“อำนาจ ยิ่งใหญ่ในโลก (วโส อิสฺสริยํ โลเก)” นี่คือพุทธพจน์ที่ตรัสสอนเกี่ยวกับอำนาจ และการใช้อำนาจที่เป็นธรรม และไม่เป็นธรรม โดยพระพุทธองค์ได้ตรัสอธิบายขยายความว่า อำนาจจะต้องใช้อย่างชาญฉลาด จึงจะทำให้เกิดความเป็นธรรม และก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและสังคมโดยรวม
ในทางกลับกัน ถ้าอำนาจอยู่ในมือคนพาลสันดานโง่ ก็จะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่สังคมโดยรวม และทำลายคนโง่เหมือนกับข้าวขุยไผ่ (ลูกต้นไผ่) เกิดมาเพื่อฆ่าต้นไผ่
ในทางจริยศาสตร์ อำนาจมีอยู่ 3 ประเภทคือ
1. อำนาจเงิน อันได้แก่ อำนาจจากการมีเงิน และการซื้อทุกอย่างที่ตนเองต้องการ โดยไม่คำนึงถึงความผิดหรือถูก ชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรม
2. อำนาจเกิดจากการมีตำแหน่งหน้าที่ อันได้แก่ อำนาจเกิดจากการมีตำแหน่งหน้าที่ซึ่งให้คุณให้โทษได้โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ
3. อำนาจจากการอ้างอิง อันได้แก่ อำนาจอันเกิดจากการที่สังคมให้การยอมรับเป็นแบบอย่าง
ด้วยที่อำนาจทำให้ผู้มีอำนาจหรือถือครองอำนาจอยู่เหนือผู้คนในสังคม จึงเป็นที่ต้องการของปุถุชนคนมีกิเลส ซึ่งถูกครอบงำด้วยโลกธรรม 8 คือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ ทุกข์ สุข สรรเสริญ นินทา
ในอำนาจ 3 ประเภทข้างต้น ดูเหมือนว่าอำนาจประเภทที่ 2 คือ อำนาจจากมีตำแหน่งจะเป็นที่ต้องการของนักการเมืองมากที่สุด ทั้งนี้อนุมานจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. นักการเมืองไม่ว่าจะเป็นในระบอบเผด็จการหรือระบอบประชาธิปไตย ล้วนแล้วแต่แสวงหาอำนาจ และใช้อำนาจนั้นเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน และตนเอง
ส่วนว่าจะใช้อำนาจเพื่อส่วนไหนมากกว่าระหว่างเพื่อประเทศ ประชาชน และตนเอง ขึ้นอยู่กับคุณธรรมคือความเสียสละเป็นหลัก ถ้านักการเมืองคนใดเสียสละความสุขส่วนตน และทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศ และประชาชนโดยรวม ก็เป็นนักการเมืองที่ดีควรแก่การยกย่องนับถือจากประชาชน ในทางกลับกัน ถ้าทำเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเป็นหลัก ก็เป็นนักการเมืองไม่ควรได้รับการยกย่อง และสนับสนุนให้มีอำนาจ
2. นักการเมืองโดยเฉพาะนักการเมืองไทยเป็นส่วนใหญ่เท่าที่ผ่านมา แสวงหาอำนาจเพื่อปกป้องหรือแสวงผลประโยชน์แก่ตนเอง มีอยู่ส่วนน้อยที่ใช้อำนาจเพื่อสนองอุดมการณ์ในการปกป้อง และพัฒนาประเทศเพื่อให้ประชาชนอยู่ดี กินดี ทั้งนี้จะเห็นได้จากการเปรียบเทียบฐานะทางการเงินของนักการเมืองก่อนมีตำแหน่งกับหลังมีตำแหน่ง จะพบว่าทุกคนดีขึ้น และบางคนมีจนทำให้เกิดข้อกังขามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นได้อย่างไร เมื่อเทียบกับรายได้ในรูปแบบของเงินเดือน และผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ที่พึงมีจากตำแหน่งหน้าที่ในทางราชการ
ด้วยเหตุนี้ จึงสรุปได้ว่า ถ้านักการเมืองที่ไม่มีคุณธรรมกำกับการใช้อำนาจได้รับเลือกเข้ามา และมีตำแหน่งหน้าที่ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้เขาโกงกิน และใครก็ตามที่มีส่วนในการเลือกให้เขาเป็นก็เท่ากับมีส่วนให้ประเทศชาติ และประชาชนถูกโกงกินนั่นเอง