กรณีตำรวจตรวจค้นหาแหล่งเพื่อจับกุมนายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรีในข้อหาเกี่ยวโยงกับการครอบครองที่ดินของรัฐโดยผิดกฎหมายน่าจะเป็นเรื่องตลกประจำปี ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแซงได้
นายสุนทร อดีต ส.ส. 8 สมัย เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วย ถูกกล่าวหาว่าทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องบุกรุกและครอบครองที่ดินบริเวณพื้นที่เชื่อมโยงกับเขาใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำคดีนี้ตั้งแต่ปี 2545 และลากยาวมาทำสำนวนส่ง ป.ป.ช.ในปี 2563
ป.ป.ช.อ้างว่าได้เร่งสืบสวนจนส่งคดีให้อัยการไม่กี่วันก่อนหน้านี้เพื่อให้ศาลออกหมายจับเอาตัวนายสุนทรไปส่งให้ศาลเพื่อดำเนินคดี ตำรวจมีเวลา 1 วัน ดังนั้นจึงเร่งแบ่งทีมไปค้นหาในหลายพื้นที่เพื่อเอาตัวนายสุนทรไปส่งให้ศาล ภายในเวลาราชการวันที่ 13 เดือนนี้ ได้ผลเป็นอย่างไรคงจะรู้กันแล้ว
นับว่าเป็นความพยายามของตำรวจที่ต้องรีบหาตัวนายสุนทร ดูแล้วอาจจะเทียบกับการไปหาเข็มเย็บผ้าในป่าเขาใหญ่ ถ้าตำรวจสามารถจับกุมได้ต้องถือว่าเป็นความสามารถขั้นพิเศษจริงๆ และนายสุนทรหนีหมายจับแสดงว่ากระทำผิดจริง
แต่มีคำถามอยู่ว่าตำรวจที่ทำคดีตั้งแต่ต้นมัวทำอะไรอยู่ใช้เวลาถึง 17 ปีกว่าจะนำสำนวนไปส่งให้ ป.ป.ช.เพื่อสอบสวน ตำรวจที่ทำคดีมีกี่ชุด โยกย้ายไปกี่คน และมีปัญหาอะไรจึงต้องใช้เวลามากเพราะคดีนี้มีอายุความถึง 20 ปี
สำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้นจะเป็นผู้ที่ตอบคำถามนี้ได้ แต่คงต้องใช้เวลาสอบสวนอีกนานกว่าจะรู้ว่าเป็นเพราะอะไร ซึ่งคงจะไม่มีประโยชน์และคนคงลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ป.ป.ช.ก็มีคดีค้างอยู่มากมายถูกมองว่าเป็นแหล่งหมักดองระดับหนึ่ง และถ้าไม่เร่งตรวจสอบให้ทันเวลาก็มีโอกาสที่บางคดีเสี่ยงต่อการหมดอายุความได้เช่นกัน
คดีของนายสุนทรและการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้หรือพื้นที่สาธารณะเป็นเรื่องธรรมดาและเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ คดีมากมายไม่สามารถคืบหน้าไปได้เพราะเจอผู้มีอิทธิพล หรือข้าราชการที่อยู่ในตำแหน่งสูงจนกฎหมายเอื้อมไม่ถึง
คนทั่วไปมีความรู้สึกว่าคนไม่กลัวกฎหมายแต่ยำเกรงคนมีเงิน ผู้มีอำนาจอิทธิพล จะไม่มีใครกล้าร้องเรียนและไม่อยากเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง เว้นแต่จะเป็นเรื่องที่มี “นักร้อง” หรือถูกโหมกระแสด้วยสื่อโซเชียลทำให้เจ้าหน้าที่จำใจต้องดำเนินคดี
แต่นายสุนทรยังมีคดีอื่นๆ ค้างคาอยู่และต้องรอดูว่าในวัย 83 ปีแล้วจะยังต้องหนีกฎหมายได้อีกหรือไม่ เพราะมีคดีหนีหมายจับพ่วงมาด้วย
นายสุนทรมีลูกสาวชื่อนางกนกวรรณ เป็นรัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าได้ร่วมกระทำผิดตามข้อกล่าวหาสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐออกโฉนดที่ดินบุกรุกป่าเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่พื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ด้วยแต่ยังไม่ลาออกทันทีด้วยความหวังว่าคดีจะนำขึ้นสู่ศาลและรอว่าศาลจะรับฟ้องหรือไม่
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว และผู้นำรัฐบาลบอกว่ายังไม่ปรับ ครม.เป็นเรื่องของศาลที่จะชี้มูลว่าผิดหรือไม่
นางกนกวรรณจะทนต่อแรงกดดันและกระแสสังคมได้นานสักเท่าไหร่ และก็เป็นเรื่องของจริยธรรมในการดำรงตำแหน่ง ทั้งยังเสี่ยงต่อโทษอาญาในข้อหาว่ากระทำความผิดร่วมกับผู้เป็นบิดาด้วย
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม สังคมก็ยังคงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรมซึ่งขณะนี้พิธีกรรมในการผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปองค์กรตำรวจกำลังอยู่ในการพิจารณาของสภาผู้แทนซึ่งใช้เวลานานยืดเยื้อ
ที่น่าห่วงก็คือเนื้อหาเดิมที่เสนอโดยคณะกรรมการพิเศษนั้นถูกเปลี่ยนแปลงไปมากในสาระสำคัญ จนไม่แน่ใจว่าผลสุดท้ายจะเหลืออะไรที่จะมีผลทำให้เกิดการปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจังและดีต่อกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น
นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งประธานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่ได้แสดงความจริงจังในการเร่งปฏิรูปตำรวจ ทั้งที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำประเทศมาแล้วเกือบ 8 ปีมีความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาโดยตำรวจนอกแถว ความอยุติธรรมหลายรูปแบบทั้งการจับผิดตัวและปั้นพยานเท็จ
องค์กรตำรวจควรได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง และเป็นที่พึ่งของประชาชน แต่ที่ผ่านมามักจะมีข้อครหาและเรื่องฉาวโฉ่ เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นเช่น มีบ่อนการพนัน หรือสถานบันเทิงกระทำผิดกฎหมายนายตำรวจในระดับ 5 เสือมักถูกย้ายไปประจำการอีกแห่งหนึ่ง พอเรื่องเงียบก็ถูกโยกกลับมาในตำแหน่งเดิม
แม้แต่คดีร้ายแรงซึ่งมีตำรวจเกี่ยวข้องด้วยก็ดูเหมือนจะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษรวมถึงข้อหาดูอ่อนละมุน แม้จะเป็นเรื่องที่สังคมสนใจก็ตาม อย่างเช่นเรื่องอุบัติเหตุและการใช้อำนาจในทางที่ผิด การทำคดีซึ่งมีผู้ต้องหาร่ำรวยหรือมีเครือข่ายกับผู้มีอำนาจ เป็นต้น
การจะปฏิรูปองค์กรตำรวจให้สำเร็จ ประเทศจะต้องมีผู้นำที่มีเจตนาและความตั้งใจมั่นคงเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความยุติธรรม และความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม เพราะที่ผ่านมาระบบนิติรัฐนิติธรรมถูกมองว่าอยู่ในสภาพของ “รัฐล้มเหลว”
ในประเทศนี้ยังจะมีอะไรให้ประชาชนหวังเป็นที่พึ่งได้อีกบ้าง เมื่อมีโครงสร้างผุกร่อนด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม จริยธรรม และศีลธรรม การคอร์รัปชันเฟื่องฟูทุกระดับ ไม่มีวี่แววว่าใครจะใส่ใจแก้ปัญหาอย่างจริงจัง กังฉินครองอำนาจหลายระดับ