xs
xsm
sm
md
lg

บทความ

x

ไม่มี “สันติภาพ” ในโลกแห่งการ “เอาตัวรอด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Dmitry Medvedev อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย
เปิดฉากสัปดาห์นี้...ด้วยความรู้สึกที่ต้องเรียกว่า ทั้ง “อึ้ง” ทั้ง “เสียว” อยู่พอสมควรทีเดียว!!! โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นข่าวคราวการลงมติของบรรดาประเทศต่างๆทั่วทั้งโลก ณ ที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติ เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา คือแม้จะเป็นการลงมติแบบ “ไม่มีข้อผูกพัน” ใดๆ แต่การที่ประเทศต่างๆ ถึง 141 ประเทศ จาก 193 ประเทศ ต่างเห็นพ้องต้องกันที่จะให้ประเทศรัสเซีย “ถอนทหารออกจากพื้นที่ซึ่งได้รับการรับรองโดยกฎหมายระหว่างประเทศของดินแดนยูเครน โดยฉับพลัน-ทันที และโดยไม่มีเงื่อนใดๆ” รวมทั้งยังร่วมประณามรัสเซียในฐานะ “ผู้รุกรานประเทศเพื่อนบ้าน” อีกซะด้วย อันนี้นี่แหละ...ที่เล่นเอาทั้งอึ้ง ทั้งเสียว ทั้งห่อๆ-เหี่ยวๆ ชนิดแทบมองไม่เห็นทางออก-ทางไป ของการหาข้อยุติ การแสวงหาหนทาง “สันติภาพ” กันอีกต่อไป มีแต่ต้อง “เจ๊งกันไปข้าง” หรือ “ฉิบหาย-วายวอดกันไปข้าง” ชนิดสูงเอามากๆ...

มีเพียงแค่ 7 ประเทศเท่านั้น...ที่พยายามออกแรงคัดค้านข้อสรุป หรือมติดังกล่าว อันประกอบไปด้วยรัสเซีย เบลารุส ซีเรีย เกาหลีเหนือ มาลี นิการากัว และเอริเทรีย ส่วนอีก 32 ประเทศ อันรวมไปถึงคุณพี่จีนและคุณปู่อินตะระเดียยังพอตีกรรเชียงหนี ด้วยการ “งดออกเสียง” ไม่ได้เออออ-ห่อหมกไปตามการชักลาก-ชักจูงของคุณพ่ออเมริกาและโลกตะวันตกที่มุ่งจะ “ต่อต้านรัสเซีย” มุ่งที่จะ “เติมเชื้อเพลิง” เพื่อให้การหาทางออก-ทางไป ด้วยการ “เจรจา” ทางการทูตระหว่างประเทศคู่ขัดแย้งทั้งสอง มีโอกาสพอเห็น “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” ขึ้นมาได้มั่ง หรืออย่างที่ตัวแทนถาวรรัสเซียประจำสหประชาชาติ “นายVassily Nebenzia” ท่านสรุปเอาไว้หลังจากนั้นนั่นแหละว่า...การลงมติดังกล่าว “ไม่ได้ช่วยให้โลกเข้าใกล้การแสวงหาจุดจบแห่งความขัดแย้งในยูเครนเอาเลยแม้แต่น้อย”...

แต่ทำไงได้!!!...ในเมื่อโลกทั้งโลก มันก็มักเป็นไปในแนวนี้นั่นแหละทั่น คือหนักไปทางพร้อมจะ “เอาตัวรอด” ไว้ก่อนซะเป็นหลัก คือถ้าหากโดยกระแส หรือโดยเสียงส่วนใหญ่ ทำท่าว่าจะเทไปทางไหน บรรดาประเทศเล็ก-ประเทศน้อยทั้งหลายย่อมมีแต่ต้องหันไป “ตามแห่” หรือหันไป “เฮรับ” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ รวมทั้งประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลายอีกด้วยเช่นกัน เรียกว่า...ทั้งๆที่การลงมติ “ประณามรัสเซีย” เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ยังพยายามแสดงอาการเก๋ๆ ไก๋ๆ เอาไว้มั่ง โดยได้ออกแถลงการณ์ ให้เหตุให้ผล อย่างมีน้ำหนักมิใช่น้อย ว่าการประณามใดๆ มิได้ช่วยให้เกิดการแก้ไข หรือแก้ปัญหาขึ้นมาได้เลย แต่มาคราวนี้...ในเมื่อโลกมันไหลไปตามแรงฉุด แรงเหวี่ยง ของมหาอำนาจสูงสุดและของโลกตะวันตกที่มุ่งจะ “ต่อต้านรัสเซีย” อย่างชนิดเอาเป็น-เอาตาย กระทรวงการต่างประเทศไทยภายใต้การนำของท่านรัฐมนตรีต่างประเทศ “ดอน เฮ้าเหลี่ยน” (ตามสำนวน ตามชื่อ-ฉายาที่ อาเฮีย “สนธิ ลิ้ม” ท่านตั้งให้) หรือท่านรองนายกฯ “ดอน ปรมัตถ์วินัย” ก็เลยต้องหันมา “ร่วมประณามผู้รุกรานประเทศเพื่อนบ้าน” อย่างรัสเซีย ซะเฉยเลย!!!

ด้วยเหตุนี้นี่เอง...การลงมติดังกล่าวจึงยิ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มความ “กระเหี้ยนกระหือรือ” และเพิ่มน้ำหนักให้กับ “ข้ออ้าง” ของฝ่ายตรงข้ามกับรัสเซีย ดังที่ตัวแทนถาวรประจำสหประชาชาติของรัสเซียเขาสรุปไว้หลังจากนั้น แม้จะมีการแสดงเหตุแสดงผลในระหว่างการอภิปรายเรื่องนี้ถึง 2 วัน 2 คืน โดยประเทศเพื่อนบ้านรัสเซียอย่างเบลารุส ที่พยายามชี้ให้เห็นว่า “การหยุดส่งอาวุธเข้าไปสนับสนุนฝ่ายหนึ่ง-ฝ่ายใดในสมรภูมิความขัดแย้ง” นั่นแหละ จึงถือเป็น “การเริ่มต้นกระบวนการเจรจาหาทางออกด้วยสันติภาพอย่างแท้จริง” แต่ด้วยเหตุที่ “โลกแห่งความเป็นจริง” มันออกจะเป็นโลกที่แทบไม่มีเหตุ-มีผลไว้เป็นที่ยึดมั่น ถือมั่น หรือเป็นบรรทัดฐานรองรับเอาไว้เลยแม้แต่น้อย แม้แต่ “โลกตะวันตก” ก็เถอะ!!! ขนาดผู้คนในยุโรปรวมถึงอเมริกาอีกด้วยต่างหาก ออกมาแสดงท่าทีคัดค้าน ปฏิเสธ ต่อการเติมเชื้อเพลิง เชื้อไฟ ด้วยการส่งอาวุธไปให้พวก “ชาวสลาฟ” ด้วยกันเอง ไม่ว่ายูเครน-รัสเซียให้หันมาฆ่าฟันกันเอง จนตายไปแล้วนับเป็นแสนๆ ราย แต่บรรดานักการเมืองในรัฐบาลที่อ้างว่าเป็น “ประชาธิปไตย” เป็นผู้มาจากประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน กลับไม่คิดหันมาฟังเสียง ฟังเหตุ-ฟังผล บรรดาประชาชนของตัวเองเอาเลยแม้แต่น้อย มุ่งแต่จะเป็น “พรมเช็ดเท้า” ให้คุณพ่ออเมริกาผู้เพียรพยายามดำรงรักษา ความเป็น “จ้าวโลก-ประมุขโลก” อีกต่อไปให้จงได้...

ด้วยเหตุนี้นี่เอง...เลยทำให้ผู้ที่เพียรพยายามแสวงหาทางออก-ทางไปด้วย“สันติภาพ” อย่างคุณพี่จีน น่าจะลำบาก น่าจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเอามากๆ แม้ว่ามุขมนตรี หนึ่งในโปลิตบูโรผู้ควบคุม ดูแล กิจการต่างประเทศอย่าง “นายWang Yi” จะอุตส่าห์ลงทุน ลงแรง ออกเดินสายเยือนประเทศในยุโรปและรัสเซีย เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พร้อมทั้งคิดนำเสนอแผนสันติภาพ ที่แม้ว่ายังไม่ถึงกับ “ชัดเจน” ว่าจะมีเนื้อหา รายละเอียด ไปในแบบไหน แนวไหน แต่ก็น่าที่จะพอ “จับทาง” ได้บ้างโดยเฉพาะจากเอกสาร 12 ข้อ ที่เรียกว่า “แนวคิดริเริ่มเพื่อความมั่นคงของโลก” (Global Security Initiative Concept Paper) ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจีนนำมาเผยแพร่ไว้เมื่อวันศุกร์ที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา หรือแม้แต่จากแนวคิด มุมมอง ของสื่อทางการจีน อย่างบทบรรณาธิการ “Global Times” เมื่อช่วงวัน-สองวันมานี้ ว่าด้วยเรื่อง “ถึงเวลาแล้ว!!!ที่จะร่วมกันหยุดการกดปุ่มความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน” (Time to jointly press stop button on Russia-Ukraine conflict) ที่ไม่เพียงพยายามชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนของสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน ไม่ว่าความที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของโซเวียตรัสเซียเมื่อครั้งอดีต ไปจนถึงปัญหา “ชนชาติ” ที่จะต้องหาทางทำให้พื้นที่ซึ่งอยู่ระหว่างกลางของยุโรปและรัสเซียหรือกระทั่งยูเรเชียไม่กลายเป็นพื้นที่ที่ถูกนำไปสร้างแรงกดดันทางความมั่นคงให้กับฝ่ายใด-ฝ่ายหนึ่ง แทนที่จะเป็นตัวเชื่อมโยงสร้างความเข้าอก-เข้าใจ หรือสร้าง “หลักประกันสันติภาพ” อย่างยั่งยืนให้กับทุกๆ ฝ่าย ยังได้ชี้ให้เห็นถึงต้นเหตุ สาเหตุ แห่งความขัดแย้งอันเนื่องมาจากความพยายามดำรง รักษา ความเป็นจ้าวโลก-ประมุขโลก ของประเทศหนึ่ง-ประเทศใด ที่ล้วนแต่นำมาซึ่งความขัดแย้งให้กับโลกทั้งโลก ไม่ว่าในแง่การเมือง เศรษฐกิจ ไปจนถึงกระทั่งการเทคโนโลยี ฯลฯ เอาเลยก็ว่าได้...

ดังนั้น...โดยเนื้อหาสาระ “แผนสันติภาพ” ของคุณพี่จีน จึงหนีไม่พ้นไปจากการ “ตั้งความหวัง” เอาไว้กับโลกทั้งโลกว่าจะเข้ามามีส่วนระงับความขัดแย้งดังกล่าว ด้วย “มติ” หรือด้วยเสียงข้างมากในระดับโลก ไม่ว่าโดยการจัดประชุมประชาคมระหว่างประเทศเพื่อหารือเรื่องราวเหล่านี้อย่างเป็นงาน-เป็นการของคุณพี่จีนขึ้นมาในวันหนึ่ง-วันใด เพื่อนำไปสู่การสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนและถาวร ไม่ใช่โดยการชี้ขาดของผู้ที่หวังจะดำรงรักษาความเป็นจ้าวโลก หรือโดยอเมริกาและยุโรปที่ต่างแสดงให้เห็นถึง “ความล้มเหลว” ในการสร้างกรอบความมั่นคงระหว่างยุโรปกับยูเรเชียทั้งภูมิภาค หลังจากที่อเมริกาได้ก่อการ “ปฏิวัติสี” ขึ้นมาในยูเครน หรือหลังจาก “นาโต” ได้พยายามขยายอิทธิพลทางทหารพร้อมกับกีดกันรัสเซียออกไปจากยุโรป ฯลฯ ฯลฯ อันต้องถือเป็น “แผนสันติภาพ” ที่มีความเป็นเหตุ-เป็นผล และความระงับยับยั้ง รองรับเอาไว้มิใช่น้อย...

แต่ก็นั่นแหละ...อาจเป็นเพราะคุณพี่จีนท่าน “ประเมินโลก...สูงเกินไปสักหน่อย!!!” คืออาจมองว่าบรรดาประเทศต่างๆ ยังน่าจะยึดมั่นอยู่ในเหตุ-ในผล ยึดมั่นอยู่กับความมี “อธิปไตย” ของตัวเอง หรือแม้แต่ “ผลประโยชน์พื้นฐาน” ของแต่ละประเทศ อันหมายถึงประโยชน์ของปวงชนในแต่ละชาติ แต่ละประเทศ การหาทางคลี่คลายความขัดแย้ง ณ จุดหนึ่ง-จุดใด โดยอาศัยความร่วมไม้-ร่วมมือของโลกทั้งโลก ที่คุณพี่จีนเองท่านได้วาง “หมากล้อม” เอาไว้นานแล้ว ไม่ว่าด้วยอภิมหาโครงการเปลี่ยนโลก หรือ “Belt and Road” หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ จนอาจนำมาซึ่งกรอบความมั่นคงแบบใหม่ หรือการ “เปลี่ยนแปลงระเบียบโลกใหม่” แต่ครั้นเมื่อต้องเจอกับ “โลกแห่งความเป็นจริง” ที่ไม่ว่าใครก็ใครต่างหันมา “เอาตัวรอด” ไปด้วยกันทั้งสิ้น โดยเห็นได้จากการลงมติในที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติ เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ แล้ว อันนี้นี่เอง...ที่ทำให้ความพยายามแสวงหา “สันติภาพ” ใดๆ ก็ตาม ย่อมแทบไม่ต่างไปจากการ “เข็นภูเขาขึ้นครก” อะไรประมาณนั้น!!!

ด้วยเหตุนี้...โดยแนวโน้มของโลกแห่งความเป็นจริง มันอาจต้องเป็นไปอย่างที่อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย “นายDmitry Medvedev” ท่านออกมาสรุปไว้ล่วงหน้าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั่นแหละว่า... “ถ้าหากรัสเซียหยุดปฏิบัติการทางทหารก่อนบรรลุเป้าหมาย มันจะไม่เหลือประเทศรัสเซียอีกต่อไป เพราะเราจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ดังนั้น...เราจึงควรมีสิทธิปกป้องตัวเราเองไม่ว่าโดยอาวุธใดๆ รวมทั้งอาวุธนิวเคลียร์ด้วยเช่นกัน” หรือสรุปง่ายๆ ว่า...ถ้าต่างฝ่ายต่าง “เอาตัวรอด” ไปทั่วทั้งโลก เอาแต่เฉพาะ “ตัวกู-ของกู” เป็นที่ตั้ง โอกาสที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะฉิบหาย-วายวอด จะไหลไปสู่“สงครามอารมาเกดโดน” หรือ “สงครามครั้งสุดท้ายของมวลมนุษยชาติ” อาจอยู่ไม่ใกล้-ไม่ไกล นับจากนี้เอาเลยก็ไม่แน่!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น