xs
xsm
sm
md
lg

ทางตันของประยุทธ์และรทสช.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



การเลือกตั้งครั้งหน้าไม่เพียงแต่เป็นการเลือกรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศเท่านั้นแต่เป็นเรื่องที่ท้าทายต่อระบอบของรัฐที่พึ่งพาพลังของฝ่ายอนุรักษนิยมด้วย ว่าจะมีพลังมากพอที่จะทัดทานมวลชนของพรรคการเมืองฝั่งที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยหรือไม่

แม้ว่าตอนนี้กระแสและโพลต่างๆ ต่างคาดหวังว่า พรรคที่จะชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ชนิดเชื่อขนมกินได้นั้นจะเป็นพรรคเพื่อไทยของทักษิณแน่ๆ และยังคงโชคดีว่าหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อาจจะยังไม่ส่งผลต่อระบอบและโครงสร้างของรัฐ แต่หากว่า พรรคก้าวไกลที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์และยกเลิกมาตรา 112 ได้รับเลือกตั้งเข้ามามาก นั่นต่างหากที่จะส่งผลสะเทือนต่อสังคมไทย

แต่เชื่อว่า มวลชนฝ่ายตรงข้ามกับฝ่ายอนุรักษนิยมจะยังคงเลือกพรรคเพื่อไทยมากกว่าพรรคก้าวไกล แม้ว่าพรรคก้าวไกลน่าจะได้ ส.ส.ไม่น้อย และจำนวนที่ได้นั้นเป็นสัญญาณที่จะส่งผลต่อทิศทางของประเทศไทยในอนาคต แม้วันนี้โอกาสของพรรคก้าวไกลจะยังมาไม่ถึงก็ตาม

ไม่ว่าจะมีจุดยืนทางการเมืองอย่างไร แต่หากมองสถานการณ์อย่างยอมรับความจริงก็ต้องยอมรับว่าโอกาสของพรรคเพื่อไทยนั้นมีสูงมาก แต่จะสามารถแลนด์สไลด์อย่างที่ส่งเสียงคำรามหรือไม่ ก็เชื่อว่ายังคงไม่ได้มากมายขนาดนั้น เพียงแต่การันตีความเป็นพรรคที่ได้ ส.ส.อันดับ 1 เท่านั้น เพราะขนาดเลือกตั้งครั้งที่แล้วแบบบัตรใบเดียวและพรรคเพื่อไทยส่งไม่ครบทุกเขตก็ยังสามารถได้ ส.ส.ถึง 136 คน แม้จะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเลย แต่ครั้งนี้เปลี่ยนระบบเป็นบัตรสองใบ พรรคที่ได้ ส.ส.เขตเยอะก็มีโอกาสที่จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเยอะตามมาด้วย

และมีโอกาสมากที่พรรคเพื่อไทยของทักษิณจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเหลือแต่ว่า เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วพรรคเพื่อไทยจะกระทำสิ่งที่เรียกว่าการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลอย่างที่เคยเกิดขึ้นในยุครัฐบาลทักษิณ-สมัคร-สมชาย-ยิ่งลักษณ์อีกหรือไม่ เพราะหากยังกระทำเช่นนั้นก็จะถูกประชาชนลุกฮือออกมาขับไล่อีก ระบอบประชาธิปไตยก็อาจจะถูกลิดรอนด้วยอำนาจรัฐประหารอีก

ดังนั้นหากถามว่าโอกาสของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งยังมีไหม ก็ต้องตอบว่า มีโอกาสน้อยมากที่จะกลับมา เมื่อพิจารณาถึงขุมพลังของพรรคที่ยังมองไม่เห็นเลยว่ามีใครบ้างที่เข้าสังกัดพรรคนี้แล้วสามารถได้รับเลือกเป็น ส.ส.ชนิดแบเบอร์ แม้จะมีอดีต ส.ส.เข้าร่วมบ้าง แต่ก็เป็นอดีต ส.ส.ที่ร้างเวทีมานานเสียส่วนใหญ่ หรือพวกที่สอบตกในครั้งหลังๆ หรือแม้จะมี ส.ส.ในสมัยที่แล้วอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่ได้มาเพราะกระแสไม่ใช่จากแสงของตัวเอง

พูดง่ายๆ ว่าในพรรครวมไทยสร้างชาติยังมองไม่เห็นเลยว่ามีใครบ้างที่มีความโดดเด่นโดยตัวเองและสามารถพาตัวเองเข้าสภาฯ ได้อย่างมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

อย่าลืมว่าด่านแรกที่พล.อ.ประยุทธ์จะต้องเผชิญนั่นคือ การที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 25 คน แค่ด่านนี้หลายคนก็มองว่าไม่ง่าย แล้วจะมีโอกาสไหนที่จะเป็นพรรคที่ได้เสียงข้างมากในขั้วรัฐบาลเดิม เพื่อกลับมาเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี

แม้ดูเหมือนว่า คนที่ห้อมล้อมพล.อ.ประยุทธ์บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ผู้นำในโซเชียลของฝ่ายอนุรักษนิยมจะยังคงมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาได้ แต่ดูเหมือนจะตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อที่คาดคะเนแบบเอนเอียงมากกว่าจะอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงหรือไม่ก็ปิดหูปิดตารับฟังแต่สื่อบางช่องที่พล.อ.ประยุทธ์ปลาบปลื้มที่เปรียบเหมือนกับอยู่ในถ้ำหรือห้องแห่งเสียงสะท้อน ที่ได้ยินแต่เสียงที่อยากจะรับฟังรวมทั้งเสียงของตัวเองที่สะท้อนกลับมา

แต่ถ้ายอมรับความจริงก็ต้องยอมรับว่า กระแสของพล.อ.ประยุทธ์นั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว และขณะนี้คนไม่น้อยที่เบื่อการบริหารประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ที่อยู่ในอำนาจมาแล้วกว่า 8 ปี

อย่าลืมว่า นอกจากพรรครวมไทยสร้างชาติจะต้องได้ ส.ส.มากกว่า 25 คนแล้ว ถ้าพล.อ.ประยุทธ์จะมีโอกาสกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องมีเสียงมากเป็นอันดับ 1 ในขั้วการเมืองเดียวกันด้วย และลำดับต่อมาพรรคขั้วเดียวกันต้องมีเสียงรวมกันมากกว่า 250 เสียง เพื่อให้ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร

จะเห็นว่าไม่ง่ายเลยที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านทั้งสามด่านคือ ได้ ส.ส.มากกว่า 25 คน และต้องได้มากที่สุดในขั้วเดียวกัน และขั้วเดียวกันต้องรวมกันได้เสียงในสภาฯ เกิน 250 คน ซึ่งหากมองอย่างยอมรับความจริงไม่หลอกตัวเองก็ต้องตอบว่ายากมากระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เชื่อว่าไม่มีใครคิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะได้ ส.ส.มากกว่า

ถ้าถามว่าตรงจุดไหนบ้างที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะคาดหวังเก้าอี้ ส.ส.ได้บ้างก็ดูจะมีแต่ภาคใต้เท่านั้น และขุนพลของพรรคประกาศว่าจะกวาด ส.ส.ใต้ยกภาค แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทยก็หวังในภาคใต้เหมือนกัน ไม่ต้องพูดถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่โอกาสของพรรคประชาชาตินั้นมีมากกว่าใคร

ส่วนภาคอื่นยังมองไม่เห็นเลยว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะได้ ส.ส.จากไหน แล้วอย่างนี้ตอบหน่อยว่า โอกาสที่พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นอยู่ตรงไหนทั้งๆ ที่ถ้าหากมองตามความเป็นจริงในเชิงยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติจะต้องแย่งชิง ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือให้ได้มากเพื่อตัดโอกาสของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ไปแย่งชิงกันเองในภาคใต้ แต่ต้องยอมรับว่า เรามองไม่เห็นโอกาสนั้นของพรรครวมไทยสร้างชาติ

ต้องยอมรับนะครับว่า ครั้งที่แล้วนั้นพรรคพลังประชารัฐที่ได้ที่นั่งจากการเลือกตั้ง 116 คนนั้นมาจากการรวบรวมอดีต ส.ส.จากกลุ่มบ้านใหญ่ในหลายจังหวัดหลายภาคเข้าสังกัดพรรค ทั้งมาจากความสมัครใจและใช้อำนาจรัฐเข้ามาแทรกแซงโดยเฉพาะคนที่มีคดีความติดตัว แต่ครั้งนี้มองไม่เห็นกลุ่มบ้านใหญ่ที่คาดหวังการเลือกตั้งได้ในพรรครวมไทยสร้างชาติของพล.อ.ประยุทธ์เลย

ก็รออยู่ว่า จะมี ส.ส.เข้าพรรครวมไทยสร้างชาติอีกไหม แม้จะเลยเส้นตายย้ายพรรคกรณีรัฐบาลอยู่จนครบสมัยในวันที่ 23 มีนาคมไปแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่า สุดท้ายจะยุบสภาฯ เพื่อเปิดโอกาสให้ ส.ส.ยังสามารถย้ายพรรคได้อีก

กรณีหากไม่ยุบสภาฯ คือรัฐบาลอยู่จนครบเทอม ส.ส.ต้องเข้าสังกัดพรรคอย่างน้อย 90 วัน ถึงตอนนี้จึงเลยเวลาที่จะย้ายพรรคไปแล้ว แต่ยังมีโอกาสถ้าหากรัฐบาลยุบสภาฯ เพราะการยุบสภาฯ กำหนดให้ ส.ส.ย้ายเข้าพรรคเพียง 30 วัน

ถ้ามองอย่างยอมรับความจริงก็ต้องบอกว่าโอกาสของพล.อ.ประยุทธ์และพรรครวมไทยสร้างชาตินั้นมีเหลืออยู่น้อยเหลือเกิน

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น