"ประกิต สิริวัฒนเกตุ" วิเคราะห์หุ้นไทยต้นปีหน้าคึกคัก จากเศรษฐกิจฟื้นตัว-ความชัดเจนเรื่องเลือกตั้ง แต่จะซบเซาครึ่งปีหลัง สวนทางหุ้นสหรัฐฯ-ยุโรป
วันที่ 22 พ.ย. 2565 นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด ให้สัมภาษณ์ในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "หุ้นโลก & หุ้นไทย 2023 เศรษฐกิจถดถอยรออยู่?
นายประกิตกล่าวในช่วงหนึ่งว่า ตลาดหุ้นช่วงสุดท้ายของปีทั้งไทยและทั่วโลกน่าจะแย่ลง อย่างแรกตลาดหุ้นสหรัฐฯ จบแล้วเรื่องเงินเฟ้อและดอกเบี้ย หมายถึงเงินเฟ้อสูงที่สุดไปแล้ว และกำลังจะแผ่วไปเรื่อยๆ ส่วนดอกเบี้ย ทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยพอเดาได้แล้วว่าจะไปที่ประมาณเท่าไหร่ ไม่น่าจะเกิน 5.25 ส่วนจะลดดอกเบี้ยไหมไปลุ้นอีกทีหนึ่ง เพราะจุดสูงสุดของดอกเบี้ยที่ขึ้นมารัวๆ ในปีนี้ น่าจะสุดแล้วเช่นกัน
ข้อเสีย เวลาที่เจอเงินเฟ้อและดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุด สิ่งที่จะตามมาก็คือสภาวะเศรษฐกิจถดถอย พอเงินเฟ้อสูงขึ้นมันสร้างบาดแผลไว้ ราคาสินค้าสูงขึ้นก็จะบั่นทอนกำลังซื้อให้หายไปในช่วงระยะเวลา 1-2 ปี พอคนชินกับสินค้าที่ราคาแพงถึงกล้ากลับมาจับจ่ายใช้สอย
เช่นเดียวกับดอกเบี้ยสูง การกู้เงินเพื่อลงทุนก็น้อยลง เศรษฐกิจก็จะซบเซา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ-ยุโรป จะเริ่มตอบรับตั้งแต่ตอนนี้ และจะลงยาวไปถึงไตรมาสที่ 1 ปีหน้า ส่วนหุ้นไทยเข้าสู่สภาวะซบเซาเช่นเดียวกัน พ.ย.-ธ.ค. นักลงทุนต่างประเทศชอบขายของ แล้วก็เอาเงินกลับบ้าน เพราะมันจะเป็นช่วงก่อนหยุดยาวเทศกาลคริสต์มาส และเคลียร์ของออก บวกกับปัจจุบันมันเอื้อให้เขาต้องเร่งเคลียร์ของด้วย บรรดาพวกหุ้นไทยฟื้นตัวมาก็ได้มาหลายเปอร์เซ็นต์ กำไรจากการขายหุ้นก็จะเกิดขึ้น ค่าเงินบาทแข็งค่าพรวดพราด กำไรค่าเงินก็เยอะ เป็นโอกาสที่ทำให้เขาขาย หุ้นไทยก็เข้าสู่สภาวะเม็ดเงินลงทุนเริ่มหดหาย
นายประกิตกล่าวอีกว่า เป็นโอกาสเศรษฐกิจในประเทศกำลังเริ่มฟื้นตัว การท่องเที่ยวดีมาก สัญญาณตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ดีขึ้น ที่สำคัญเราจะเห็นความชัดเจนของ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าชัดเจนว่าไปอยู่พรรคไหน ก็จะมีการโปรโมตพรรคนั้น ทำให้โอกาสยุบสภาเร็วมีน้อยลง เพราะต้องมีเวลาในการหาเสียงก่อน ซึ่งเป็นข่าวดี เพราะปลายเดือนนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัย พ.ร.ป.พรรคการเมือง ปลายเดือนหน้าก็น่าจะมีนัดฟังคำวินิจฉัย พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส.
ถ้าปลายเดือนหน้าไม่ขัดรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับ แล้วกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งมีโปรดเกล้าฯ ลงมาใน ก.พ. หลังจากนั้นยุบสภาก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีก 45-60 วัน ต้องเลือกตั้งภายใต้กติกาบัตร 2 ใบ และใช้สูตรหารร้อย ใต้กติกานี้สามารถมีพรรคที่ได้เสียงข้างมากค่อนข้างขาดลอย ทำให้มีเสถียรภาพ ตลาดหุ้นจะตอบรับในทางที่ดี ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากมีการยุบสภาก่อนที่กฎหมายจะผ่าน
ต้นปีหน้าทั้งเรื่องเลือกตั้ง รวมถึงเศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่ บวกกับจีนคลายล็อกดาวน์ ซึ่งน่าจะสมบูรณ์แบบในไตรมาสสอง ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์เต็มๆ แม้หุ้นสหรัฐฯ ยุโรปลง แต่ไทยจะค่อยๆ ไต่ไป
แต่ปัญหาจะเกิดครึ่งหลังของปี เพราะหลังจากอเมริกาเจอเศรษฐกิจถดถอย ดอกเบี้ยอาจเริ่มมีการปรับลดลง สวนทางกับไทยที่ยังลดไม่ได้เพราะเงินเฟ้อยังสูงอยู่ ไทยอาจเป็นประเทศล้าหลังในการลดดอกเบี้ยในปีหน้า
บวกกับความเสี่ยงเรื่องนโยบายประชานิยมที่เกิดขึ้น พรรคต่างๆ พูดหาเสียงกันไปก่อน ประเทศจะเสียหายยังไงไม่สนใจ สร้างความกังวลเรื่องวินัยทางการเงิน และเศรษฐกิจระยะยาว หลังเลือกตั้งหุ้นไทยก็จะโดนเทกสูงมาก จะตรงข้ามกับอเมริกาและยุโรป ที่เริ่มโดนน็อกมาตลอดครึ่งปี มันจะเริ่มไหลขึ้นในครึ่งหลังของปี สรุปหุ้นไทยไตรมาส 1-2 จะดี แต่ครึ่งหลังไม่ดี แต่อเมริกา-ยุโรปจะเริ่มดีขึ้น