ่งเข้าไปทุกที ยิ่งส่งผลให้บรรดาประเทศต่างๆ เลยต้องมุ่งมั่นและเพียรพยายามที่จะให้ได้มาซึ่งสันติภาพ เพื่อไม่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดำเนินต่อไปด้วยสงครามและความขัดแย้ง อันหาข้อสิ้นสุด ยุติ แทบไม่ได้ ภายใต้การนำของคุณพี่จีน ที่ทำให้ประเทศต่างๆ ค่อยๆ ทยอยลุกขึ้นมาเล่น “หมากล้อม” ด้วยการออก “เดินสาย” เยี่ยมเยียน พบปะเจรจากับคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย ขณะที่พวกบ้าสงคราม หรือพวกที่มีสันดานชอบทะเลาะเบาะแว้งทั้งหลาย ต่าง “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง โอกาสที่จะเกิดการสิ้นสุด ยุติของ “สงครามยูเครน” ภายในปีนี้ เลยคงไม่น่าจะน้อยไปกว่าโอกาสที่ว่าที่นายกรัฐมนตรีโซเชียลบ้านเรา คุณหลาน “พิธา” อาจต้องเปิด “แห้วกระป๋อง” รับประทานนับแต่นี้ต่อไป เอาเลยก็เป็นได้!!!