xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองน้ำเน่าสร้างวิกฤต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



ใครห่วงใยปัญหาเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศบ้าง? ทุกวันนี้ นักเลือกตั้งหาเสียงเสนอนโยบายประชานิยมสารพัด แต่ไม่บอกว่าจะหารายได้จากไหน นอกจากส่งเสริมการท่องเที่ยว การส่งออก ซึ่งเป็นเรื่องของภาคเอกชน

ไม่มีพรรคใดประกาศว่าจะทำให้ปัญหางบประมาณขาดดุลได้สำเร็จอย่างไร ปีไหน ดูสภาพแล้วไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลคงต้องกู้ต่อไป อย่างน้อย 5-6 แสนล้านต่อไป

ยิ่งถ้าท่านผู้นำประชุมเอเปกได้อยู่ต่ออีก 2 ปี ไม่มีทางเลือกอื่น ต้องกู้ต่อไป ที่ผ่านมาได้รับการยอมรับว่า “ใช้เงินเก่ง หาเงินไม่เก่ง ไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจ”

แต่อาสาขอเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ส่วนรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่อุปโลกน์มานั้น ก็ฝีมือไม่เอาอ่าว รับปากเรื่องจะแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง ก็ไม่ทำอะไร ปล่อยให้ผู้ค้าน้ำมันมีความสุขกับความมั่งคั่งจากค่าการตลาดสูง

ท่านห้าวเป้งอยู่มานานกว่า 8 ปี ไม่มีความกล้า สติปัญญาที่จะปลดพันธนาการจากการต้องกำหนดราคาค่าโรงกลั่นน้ำมันสิงคโปร์ ทั้งที่เรามีโรงกลั่นน้ำมันมากกว่า ประเทศขนาดใหญ่กว่า พลเมืองมากกว่า

เอาราคาก๊าซธรรมชาติในประเทศไปผูกติดกับราคาในตะวันออกกลาง บวกค่าขนส่ง ต้นทุนเทียม ค่าใช้จ่ายทิพย์อื่นๆ ที่ไม่มีจริง ทำให้ราคาแพงเกินจริง

รวมกันเข้าไปเป็นกำไรลาภลอย หรือ Windfall Profit ซึ่งรัฐบาลที่เห็นผลประโยชน์ของประชาชนจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น อย่างที่มีระบบ “อวยนายทุน” ในไทย

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตยังมีส่วนการผลิตต่ำกว่าข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญ

ประชาชนต้องกล้ำกลืนค่า FT ซึ่งเป็น “ต้นทุนทิพย์” จากราคาไฟฟ้าที่ กฟผ.ซื้อมาแต่ประชาชนไม่ได้ใช้เพราะเป็นส่วนสำรองเกินกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ที่จำเป็น

โดยสภาพแล้ว ไฟฟ้าที่ “ล้นตลาด เกินความต้องการ” ต้องมีราคาต่ำ ไม่ใช่ว่าไฟฟ้าไม่ใช้ ก็ต้องจ่าย ส่งเสริมให้มีการตั้งโรงไฟฟ้าเพิ่มต่อเนื่อง

ถ้าไม่เรียกว่าเป็นความอำมหิต เลือดเย็นกับประชาชนแล้ว จะให้เรียกอย่างไร

นักการเมือง นักเลือกตั้ง จึงห่วงแต่ความอยู่รอดของตัวเอง เพราะเป็นการแย่งชิงอำนาจเพื่อผลประโยชน์ เอาอำนาจจากการกาเบอร์ของชาวบ้านไปเติมความรวย

ทุกวันนี้แสดงอาการตอกย้ำให้เห็นสภาพการเมืองที่ไร้หลักการ อุดมการณ์คุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม และไร้ยางอาย แถมยังมีเรื่องทุจริต คอร์รัปชันตลอด

การซื้อขายนักเลือกตั้งให้ย้ายค่าย ไม่ต่างจากการประมูลซื้อวัวควาย ความจงรักภักดีและโอกาสชนะเลือกตั้งจะขายให้ผู้เสนอราคาสูงสุด พร้อมจะเสนอขายตัวต่อไปในฤดูกาลหน้า ถ้ามีคนให้ราคาเพิ่ม และผลพลอยได้ เช่นตำแหน่งงามๆ

นี่เป็นการเมืองด้อยพัฒนา ระบบทายาทอสูร สืบทอดความตกต่ำ ทำให้การเมืองน้ำเน่าบ้านเราไม่มีโอกาสพัฒนาคนดี มีความรู้ เข้าสู่วงการได้ยาก ถ้าต้องสู้กับระบบธนาธิปไตย เงินเป็นใหญ่ เครือข่ายหัวคะแนน ระบบซื้อเสียง

การเลือกตั้งครั้งต่อไป จะมีเมื่อไหร่ยังไม่กำหนด ไม่มีสัญญาณว่าบ้านเมืองจะดีขึ้น ไม่ว่าฝ่ายใดจะได้จัดตั้งรัฐบาลก็ตาม เป็นเรื่องของการถอนทุน สร้างฐานผลประโยชน์เพื่อสืบทอดอำนาจ ช่วงนี้คือการอ่อยเหยื่อด้วยนโยบายประชานิยม

รัฐบาลท่านห้าวเป้ง ได้ใช้เงินในโครงการประชานิยมไปหลายแสนล้านบาท แต่ไม่ได้รับความนิยม ผลสำรวจจากโพล ยังให้ผู้นำรัฐบาลอยู่อันดับ 4-5 โน่น

ผลงานที่โดดเด่นช่วง 8 ปี คือเพิ่มจำนวนคนจนจาก 14 ล้านคน เป็น 22 ล้าน เท่ากับ 1 ใน 3 ของประชากรของประเทศ ถ้าอยู่ต่อ ด้วยความสามารถระดับนี้ จำนวนคนจนอาจอยู่มากถึงครึ่งประเทศ เพราะเป็นนักกู้สู้ไม่ถอย

หนี้ครัวเรือนสูง 89.2 เปอร์เซ็นต์คือระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจ ไม่มีนักเลือกตั้งหน้าไหนประกาศว่าจะแก้ไขอย่างไร ช่วง 8 ปี มีเงินหายมากถึง 3 แสนล้านบาท ตัวเลขอย่างนี้อย่านึกว่ามาก ของจริงอาจจะสูงกว่านี้เยอะ

เสนาบดีตัวกลั่นล้วนมั่งคั่งไม่เป็นทางการระดับหลายหมื่นล้านบาท ด้วยเงินฝาก ทรัพย์สินซุกไว้ในต่างประเทศ จากการอวยทุนใหญ่ ขายชาติ ขายสัญชาติ

โครงการขนาดใหญ่ ตกอยู่ในมือไม่กี่ตระกูล ล้วนเป็นทุนการเมืองทั้งนั้น

ประเทศไทยแก้ปัญหาไม่ยาก ถ้าปราบการทุจริต คอร์รัปชันได้ ก็มีเงิน ถนนปูด้วยทองคำ อาจฝังเพชรได้ด้วย ดูก็แล้วกัน โกงกินมูมมามอย่างนี้ บ้านเมืองยังไม่ล่มจมเพราะฐานยังแข็งแรงด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ความสมบูรณ์ของทรัพย์แผ่นดิน

แต่กำลังจะเสี่ยงอยู่ในขั้นอันตรายเพราะหนี้ภาครัฐไม่น้อย ยิ่งถ้าต้องกู้ไม่เลิกด้วยแล้ว รากฐานผุกร่อน สภาวะ “รัฐล้มเหลว” เพราะระบบนิติรัฐ นิติธรรมไม่น่าเชื่อถือ อย่าแปลกใจที่เรามีทุนสีเทาจีน ทุนแฝงเร้นต่างชาติครอบงำประเทศ

มีผู้นำรัฐบาล เหมือนเป็นตัวแทนผู้รักษาผลประโยชน์ของเจ้าสัวทุนใหญ่ เอาประเทศทำเหมือนเป็นอาณาจักรส่วนตัว แบ่งปันผลประโยชน์ สร้างสภาวะผูกขาดการค้าโดยทุนใหญ่ ปิดช่องทางสำหรับธุรกิจนรายย่อย ไม่มีทางสู้ได้

ทุกวันนี้ ไม่มีใครรู้ว่าทรัพย์สินแผ่นดินอยู่ในมือต่างชาติมากแค่ไหน ทั้งยังเปิดให้คนสารพัดประเภทเข้ามาอยู่อาศัย สร้างอิทธิพลด้วยเงินครอบงำข้าราชการกังฉิน

การซื้อขายสัญชาติ บัตรประชาชน อสังหาริมทรัพย์ และโครงการสัมปทาน เช่าที่ทรัพย์สินของรัฐ ล้วนเป็นพฤติกรรมฉ้อฉลเชิงอำนาจ โดยกลุ่มผู้กุมอำนาจ

ประเทศไทยจะรอดพ้นจากการทุจริต คอร์รัปชันของผู้กุมอำนาจรัฐ เลี่ยงวิกฤตที่อาจทำให้เกิดหายนะได้หรือไม่ ถ้ายังไม่มีคนดีเข้ามาเป็นผู้นำ


กำลังโหลดความคิดเห็น