ทำอึมครึมอยู่ได้! “จตุพร” จวก “ทักษิณ” ใช้เล่ห์เหลี่ยมการเมือง ซูเอี๋ย “บิ๊กป้อม-พปชร.” ชี้ กัน “ประวิตร” ออกจาก “ประยุทธ์” แบไต๋ “ดีล” แน่ จี้ บอกประชาชน ไปเลยจะได้จบ ด้าน “โทนี่” ปลุกเลือกตั้งแบบ “ยุทธศาสตร์” ปฏิวัติด้วยปากกา
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(8 ก.พ.66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "สุด สุด ไปเลย" โดยระบุว่า
คำว่า สุด สุดไปเลย หมายความว่า คุณจะเลือกสิ่งใด ก็ตัดสินใจบอกประชาชนไปเลย เพราะความจริงที่ได้ภายหลังนั้น จะเกิดความเสี่ยงมากที่สุด เนื่องจากเหตุการณ์ข้างหน้า โดยเฉพาะตะวันกับแบม อดอาหาร และการจับมือระหว่างเพื่อไทยกับ พลังประชารัฐ (พปชร.) ที่จะเกิดขึ้น หรือ ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน ทุกอย่างล้วนเป็นชนวนใหญ่ก่อวิกฤตให้หัวคะมำไม่เป็นท่าเลย
พร้อมระบุว่า แม้คำถามถึงพรรคเพื่อไทยจะจับมือกับ พปชร. หรือไม่ เป็นการถามง่ายๆ เพื่อต้องการให้แสดงจุดยืนทางการเมืองให้ชัดเจน แต่พรรคเพื่อไทยกลับตอบยากที่สุด อีกทั้งขณะนี้ คำตอบยังไม่ตรงไปตรงมา และบิดเบนไปตอบแต่การมุ่งหน้าสู่แลนด์สไลด์
อีกทั้ง คนในคลับเฮาส์บอกจะไม่จับมือกับคนทำรัฐประหารตัวเองเด็ดขาด จึงเกิดความสงสัยว่า พรรคเพื่อไทยส่ออาการจะจับมือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ค่อนข้างชัดเจน เพราะคำตอบเช่นนี้สะท้อนถึงการแยก พล.อ.ประวิตร ออกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ทำรัฐประหาร ตัวจริง
นายจตุพร เชื่อว่า เรื่องการจับมือกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับ พล.อ.ประวิตร นั้น จะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของอนาคตการเมืองไทย เพราะพรรคก้าวไกล และพรรคไทยสร้างไทย ประกาศไม่จับมือกับ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ส่วนพรรคเพื่อไทยยังอยู่ด้วยความอึมครึมตามเดิม โดยไม่ประกาศจุดยืนการเมืองให้ชัดเจนเป็นคำมั่นสัญญาให้มีคุณค่ากับการอ้างเป็นฝ่ายประชาธิปไตย
นายจตุพร ประเมินความอึมครึมทางการเมืองว่า มีร่องรอยจากพรรคเพื่อไทยแสดงอาการแกว่งทางการเมือง แบบพรรคไร้จุดยืนมาตั้งแต่เปิดยุทธการไล่หนูตีงูเห่าที่ จ.ศรีสะเกษ มาแล้ว โดยครั้งนั้นพยายามปิดกันและตอบโต้ ประจาน ส.ส.เพื่อไทย ที่ย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ให้เป็นพวกทรยศประชาชน แต่วันเดียวกันนั้น พรรคเพื่อไทยก็รับ ส.ส.พลังประชารัฐเข้าพรรคเช่นกัน พร้อมเชิดชูให้เป็นนักประชาธิปไตย ดังนั้น จุดยืนของพรรคจึงไม่เด่นชัดและเอาแต่ประโยชน์
อีกทั้ง ใน จ.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทยยังเสีย ส.ส.ให้พรรคภูมิใจไทย แต่ก็ได้รัฐมนตรีและ ส.ส.ของภูมิใจไทยเข้าพรรคเช่นกัน ซึ่งทางการเมือง ส.ส.ย่อมโยกย้ายไขว่พรรคกันได้ ดังนั้น จึงไม่ต้องพูดถึงสัจจะการเมือง คุณธรรม จริยธรรมการเมืองอีกได้ เนื่องเพื่อไทยโจมตี ส.ส.ที่ไปโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนทรยศ ขณะเดียวกันเพื่อไทยก็รับคนที่ถูกประณามว่าทรยศจากพรรคภูมิใจไทยและ พปชร. เข้าพรรคเช่นกัน
"หากวันนี้ ถ้าเขาเป็นคนที่น่าเชื่อถือได้ เขา (เพื่อไทย) ต้องไม่ทำตามที่ไปกล่าวหาคนอื่นไว้ โดยต้องไม่มีวันรับ ส.ส.จากพรรคภูมิใจไทยเข้าพรรค แม้ตัวเองจะเสีย ส.ส. ให้ภูมิใจไทยก็ตาม แต่พฤติกรรมไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะหลายจังหวัดมีลักษณะไขว่ ส.ส.เพื่อส่งลงสมัครทั้งสิ้น ทั้งกาฬสินธุ์และอุดร ดังนั้น ยุทธการแบบไล่หนูตีงูเห่าย่อมหาความสงบไม่เจอ"
นายจตุพร กล่าวว่า เรามีความปรารถนาได้รัฐบาลที่มีความถูกต้อง แต่เราจะไม่เห็นเลยถ้านักการเมืองใช้เล่ห์เหลี่ยม หลอกต้มกันเป็นช่วงๆ วันนี้เมื่อเราสิ้นพันธนาการต่อกันแล้ว เราจึงมุ่งให้บ้านเมืองเดินไปสู่สิ่งที่ถูกต้อง มิเช่นนั้นจะวนกลับมาที่จุดเดิมอีก ถ้าเพื่อไทยจับมือกับพลังประชารัฐ เพื่อให้ พล.อ.ประวิตร ไปถึงเป้าหมาย นายกฯ แล้วทักษิณได้กลับบ้าน ประเทศคงยุ่งเหยิงวิกฤตอีกตามเดิม
นายจตุพร กล่าวอีกว่าเมื่อ พล.อ.ประวิตร มีบารมีในองค์กรอิสระ ดังนั้น การเล่นเกมหลอกต้มกันย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งไม่แตกต่างจากกรณีการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ต้มเปื่อยกันรอบวง จนนำไปสู่ความล่มจมทางการเมืองตามมา อย่างไรก็ตาม ถึงวันนี้ยังไม่มีคำตอบที่ตรงไปตรงมาว่า เพื่อไทยจะจับมือกับ พปชร.ตั้งรัฐบาลหรือไม่ แล้ว พล.อ.ประวิตร จะยอมให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ หรือตัวเองจะขึ้นเป็นนายกฯ เสียเอง
"คำถามนี้ ผมต้องถามย้ำตลอด หากเกิดไปจับมือกันจริง ต้องถามประชาชนว่า เห็นดีเห็นงามด้วยหรือไม่ แล้วยังแสดงถึงรัฐบาลจะเริ่มพังตั้งแต่วันแรก เนื่องจากประชาชนจะรู้สึกว่า เป็นการทรยศหักหลัง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก อีกทั้งการพยายามก่อนหน้านี้เลือกตั้งปี 2544 ก็ชูเรื่องเสื้อแดงมาหาเสียง หลังจากนั้นก็ละทิ้งเขาจนย่อยยับไปกับตา แล้วมาครั้งนี้จะเอากลับมาเชิดชูกันใหม่อีก"
พร้อมระบุว่า ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยก็เอาคนที่มีปัญหาไปชุมนุมกับ กปปส. มาเข้าพรรค เพียงกล่าวขอโทษก็จบกันไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เพื่อไทยไม่ได้มั่นใจ และไม่มีหลักการทางการเมืองอะไรเลย แต่เป็นการชวนเสื้อแดงมาเพื่อเอาประโยชน์แห่งตน ซึ่งแตกต่างจากชวนประชาชนทุกกลุ่มมาไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น เมื่อเพื่อไทย เป็นเช่นนี้แล้ว จะหามาตรฐานและจุดยืนทางการเมืองอะไรได้
นายจตุพร ย้ำว่า ทุกวันนี้ยังไม่ได้คำตอบอย่างเป็นทางการ และต้องการได้ยินเพื่อไทยแถลงอย่างเป็นทางการว่า จะไม่ร่วมกับพลังประชารัฐ แล้วถ้าร่วมกันเมื่อไรให้ประชาชนลุกขึ้นมาขับไล่ได้ทันที เรื่องนี้จะได้จบ ตนก็จะพูดเรื่องอื่น(จากไทยโพสต์)
ขณะเดียวกัน เพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย เผยแพร่ความเห็นของ นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ CARE ClubHouse หัวข้อ EP.1 : 90 วันชี้ชะตา มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า
"...ทหารใช้อาวุธรัฐประหารทำให้ประเทศตกต่ำ ประชาชนจึงต้องใช้ปากกาปฏิวัติกลับเพื่อให้ประเทศรุ่งเรือง..."
ที่ผ่านมา ประชาชนถูกทหารใช้อาวุธรัฐประหาร แล้วทำให้ประเทศตกต่ำ ประชาชนจึงต้องใช้ปากกาปฏิวัติกลับ เพื่อให้ประเทศกลับมารุ่งเรือง ซึ่งถ้าจะปฏิวัติกลับด้วยปากกา ต้องมี "ยุทธศาสตร์ร่วมกัน" ว่าจะเลือกยังไงที่จะได้รัฐบาลที่แก้ไขปัญหาให้ประชาชน
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ การออกมา จี้ “ทักษิณ” และ “เพื่อไทย” ให้มีความชัดเจนตรงไปตรงมา ไม่หักหลังประชาชนในภายหลัง ของ “จตุพร” กรณี “ดีล” กับ “บิ๊กป้อม” และพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่
เพราะดูเหมือน “จตุพร” จะรู้ “ธาตุแท้” ของ “ทักษิณ” ว่าทำงานการเมืองอย่างไร เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่เพื่อประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด
โดยเฉพาะการที่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายพรรคเพื่อไทย เลือกพรรคเพื่อไทย ก็เพื่อพลิกโฉมหน้ารัฐบาล จากกลุ่มอำนาจปัจจุบัน ทั้งหวังว่าปัญหาประชาชนจะได้รับการแก้ไขมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่สิ่งที่ “จตุพร” เป็นห่วงก็คือ การ “ดีล” ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ พรรคพลังประชารัฐ ก็เพื่อผลประโยชน์ของสองฝ่าย คือ “บิ๊กป้อม” ได้เป็นนายกฯ “ทักษิณ” ได้กลับบ้าน “เพื่อไทย” ได้เป็นรัฐบาล ส่วนประชาชน ถูก “ทรยศ” เช่นเคย นี่คือ ประเด็น
ดังนั้น การประกาศออกมาอย่างชัดเจน ก่อนการเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจ ว่า จะเลือกพรรคไหน อย่างไร เมื่อรู้ว่า ใคร “ดีล” กับ ใคร จึงสำคัญสำหรับประชาชน
ทว่า ฝ่ายพรรคการเมือง โดยเฉพาะ “ทักษิณ” กับ พรรคเพื่อไทย การประกาศ “ดีล” กับ “บิ๊กป้อม” และพรรคพลังประชารัฐอย่างชัดเจน ก็ไม่แน่ว่าจะสลัดคราบ “เผด็จการรัฐประหาร” อย่างขาวสะอาดหมดจด เพราะคนไทยคงไม่โง่ ที่จะไม่รู้ว่า อะไรเป็นอะไร อย่างที่นักการเมืองคิด หรือไม่จริง?