คนยุโรปรู้ดีว่าความหนาวเย็นในช่วงฤดูหนาวเหน็บนั้นทารุณเพียงใด ถ้าไม่มีเครื่องทำความร้อนในบ้าน ภายในกำแพงคอนกรีต คนอยู่ในอาคารมีความรู้สึกไม่ต่างกับการนั่งในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศา แต่ฤดูหนาวยังมีติดลบต่ำกว่า 10 องศา
ความหนาวเย็นยาวนานตั้งแต่เดือนนี้ ซึ่งเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง เมืองหลวงประเทศยุโรปส่วนใหญ่ยังมีอุณหภูมิต่ำสุดไม่ถึงเลขตัวเดียว เดือนตุลาคม ไม่รอดแน่
ที่ผ่านมาคนยุโรปเผชิญกับค่าครองชีพสูงต่อเนื่อง เงินเฟ้อสูงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ย่านประเทศบอลติกมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ค่าใช้จ่ายสำหรับไฟฟ้าและก๊าซมีแต่เพิ่ม
แต่รายได้คนยุโรปไม่เพิ่ม บางประเทศให้เงินช่วยเหลือครอบครัว ลดทอนแรงกดดัน ยุโรปรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนกว่า 6 ล้านคน เป็นภาระหนักด้านการเงิน การคลัง
แต่คนยุโรปเริ่มไม่ทนกับความลำบาก โดยเฉพาะเมื่อมองว่าความทุกข์ยากในชีวิตความเป็นอยู่ทุกวันนี้เกิดขึ้นจากมาตรการคว่ำบาตรที่ประเทศยุโรปทำตามสหรัฐฯ เมื่อรัสเซียส่งทหารเข้าไปในยูเครน อ้างว่าเพื่อปกป้องคนรัสเซียในแคว้นดอนบาส
ผลที่ตามมาคือน้ำมันดิบและก๊าซจากรัสเซียลดลงเมื่อยุโรปพยายามลดการซื้อเป้าหมายก็คือ ถ้ายุโรปลดการซื้อน้ำมันดิบและก๊าซจากรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินก็ไม่มีรายได้สำหรับการทำสงครามกับยูเครน ต้องถอนทหาร ยอมสยบต่อโลกตะวันตก
ความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น ยุโรปไม่มีแผนรองรับ ถ้าไม่ซื้อพลังงานจากรัสเซีย จะเอามาจากไหน เพราะยุโรปพึ่งพาน้ำมันดิบจากรัสเซียมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการ ขณะที่ต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์
เมื่อไม่มีแผนรองรับ รัสเซียไม่เดี้ยงตามคาด ราคาพลังงานจึงเพิ่มขึ้น ยุโรปยังเชื่อว่ามาตรการคว่ำบาตรต่อเนื่อง และการสนับสนุนการทหาร อาวุธ การเงินให้ยูเครน จะทำให้รัสเซียยอมรับสภาพว่าจะเอาชนะไม่ได้ แต่ยังไม่มีวี่แววให้เห็น
ความหวังของสหรัฐฯ และยุโรปว่าจะได้แหล่งน้ำมันจากตะวันออกกลางและที่อื่นกลายเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ผู้นำซาอุฯ ปฏิเสธ ไม่สามารถเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบได้
ทุกวันนี้กองทัพรัสเซียคุมพื้นที่ยูเครนมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์หลังจากการรบนานกว่า 6 เดือน ในพื้นที่นั้นมีทรัพยากรธรรมชาติ มีก๊าซ น้ำมัน แร่ธาตุมีค่าสารพัดมูลค่ามากกว่า 20 ล้านล้านดอลลาร์ ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มสำหรับรัสเซีย
คนยุโรปที่กำลังลำบาก เริ่มถามตัวเองว่ามีความจำเป็นอย่างไรที่รัฐบาลของตัวเองต้องทุ่มเททรัพยากรมากมายเพื่อช่วยเหลือยูเครนที่ไม่มีทางชนะสงคราม
ทำไมคนยุโรปต้องเสียสละ ต้องทุกข์ยาก เพื่อผู้นำจอมโม้ตัวตลก โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ซึ่งแต่ละวันมัวแต่คิดสุนทรพจน์ด้วยถ้อยคำสวยหรู เพื่อให้สหรัฐฯ และยุโรปช่วยเหลือทุกอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่อเดือนประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์
คนยุโรปไม่พอใจ มีความรู้สึกเป็นอิสระ ต้องลำบากเพราะมาตรการล็อกดาวน์ช่วงการระบาดของโควิด ต้องหยุดงาน ขาดรายได้ ไปไหนมาไหนไม่สะดวก
คนยุโรปเดินขบวนประท้วงมาตรการล็อกดาวน์ เพราะถือว่าจำกัดสิทธิเสรีภาพ การระบาดในยุโรปยังไม่จบ แต่ชาวยุโรปเลิกสวมหน้ากากอนามัย ถือว่าเป็นสิทธิ
เมื่อมาโดนซ้ำเติมด้วยความทุกข์เพราะสงครามในยูเครนและมาตรการคว่ำบาตร ทำให้รู้สึกโกรธแค้น เมื่อเห็นว่าผู้นำประเทศเห็นคนชาติอื่นสำคัญกว่า
ก่อนหน้านี้ผู้ใช้แรงงานในอังกฤษเริ่มหยุดงานประท้วงรอบแรก และประกาศว่าจะประท้วงอีกรอบเพื่อให้รัฐบาลช่วยเหลือ ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมเสี่ยงต่อปิดตัวถาวร
การเดินขบวนในกรุงปราก ประเทศเช็ก มีคนเข้าร่วมกว่า 7 หมื่นคนเป็นสัญญาณแรกว่าคนยุโรปจะลุกฮือขับไล่ผู้นำประเทศที่ทอดทิ้งประชาชน มุ่งแต่ช่วยเหลือผู้นำยูเครน ความรู้สึกต่อผู้ลี้ภัยยูเครนเริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน
คนยุโรปรู้ดีว่าความรุนแรงของอากาศหนาวเย็นนั้นเป็นอย่างไร ประวัติศาสตร์ของยุโรปยุคผู้นำฝรั่งเศส จักรพรรดินโปเลียน พ่ายแพ้ในสงครามกับรัสเซียอย่างไรเมื่อเผชิญกับการหนาว ทหารตายและถูกจับเป็นเชลย เป็นความปราชัยย่อยยับ
ผู้นำเยอรมนียุคนาซี อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ส่งทหารกว่า 2 ล้านคนบุกรัสเซียในปฏิบัติการบาร์บาโรซ่า หวังเอาชนะสตาลินและยึดครองทรัพยากรธรรมชาติมหาศาลแต่การทำสงครามยืดเยื้อโดยไม่เตรียมระบบส่งกำลังบำรุงให้ดี ทำให้ต้องพ่ายแพ้
กองทัพเยอรมันไม่ได้เตรียมชุดกันหนาวให้ทหาร เพราะไม่คาดว่าจะรบยาวนาน และการบุกก็ใกล้ถึงชานกรุงมอสโก กองทัพรัสเซียต้าน ต้องสูญเสียไม่น้อย
อากาศหนาวได้พิชิตผู้นำยุโรป 2 ยุค และครั้งนี้ปูตินจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการที่ยุโรปไม่มีก๊าซจากรัสเซียนั้นจะลำบากเพียงใด สต๊อกที่เตรียมไว้จะเพียงพอหรือไม่
รัสเซียหยุดการส่งก๊าซให้ยุโรปวันที่ 31 สิงหาคม อ้างว่าต้องซ่อมบำรุง และไม่ยอมส่งให้เมื่อถึงกำหนดส่งวันที่ 2 กันยายน อ้างว่ามีน้ำมันรั่วในท่อ ต้องใช้เวลาซ่อม อีก 2 วันต่อมา โฆษกรัฐบาลรัสเซียดมิทรี เปสคอฟ ประกาศเงื่อนไขชัดเจน
รัสเซียจะส่งก๊าซให้ยุโรปก็ต่อเมื่อยุโรปยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเท่านั้น
การเดินขบวนประท้วงขับไล่ผู้นำรัฐบาลคาดว่าจะลามจากกรุงปรากไปยังเมืองหลวงอื่นๆ เช่น ลอนดอน ปารีส เบอร์ลิน โรม เมื่อประชาชนไม่ยอมทนกับความลำบากอีกต่อไป จะเป็นวิกฤตสำหรับรัฐบาลในการตัดสินผิดพลาดในการคว่ำบาตรรัสเซีย
เศรษฐกิจของอังกฤษ เยอรมนี และยุโรป จะเผชิญกับภาวะถดถอยแน่นอน เมื่อความหนาวเย็นมาถึง ผู้นำชาติยุโรปต้องตัดสินใจว่าจะแก้ปัญหาทุกข์ร้อนของประชาชน หรือต้องยอมเป็นเด็กดีในโอวาทของสหรัฐที่ลำบากน้อยกว่า
เป็นวิกฤตท้าทายความอยู่รอดทางเศรษฐกิจของยุโรปทั้งหมดด้วย