ผู้นำเผด็จการอยู่นานที่สุด

ประธานาธิบดี Teodoro Obiang Nguema Mbasogo ของประเทศอิเควทอเรียลกินี ในวัย 80 ปี หวังชนะการเลือกตั้งอยู่ในตำแหน่งต่อไป หลังจากเป็นผู้นำรัฐบาลมานานถึง 43 ปี จัดว่าเป็นผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานที่สุดในโลก

Obiang มีคณะรัฐมนตรีประกอบด้วยสมาชิกครอบครัวในตำแหน่งสำคัญ

ลูกชายเพลย์บอย Teodoro “Teodorin” Nguema Obiang Mangue ใช้จ่ายเงินเป็นเบี้ยในสหรัฐฯ และยุโรป กุมตำแหน่งรองประธานาธิบดี หวังสืบทอดอำนาจจากพ่อ

มีข่าวพฤติกรรมฉาวโดยตลอด ละเมิดกฎหมายในฝรั่งเศสจนถูกยึดทรัพย์ การใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐฯ และยุโรป ขับรถสปอร์ต นิยมของแพง มีเสียงร่ำลือว่ายอดเพลย์บอยใช้ถุงมือหุ้มคริสตัลซึ่งเคยเป็นของนักร้องไมเคิล แจ็กสัน ที่เสียชีวิตไปแล้ว

การดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของ “Teodorin” หมายความว่าประเทศอิเควทอเรียลกินี คงจะอยู่ในสภาพของการปกครองประเทศแบบครอบครัว

ตัวพ่อ ประธานาธิบดี Obiang คาดหวังว่าจะได้รับเลือกด้วยคะแนนไม่น้อยกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ และเป็นแบบนี้มาตลอด เพราะฝ่ายค้านไม่มีทางสู้ องค์กรสื่อมวลชนถ้าไม่เป็นของรัฐ ก็เป็นของเอกชนที่เป็นฝ่ายของ Obiang

Obiang เคยเป็นเป้าหมายของการถูกโค่นล้มด้วยการรัฐประหารหลายครั้ง แต่เอาตัวรอดมาได้เพราะกุมอำนาจทหารอย่างเด็ดขาด อิเควทอเรียลกินี อยู่ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ติดกับคาเมรูน เคยยากจนแต่ค้นพบน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่ง

Obiang ยังถูกจัดอยู่ในชั้นทรราชอีกต่างหาก บริหารประเทศโดยใช้ความยากจนเป็นอำนาจกดหัวประชาชนให้จำยอม เป็นประเทศมั่งคั่งด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รายได้ส่วนใหญ่ไม่ตกถึงมือประชาชนที่มีประมาณ 1.4 ล้านคน

รายได้ต่อหัวประชากรมากกว่า 3.4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐเป็นเพียงตัวเลขหลอก

ยังมีแร่ธาตุสำคัญที่รอการพัฒนา เช่น ไทเทเนียม ทองคำ แร่เหล็ก แมงกานีส ยูเรเนียม การพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่ในมือชาติตะวันตก ไม่มีใครรู้ว่าตระกูลของ Obiang มั่งคั่งแค่ไหนเพราะทำตัวเป็นเจ้าของประเทศ

เดิมอิเควทอเรียลกินีเคยอยู่ภายใต้การปกครองของโปรตุเกส และต่อมาตกเป็นอาณานิคมของสเปนเป็นเวลาถึง 190 ปี ตั้งแต่ปี 2321 จนได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2511 ภาษาราชการมี สเปน โปรตุเกส และฝรั่งเศส

ประชาชนไม่เคยมีความสุข มีจำนวนมากที่อพยพไปอยู่นอกประเทศ เพราะอยู่ต่อไปก็ไม่มีอนาคต ไม่มีเสรีภาพ อยู่ในบรรยากาศของความหวาดกลัว คนหลายพันถูกสังหารหรือหายตัวไปโดยไร้ร่องรอย อยู่ภายใต้กฎเหล็ก

Obiang เป็นอดีตรัฐมนตรีกลาโหมยศพันเอก ก่อนรัฐประหารผู้นำคนแรกหลังจากได้รับอิสรภาพ นั่นคือ นาย Macias Nguema ผู้เป็นลุงด้วย

Macias Nguema เป็นประธานาธิบดีคนแรกและเป็นผู้สถาปนาระบบการปกครองแบบพรรคเดียวในปี 2513 ใช้ระบบการปกครองเผด็จการเช่นกัน ยุคของ Nguema มีประชาชนกว่า 1 ใน 3 ของประเทศถูกสังหารหรือหนีออกนอกประเทศ

วันที่ 14 กรกฎาคม 2515 Macias Nguema ได้สถาปนาตนเองเป็นประธานาธิบดีตลอดกาล แต่ต่อมา ได้ถูกโค่นล้มโดยรัฐประหารในเดือนสิงหาคม 2522 โดย Obiang ซึ่งไม่ยอมไว้ชีวิตผู้เป็นลุง

คณะนายทหารจึงเป็นองค์กรทางการเมืองที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารปกครองประเทศ ในปี 2534 ประธานาธิบดี Obiang ได้สถาปนาระบบการเมืองหลายพรรคขึ้น โดยจัดให้มีการเลือกตั้งแบบหลายพรรคขึ้นครั้งแรกในปี 2539

ตั้งแต่ได้รับเอกราช ก็ไม่เคยรับรู้ประชาธิปไตย อยู่ภายใต้เผด็จการ 2 ยุค

ความเป็นเผด็จการทรราชของ Obiang ทำให้มีประชาธิปไตยแบบหน้าฉาก ในทางปฏิบัติ พรรค Partido Democrático de Guinea Ecuatorial (PDGE) ของ Obiang ยังคงเป็นพรรคการเมืองที่ถือครองเสียงข้างมากเพียงพรรคเดียว

การทุจริต คอร์รัปชันถือว่าเป็นข้อกล่าวหาหลัก แต่ Obiang ปฏิเสธโดยตลอด

เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับประชาชนเมื่อมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการจำกัดคู่แข่งทางการเมืองและความไม่โปร่งใสในการเลือกตั้ง Professor Ana Lúcia Sá ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการเมืองในทวีปแอฟริกาบอกสำนักข่าวบีบีซีว่า “ไม่มีอะไรเปลี่ยน”

Professor Ana Lúcia Sá สอนในมหาวิทยาลัยในกรุงลิสบอน โปรตุเกส อธิบายว่าการเลือกตั้งเป็นเพียงพิธีการตามรัฐธรรมนูญ ประชาชนจะต้องใช้สิทธิและเลือก Obiang ให้อยู่ในอำนาจต่อไปด้วยคะแนนไม่น้อยกว่า 95 เปอร์เซ็นต์

ฝ่ายค้านไม่มีโอกาสจะชนะได้เพราะ Obiang จะทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่ในอำนาจ ที่ผ่านมาก็ถูกกล่าวหาว่าโกงเลือกตั้งโดยตลอด กฎหมายเลือกตั้งก็ถูกกำหนดให้ Obiang และพรรครัฐบาลจะชนะการเลือกตั้งเท่านั้น

Obiang เป็นผู้กำหนดเกม และวิธีการต่างๆ ที่คู่แข่งไม่มีวันเอาชนะได้ ซ้ำร้ายอาจถูกเล่นงานด้วยกฎหมายหรือโดนจับกุมคุมขังโดยไม่มีใครช่วยได้ การเลือกตั้งในวันอาทิตย์คาดว่าจะมีลงทะเบียนใช้สิทธิประมาณ 3 แสนคน

องค์การสหประชาชาติไม่สามารถทำอะไรได้ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนมีรายงานเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิ การทารุณ สารพัดรูปแบบของความโหดร้าย

เมื่อไหร่ประชาชนอิเควทอเรียลกินีที่น่าสงสารจะหลุดพ้นจากระบอบเผด็จการทรราช ไม่มีใครตอบได้เพราะประเทศประชาธิปไตยในโลกตะวันตกหวังที่จะกอบโกยทรัพยากรของประเทศเท่านั้น