เมื่อพูดถึงภิกษุณี ชาวพุทธในประเทศไทยส่วนใหญ่อาจไม่รู้ และไม่เข้าใจดีเท่ากับภิกษุ ทั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ไม่เคยมีการบวชภิกษุณีในประเทศไทย เนื่องจากว่าภิกษุณีจะต้องบวชจากสงฆ์สองฝ่ายคือ จากฝ่ายภิกษุณีสงฆ์ก่อนแล้วมาบวชจากฝ่ายภิกษุสงฆ์อีกครั้งหนึ่ง และประเทศไทยไม่เคยมีภิกษุณีสงฆ์ซึ่งสืบทอดต่อเนื่องมาจากสมัยพุทธกาล จึงไม่สามารถให้การอุปสมบทแก่สตรีเพศได้
2. แต่ในปัจจุบันมีภิกษุณีในประเทศไทย โดยอ้างว่าได้บวชมาจากต่างประเทศเช่น ศรีลังกา เป็นต้น แต่ดูเหมือนว่าไม่เป็นที่ยอมรับจากนักวิชาการทางพุทธศาสนาในวงกว้าง จะมีก็เพียงกลุ่มเล็กๆ ในวงจำกัดเท่านั้น ทั้งนี้อนุมานได้ว่าพุทธบริษัทในประเทศส่วนใหญ่ในประเทศไทย เชื่อว่าภิกษุณีสงฆ์ได้ขาดหายไปหลังพุทธปรินิพพานแล้วไม่นาน จึงไม่สามารถให้อุปสมบทภิกษุณีได้แล้ว
3. อนึ่ง นอกจากจะมีขั้นตอนในการอุปสมบทเป็นภิกษุณีตามข้อ 1 ซึ่งมีขึ้นมาก การอุปสมบทเป็นภิกษุแล้ว ยังต้องถือศีลมากกว่าภิกษุถึง 84 ข้อ
ดังนั้น จึงทำให้การดำรงตนอยู่ในเพศภาวะของภิกษุณี จึงเป็นได้ค่อนข้างยากสำหรับผู้ที่ยังยึดติดโลกแห่งวัตถุ เฉกเช่นปัจจุบันนี้ นี่ก็เป็นอีกประการหนึ่งที่ทำให้การบวชเป็นภิกษุณีขาดตอนได้ง่าย
แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าในขณะนี้ประเทศไทยมีสำนักภิกษุณีเกิดขึ้นแล้ว และได้รับการยอมรับจากผู้คนในสังคมส่วนหนึ่ง
ในขณะที่ผู้คนส่วนหนึ่งยอมรับการเกิดขึ้นและดำรงอยู่ของภิกษุณี ก็ได้มีผู้คนส่วนหนึ่งและอาจเป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักวิชาการด้านพุทธศาสนามีความรู้ ความเข้าใจพระธรรมวินัย ยังมีข้อกังขาเกี่ยวกับที่มาของภิกษุณีในประเทศไทย และยิ่งจะมีข้อวิตกกังวลและห่วงใยในความมั่นคงของพุทธศาสนามากขึ้น เมื่อได้เห็นข่าวภิกษุณีรูปหนึ่งอ้างว่าตนเองสามารถติดต่อกับโลกของเทพ และโลกของวิญญาณได้ จึงทำให้สามารถพยากรณ์เหตุการณ์ได้ ถ้าข่าวนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงตามข่าวที่ถูกนำมาเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ก็จะเข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรม ซึ่งมีโทษหนักถึงขั้นต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุณีได้ ถ้าผู้ที่อ้างไม่มีญาณวิเศษจริงตามที่อ้าง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้ามองเพียงผิวเผินอาจพูดได้ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะเป็นเพียงพฤติกรรมของปัจเจก เมื่อเทียบกับพฤติกรรมของภิกษุซึ่งมีพฤติกรรมในทำนองเดียวกัน ซึ่งมีอยู่ดาษดื่น
แต่เรื่องเล็กทำนองนี้ ย่อมทำลายศรัทธาของพุทธศาสนิกชนไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเท่าใดนัก
ด้วยเหตุนี้ ทางสำนักพุทธฯ ควรจะได้เข้าไปสอบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อตอบคำถามดังต่อไปนี้
1. ได้รับการอุปสมบทเป็นภิกษุณีจากสงฆ์หมู่ใด และเป็นไปตามพระวินัยหรือไม่
2. เมื่อบวชแล้วได้ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย 311 ข้อครบถ้วนหรือไม่ มากน้อยเพียงใด
3. ถ้าสอบสวนแล้วไม่เป็นไปตามข้อ 1 และข้อ 2 สำนักพุทธฯ จะดำเนินการอย่างไร