กระแสขาลงของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ปกครองประเทศมายาวนานกว่า 8 ปี ทำให้ขั้วตรงข้ามของรัฐบาลมีความเข้มแข็งขึ้นเพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ต้องการเปลี่ยนแปลง ทำให้ความหวังของทักษิณที่จะกลับบ้านสดใสขึ้น
ทักษิณนอกจากออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลผ่านคลับเฮาส์ในทุกคืนวันอังคารแล้ว เขายังเพิ่งเปิดบ้านให้ช่องยูทูบมาถ่ายทอดชีวิตความเป็นอยู่ที่หรูหราของเขาที่ดูไบ นับเป็นนักโทษหนีที่ใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยและท้าทายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของเมืองไทย เหมือนกับทำให้เชื่อตามที่ทักษิณอยากให้เชื่อว่าเขาโดนกลั่นแกล้งจากกระบวนการยุติความเป็นธรรมของประเทศเรา
เพราะถ้าทักษิณผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหา ทำไมนานาชาติเขาถึงไม่ให้ความร่วมมือในการนำตัวทักษิณมาลงโทษ วันนี้ทักษิณยังไปไหนมาไหนได้ แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนทุกประเทศก็ยังเปิดประตูรับทักษิณ
ทักษิณพูดถึงตัวเองว่าเป็นผู้ลี้ภัย คนรอบตัวของทักษิณก็สื่อต่อสังคมว่าทักษิณลี้ภัยการเมือง วันนี้เด็กรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันก็คิดว่าทักษิณลี้ภัยการเมืองเพราะเผด็จการทหารยึดอำนาจ และทักษิณเป็นสัญลักษณ์ของฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งที่จริงๆ ทักษิณหลบหนีคดีที่ศาลตัดสินใจให้จำคุกในคดีเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
มาตรา 100 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใด ดำเนินกิจการต่อไปนี้ (1) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่กำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีอำนาจ กำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดำเนินคดี”
แต่ฝ่ายทักษิณพยายามใช้วาทกรรมว่า เซ็นชื่อให้เมียซื้อที่ดินก็ผิด เหมือนใช้วาทกรรมว่า สมัครทำกับข้าวออกทีวีก็ผิด ทั้งที่จริงสมัครผิดเพราะเป็นลูกจ้างของบริษัทเอกชนระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ห้ามนายกฯ มีตำแหน่งใดๆ ในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์กรที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไร หรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด
หลังจากนั้นทักษิณยังถูกศาลจำคุกอีกหลายคดี แต่การพิจารณาของศาลก็มีทั้งคดีที่ทักษิณชนะคดีและแพ้คดี ซึ่งสะท้อนว่าศาลพิจารณาไปตามข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ถูกกล่าวหา ถ้าศาลไม่เป็นธรรมดังที่ทักษิณกล่าวหาศาลทุกคดีก็ต้องแพ้หมด
ปีที่ผ่านมาทักษิณพูดถึงการกลับบ้านมากขึ้น เขาพยายามพูดว่า อยากกลับมาเลี้ยงหลาน มาอยู่กับครอบครัวเป็นที่ปรึกษาให้ลูก หลายคนต่างก็คิดว่าทักษิณจะกลับมาอย่างไร เพราะตามกฎหมายแล้วยังมองไม่เห็นช่องทางเลยว่าทักษิณจะกลับมาโดยไม่ต้องติดคุกได้อย่างไร แม้ว่าพรรคของทักษิณอาจจะชนะแล้วได้กลับมาปกครองประเทศก็ตาม
อย่างไรก็ตาม มีคนบอกว่าทักษิณเลือกแนวทางแล้วคือ จะยอมกลับมาติดคุกเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ก็ต้องรอดูว่าจะเป็นจริงตามนั้นไหม
ทักษิณพยายามพูดเหมือนกับว่าเขาไม่สนใจอำนาจทางการเมืองแล้ว แต่ความจริงก็รู้กันว่า ทักษิณนั้นยังเดินเกมการเมืองผ่านพรรคของเขาตลอดมาผ่านนอมินีของเขาตั้งแต่สมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย ผ่านสมัคร สุนทรเวช ทักษิณมีบทเรียนจากการใช้สมัครที่เป็นคนนอกแล้วว่า ไม่สามารถครอบงำได้ง่ายเหมือนกับใช้คนในครอบครัว ต่อมาเขาจึงใช้น้องสาว ยิ่งลักษณ์ผ่านแคมเปญว่าทักษิณคิดเพื่อไทยทำ
มาถึงตอนนี้ทักษิณเทไพ่ใบสุดท้ายพร้อมความหวังจะได้กลับบ้านผ่านลูกสาวคนเล็กอุ๊งอิ๊ง แพทองธารที่ทักษิณบอกว่าหน้าเหมือนพ่อแต่นิสัยเหมือนแม่ นิ่ง เด็ดขาด ดุเหมือนแม่ แรงมาก็แรงไป โดยให้อุ๊งอิ๊งออกมาขับเคลื่อนทางการเมืองในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นครอบครัวที่มีบทบาทเหนือพรรคที่เป็นองค์กรตามกฎหมาย
ครอบครัวเพื่อไทยจริงๆ แล้วก็คือ ครอบครัวชินวัตรนั่นเอง
อุ๊งอิ๊งแสดงบทบาทของเธอได้ดีทีเดียวแม้จะอยู่ในวัยย่าง 36 ที่มีคุณสมบัติเป็นนายกรัฐมนตรีได้พอดี เธอแสดงให้เห็นว่ามีความรู้ความเข้าใจทางการเมืองไม่น้อย เหนือกว่าอาของเธอยิ่งลักษณ์ที่เหมือนกับไม่ประสีประสาการเมืองเลย และกระแสความนิยมของเธอก็พุ่งสูงคู่กับพรรค ในโพลที่น่าเชื่อถือนั้นความนิยมของเธอนำหน้ากว่าใครและทิ้งห่างกับพล.อ.ประยุทธ์ด้วยซ้ำไป
แน่นอนคนที่รักทักษิณก็ต้องรักอุ๊งอิ๊งด้วย เพราะอุ๊งอิ๊งเป็นสายเลือดของทักษิณ แม้อุ๊งอิ๊งจะยังไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองและเห็นการทำงานในเชิงธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาเลย แต่หลายคนก็คงคิดว่า หากได้อุ๊งอิ๊งมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็เหมือนได้ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีนั่นเอง
อุ๊งอิ๊งทำงานหนักมากเดินสายไปทั่วประเทศ แสดงให้เห็นว่าเธอลงกายลงแรงไม่ได้ลอยมาเหมือนยิ่งลักษณ์อาของเธอที่เปิดตัวมาไม่กี่วันก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่แล้วไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีข่าวออกมาว่า ตัวเลือกนายกรัฐมนตรีที่แท้จริงอาจไม่ใช่เธอแต่เป็นนายเศรษฐา ทวีสิน ผู้บริหารแสนสิรินักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ ซึ่งเศรษฐาก็ไม่ใครอื่นเป็นที่รู้กันว่า เขามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับยิ่งลักษณ์ ทำให้น่าสนใจว่าทักษิณจะเดินเกมอย่างไร
หรือว่าสมัยเลือกตั้งที่จะถึงนี้อาจจะสร้างโปรไพล์สะสมแต้มให้อุ๊งอิ๊งไว้ก่อน แต่ให้เศรษฐาออกหน้าก่อนในฐานะนายกรัฐมนตรีถ้าพรรคเพื่อไทยชนะและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จเพื่อให้อุ๊งอิ๊งมีโอกาสได้เรียนรู้งาน แต่อย่าลืมว่า ทักษิณเคยมีบทเรียนมาจากการใช้นายกฯ คนนอกอย่างสมัครแล้วว่า อาจจะไม่ได้ดังใจ แต่เป้าหมายที่ทักษิณต้องการก็คือการได้กลับบ้าน
ถ้าเศรษฐาได้เป็นนายกฯ ภายใต้พรรคเพื่อไทยจะทุ่มเทแค่ไหนเพื่อให้ทักษิณได้กลับบ้าน จะแตกต่างกันไหมถ้าอำนาจอยู่ในมือของอุ๊งอิ๊งที่ทักษิณสามารถกำกับได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ และเป็นความปรารถนาของลูกอยู่แล้วที่จะให้พ่อได้กลับบ้าน
แต่จะเลือกใครระหว่างอุ๊งอิ๊งกับเศรษฐาก็อยู่ที่เจ้าของพรรคตัวจริงอย่างทักษิณนี่แหละว่า เขาจะวางตัวเศรษฐาให้ขึ้นมาเป็นก่อนในขณะที่ประเทศกำลังต้องการมือบริหารที่เป็นนักธุรกิจหลังจากใช้ทหารบริหารประเทศมาหลายปีแล้วให้อุ๊งอิ๊งที่อายุยังน้อยรอไปก่อน หรือว่าทักษิณจะใช้อุ๊งอิ๊งลูกสาวของตัวเองที่แสดงออกมาให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็นตัวจริงในการนำพาครอบครัวเพื่อไทยมากกว่าจะเป็นตัวสำรองให้ใคร
อุ๊งอิ๊งนั้นมีแบรนด์ของทักษิณชัดเจน เพราะเป็นสายเลือดโดยตรง ส่วนเศรษฐาแม้จะประสบความสำเร็จทางธุรกิจในระดับประเทศ แต่ชาวบ้านชาวช่องเขาไม่รู้จัก ในการเลือกตั้งยังไงก็ส่งกระแสแรงเท่ากับชูอุ๊งอิ๊งตรงๆ ไม่ได้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วพรรคเพื่อไทยจะใช้วิธีเสนอชื่อทั้งสองคนในสามคนที่มีโควตาก็ตาม
อย่างไรก็ตาม คนในพรรคเพื่อไทยต่างรู้ดีว่า การตัดสินใจในพรรคเป็นของทักษิณเท่านั้น แม้ในทางเปิดเผยจะปฏิเสธว่าไม่จริงและเรียกพรรคของตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยก็ตาม
การศึกที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังเพลี่ยงพล้ำเพราะกระแสขาลงที่บริหารประเทศมาอย่างยาวนานนั้น อาจทำให้ทักษิณต้องคิดให้ละเอียด เขาอยู่เมืองนอกมายาวนาน 16 ปีแล้ว ล่าสุดเขาบอกว่าเขาต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้อีก 16 ปี เพื่อชดเชย 16 ปีที่หายไปกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิด
ดังนั้นแม้อาจจะต้องกลับมายอมติดคุกก่อนเขาก็ต้องมั่นใจว่าอำนาจจะกลับมาอยู่ในมือของฝ่ายเขา เพราะนี่เป็นเดิมพันครั้งสุดท้ายแล้ว
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan