ปิดฉากสัปดาห์นี้...คงหนีไม่พ้นต้องหันไป “เจาะ-เกาะ-ติด” แนวรบยุโรปตะวันออกกันอีกนั่นแหละทั่น เพราะนอกจากการ “ส่งสัญญาณ” แบบตรงไป-ตรงมาของผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ต่อบรรดาทวยทหารเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้วว่า “การเผชิญหน้าโดยตรง” ระหว่างกองทัพรัสเซียกับอเมริกาและนาโต “กำลังใกล้จะมาถึง” ดังที่ว่าไว้แล้วในช่วงเปิดฉากสัปดาห์นี้ โดยอากัปกิริยา ท่าที หรือโดยแนวโน้มอีกไม่ใกล้-ไม่ไกลนับจากนี้ โอกาสที่อาจได้เห็นบรรดาทวยทหารรัสเซียตัดสินใจ “จัดหนัก-จัดเต็ม” ให้กับฝ่ายตรงข้ามในสมรภูมิยูเครน ต้องยอมรับว่า...ดูจะมีความเป็นไปได้สูงยิ่งเข้าไปทุกที!!!
อย่างน้อย...ก็มี “สื่อตะวันตก” บางสำนักที่พยายามทำนายทายทัก เอาไว้ทำนองนี้ เช่นรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์สวิส “Neue Zurcher Zeitung” เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ 23 ธ.ค. ที่ได้อ้างอิงถึงมุมมองของรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีและหน่วยงานข่าวกรองซึ่งปรากฏอยู่ในเอกสารรายงานว่าด้วยเรื่อง... “ทางเลือกยุทธศาสตร์การทหารของรัสเซียต่อปฏิบัติการสงครามในยูเครนช่วงปีหน้า” (Russia military-strategic options for action in the Ukraine war for the year 2023) โดยได้วาดฉากสถานการณ์การโจมตีครั้งใหม่และครั้งใหญ่ของกองทัพรัสเซีย ที่อาจเริ่มต้นในช่วงเดือนเมษายนปีหน้าไว้ประมาณ 2 รูป 2 แบบ คือ 1. เป็นการโจมตีเพื่อยึดพื้นที่อาณาบริเวณ 4 เขต 4 แคว้น ที่ถูกถือเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียไปเรียบร้อยแล้วคือ Donbass (Donetsk-Luhansk), Kherson และ Zaporizhzhia หรือ Zaporozhye เอาไว้แบบเบ็ดเสร็จและเด็ดขาด โดยอาศัยแรงกดดันจากชาติพันธมิตรอย่างเบลารุส ที่เริ่มทยอยวางกำลังทหารของตัวเองเอาไว้ด้านเหนือของยูเครนอย่างเป็นระบบและกิจการ โดยถ้าหากคิดหันไปรับมือกับกองทัพเบลารุสทางด้านเหนือ โอกาสที่อาจต้องสูญเสียเมืองหลวงหรือกรุงเคียฟให้กับรัสเซียย่อมเป็นไปได้ไม่ยาก และ 2. อาจเป็นการโจมตีแบบม้วนเดียวจบ หรือแบบมุ่งยึดครองยูเครนทั้งกะบิเพื่อปรับเปลี่ยนรัฐบาล หรือเพื่อปิดฉากการแสดงของ “ตัวตลก69” ที่พยายามยั่วยวนกวนส้นตีนหมีขาวรัสเซียแบบชนิดแทบหลับไม่ลงยิ่งเข้าไปทุกที...
คือแม้จะเป็นการคาดคะเน การทำนายทายทักของสื่อตะวันตก หรือของรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีก็ตามที แต่โดยแนวโน้มความเป็นไปได้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย เพราะถ้าดูจากอากัปกิริยาท่าที ของบรรดาผู้มีอำนาจ อิทธิพลทั้งหลายในรัสเซีย ไม่ว่าตั้งแต่รัฐมนตรีต่างประเทศ “นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ” ที่ออกมาเปิดใจกับสำนักข่าว “TASS” เอาไว้ครั้งล่าสุด (26 ธ.ค.) ว่าถ้าหากยูเครนไม่คิดจะทำตาม “ข้อเสนอของเรา” (Demilitarization-Denazification) กองทัพรัสเซียก็พร้อมแล้วที่จะ “ตัดสินใจให้” หรืออดีตประธานาธิบดีและรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซียปัจจุบัน “นายดมิตรี เมดเวเดฟ” ที่ออกมาร่ายยาวถึงความคิด ความเห็นต่อ “โลกตะวันตก” ไว้หลายแง่ หลายมุม ในหนังสือพิมพ์ “Rossiyskaya Gazeta” เมื่อช่วงวันอาทิตย์ (25 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งล้วนแล้วแต่ดุเดือดเลือดพล่านไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าความไม่น่าไว้วางใจในโลกของพวก “Anglo-Saxon” ที่เต็มไปด้วยการปล้นชิงและการฉ้อโกง จนรัสเซียมิอาจฟื้นความสัมพันธ์ขั้นปกติกับโลกตะวันตกไปอีกเป็นปีๆ หรือเป็นทศวรรษๆ เอาเลยก็ไม่แน่ โดย “เราต้องเดินหน้าต่อไปด้วยความระมัดระวังและความตื่นตัวโดยไม่มีพวกเขา” เพื่อมุ่งไปสู่การสรรค์สร้าง “ระเบียบโลกแบบใหม่” ภายใต้สภาวะที่โลกตะวันตกได้สูญเสียขีดความสามารถในการเป็นผู้นำโลกไปแล้วอย่างเห็นได้โดยชัดเจน ฯลฯ
แถมยังได้ส่งเสียงเตือนเอาไว้ล่วงหน้าถึงความเป็น “ชาตินิวเคลียร์” ของรัสเซีย ที่ถ้าต้องเจอกับภัยคุกคามที่มุ่ง “ตัดขาด” และ “ทำลายล้าง” ประเทศรัสเซีย จะด้วยเหตุเพราะขนาดอันใหญ่โตมโหฬาร หรือด้วย “ความกลัว” ที่ฝังแน่นอยู่ภายในจิตสำนึก-จิตใต้สำนึก แบบชนิด “Russophobia” ก็แล้วแต่ อย่างที่ผู้นำรัสเซียได้ออกมาอธิบายเอาไว้เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา คือประเภทแม้แต่ “แมวเชื้อสายไซบีเรีย” ยังถูกต่อต้าน ถูกปฏิเสธ เอาเลยถึงขั้นนั้น ถึงจุดนั้น...รัสเซียย่อมหนีไม่พ้นที่ต้อง “ใช้ศักยภาพทั้งมวลเท่าที่มี” เพื่อปกป้องอธิปไตย ปกป้องประเทศและผลประโยชน์ของปวงชนชาวรัสเซียอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ดังนั้น...แม้ว่าพวกโลกตะวันตกมุ่งจะตัดขาด ทำลายล้าง ประเทศรัสเซียในทุกๆ วิถีทาง แต่คงต้องหันไปคิดๆ เอาไว้มั่ง ว่าจะหา “จุดสมดุล” เพื่อไม่ให้เกิดการงัดอาวุธนิวเคลียร์มาใช้เป็นเครื่องวัดตัดสินกันในรูปไหน แบบไหน ด้วยเหตุเพราะ... “โลกกำลังโซซัดโซเซอยู่บนริมขอบเหวแห่งสงครามโลกครั้งที่ 3 และกลียุคนิวเคลียร์ โดยที่รัสเซียเองก็เพียรพยายามที่จะป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้”...
คือพูดง่ายๆ ว่า...โดยลักษณะอาการ โดยกิริยาท่าทีของบรรดาผู้นำและผู้มีบทบาท-หน้าที่ในประเทศรัสเซียทุกวันนี้ แทบไม่คิดจะ “แคร์แดม” กับพวกโลกตะวันตกไปแล้วก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้...ความยืดเยื้อ คาราคาซัง ของกรณีความขัดแย้งยูเครน ที่ผู้นำรัสเซียได้ออกมาเปิดเผยความรู้สึกว่า “จบเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น” คงหนีไม่พ้นต้องหาทางจบ หาทางปิดฉาก ในรูปใด รูปหนึ่ง ไม่ว่าในโต๊ะเจรจา หรือในสนามรบก็ตามที หรือในแบบที่ผู้เชี่ยวด้านการทหารของจีน “นายSong Zhongping” สรุปไว้กับสื่อทางการจีนอย่าง “Global Times” เมื่อวัน-สองวันมานี้นั่นแหละว่า... “ถ้าหากคุณไม่สามารถเอาชนะในสนามรบได้แล้ว คุณย่อมไม่สามารถเอาสิ่งนั้นจากโต๊ะเจรจาได้เลย” ดังนั้น...ความพยายามหามุมจบของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะฝ่ายรัสเซีย หรือฝ่ายยูเครนที่มีอเมริกาและนาโตคอยถือหาง ย่อมขึ้นอยู่กับว่าใครจะ “เอาชนะในสนามรบ” ได้แบบเบ็ดเสร็จและเด็ดขาดมาก-น้อยไปกว่ากัน...
การเผชิญหน้าโดยตรง...ระหว่างรัสเซียกับอเมริกาและนาโต จึงอยู่ไม่ใกล้-ไม่ไกลแค่ระดับ “เส้นยาแดงผ่าแปด” โดยที่ใครชนะ-ใครแพ้ คงต้องไปลุ้น-ไปเชียร์กันเอาเอง แต่อย่างที่สื่อทางการของจีนเขาได้รายงานสภาพความเป็นไปของพันธมิตรสองฟากฝั่งแอตแลนติกต่อฉากสถานการณ์ในปีหน้า ฟ้าใหม่ เอาไว้ประมาณว่า “US, Europe to greet 2023 in chaos” หรือทั้งอเมริกาและยุโรปต่างต้องต้อนรับปี ค.ศ. 2023 ด้วยความสับสนอลหม่านเป็นอย่างยิ่ง โดยได้ไล่เรียงให้เห็นไปเป็นฉากๆ ไม่ว่าการต้องเจอกับภัยพิบัติธรรมชาติ เจอพายุหิมะฤดูหนาวที่ครอบคลุมอาณาบริเวณพื้นที่กว่า 3,200 กิโลเมตร ตั้งแต่รัฐเท็กซัสในอเมริกาไปยันควิเบกในแคนาดา เล่นเอาผู้คนนับล้านๆ ไม่มีไฟฟ้าใช้ เด็ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะเท่งทึงไปแล้วเกือบ 40 ราย เจอกับการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐบาลท้องถิ่นที่อยู่กันคนละพรรค เจอกับความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างรัฐบาลกับรัฐสภาที่ฝ่ายค้านพลิกกลับมาคุมเสียงข้างมาก เจอปัญหาการเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ ที่แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้ เจอกับความรุนแรงทางสังคม ที่เห็นได้จากสถิติการกราดยิงฝูงชนช่วงปี ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 600 คดี ไปจนปัญหาเงินเฟ้อและแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า ฯลฯ...
ขณะที่ยุโรปทั้งยุโรปก็สับสนอลหม่านไม่น้อยไปกว่ากัน...ไม่ว่าปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งทะลุตัวเลข 2 หลักนับเป็นสิบๆ ประเทศ เจอกับการย้ายฐานการลงทุนทางอุตสาหกรรม การว่างงาน การหวนกลับมามีบทบาทของพวกขวาจัดและประชานิยม ไปจนถึงการสไตรค์ของผู้คนพลเมืองที่แพร่สะพัดไปทั่วยุโรป โดยเฉพาะอังกฤษที่หนักหนาสาหัสเอามากๆ ไม่ว่าจะพยาบาล พนักงานไปรษณีย์ คนขับรถโดยสาร รถบรรทุก ไปจนข้าราชการพลเรือนในแต่ละกระทรวงทบวงกรม ฯลฯ...
อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่เลยทำให้ฝ่ายรัสเซียเขาค่อนข้างมั่นอก-มั่นใจ ว่ายังไงๆ เขาคงต้องเป็นฝ่ายชนะอยู่แล้วแน่ๆ หรืออย่างที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย “นายMikhail Galuzin” ถึงกับออกมาฟันธงและฟันเฟิร์มกับสำนักข่าว “TASS” เมื่อวัน-สองวันนี้นั่นแหละว่า “ยุคแห่งโลกขั้วอำนาจเดียวภายใต้การนำของอเมริกาและพันธมิตรได้พ้นยุค-พ้นสมัยไปเรียบร้อยแล้ว!!! และการอุบัติขึ้นมาของโลกหลายขั้วอำนาจ ที่มุ่งไปสู่ความร่วมมือ-ความเสมอภาค การเคารพในผลประโยชน์ของแต่ละประเทศ การไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน ฯลฯ กำลังปรากฏให้เห็นในแต่ละซีกโลก โดยความจริงที่อุบัติขึ้นมาย่อมส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อทุกระบบของโลกและของแต่ละภูมิภาคอย่างมิอาจปฏิเสธได้” ...จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็ลองเก็บไปคิดเป็นการบ้านเอาเองก็แล้วกัน...