ปิดฉากสัปดาห์นี้...เพื่อให้เกิดความเบา ความสบาย ติดปลายนวมเอาไว้มั่ง เลยคงต้องขออนุญาตสรุปกันแบบดื้อๆ ทื่อๆ ว่าอาจถือเป็น “โชคดี” อยู่มั่ง สำหรับบรรดา “ทวยไทย” หรือผู้ที่เกิดและเติบโตอยู่ในประเทศไทยแลนด์ แดนสยามของหมู่เฮาทั้งหลาย ที่แม้ต้องเจอน้ำท่วม น้ำขัง น้ำรอระบาย ฯลฯ กันไปตามสภาพ แต่ยังไม่น่าจะถึงกับหนักหนา-สาหัสเหมือนอย่างพวก “ฝรั่ง” ไม่ว่าประเภทที่อยู่ในยุโรป หรืออเมริกาก็ตาม ที่นับวันต้องเจอกับอะไรต่อมิอะไรที่มีแต่ “แพง...แสน...แพง” ชนิดหูฉี่ หูลี่ ยิ่งเข้าไปทุกที แถมบางสิ่ง บางอย่าง ยังชักเริ่มออกไปทาง “ขาดแคลน” ไม่อาจหาซื้อ หาได้ อีกซะด้วยต่างหาก...
คือด้วยเหตุที่อาจไล่มาตั้งแต่การแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ลากยาวมาเป็นปีๆ ระดับ 2-3 ปีเข้าไปแล้ว แล้วดันมาเจอกับ “วิกฤตยูเครน” เข้าไปอีกดอก การรวมหัว รวมพลัง ของบรรดาประเทศอียู ภายใต้การยุแยงตะแคงรั่ว ของคุณพ่ออเมริกา ด้วยการ “แซงชั่นรัสเซีย” แบบชนิดสุดโหด มหาโหด มาถึง ณ บัดนี้...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า กลับส่งผลให้บรรดาชาวยุโรป ตลอดไปจนบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย เริ่มอ้วกแตก อ้วกแตน รากเขียว รากเหลือง กันไปเป็นรายๆ อันเนื่องมาจาก “ผลย้อนกลับ” ชนิดไม่ต่างอะไรไปจาก “บูมเมอแรง” วกมาเล่นงานพวกฝรั่งทั้งหลายอย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการ จนมีสิทธิฉิบหายวายวอดก่อนฝ่ายตรงข้ามอย่างหมีขาวรัสเซียเอาเลยก็ไม่แน่!!!
อย่าง “ผู้ดีอังกฤษ” ในทุกวันนี้...จากตัวเลขเงินเฟ้อช่วงล่าสุดที่ปาเข้าไปถึง 9 เปอร์เซ็นต์ หรือสูงสุดในรอบ 40 ปี ตามข้อมูลสถิติของ “UK’s Office for National Statistic” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่ากันว่า...ส่งผลให้บรรดาชาวอังกฤษถึงประมาณ 1 ใน 4 ของผู้คนทั้งประเทศ ต้องตัดสินใจ “เลิกกินเนื้อ” เพื่อหาทางประหยัดเงินเอาไว้ในช่วง “วิกฤตค่าครองชีพ” เอาเลยถึงขั้นนั้น นี่...ถ้าว่ากันตามผลสำรวจวิจัยของสำนักข่าว “CNBC” เมื่อช่วงวัน-สองวันมานี้ หรือต้องหันไปกินขนมปังแกล้มกับ “น้ำล้างหัวล้าน” หรือซุปใส ซุปข้น กันไปตามสภาพ ชนิดที่ทำให้สีสันบรรยากาศ ท่ามกลางสภาพเช่นนี้ น่าจะเป็นอะไรที่เจ็บปวดรวดร้าวทรมานกันไปมิใช่น้อย ถึงขั้นที่ผู้ว่าการธนาคารอังกฤษ หรือ “Bank of England” อย่าง “นายAndrew Bailey” ต้องออกมาเปรียบเปรยอุปมา-อุปไมย ว่าพอๆ กับบรรยากาศ “วันสิ้นโลก” หรือ “Apocaliptic” เอาเลยถึงขั้นนั้น แถมยังควัก “ธง” ออกมาฟันแบบมิดผืน มิดด้าม ว่าราคาข้าว-ของที่กำลังแพงขึ้นๆ ยิ่งเข้าไปทุกที อาจส่งผลให้ “เศรษฐกิจอังกฤษ” ถึงขั้นต้อง “ถดถอย” ภายในสิ้นปีนี้ ไม่งั้น...ก็อาจต้องหันไปทำตามข้อเสนอของหอการค้าอังกฤษ หรือ “British Chambers of Commerce” ที่เสนอให้รัฐบาลอังกฤษเลิกคิดเก็บ “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” อีกต่อไป...
และก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะอังกฤษ...ผู้เป็นตัวตั้งตัวตีในการต่อต้านรัสเซียร่วมกับคุณพ่ออเมริกาแบบสุดฤทธิ์ สุดหลอด บรรดาประเทศยุโรปโดยถ้วนหน้า ต่างหนีไม่พ้นต้องเจอกับภาวะเงินเฟ้อ ข้าว-ของแพงแสนแพง อย่างเสมอหน้าไปด้วยกันทั้งหมดดังที่เคยนำเอาตัวเลขเงินเฟ้อของแต่ละประเทศมาแจกแจงกันไปมั่งแล้ว อย่างบัลแกเรียนั้นเฟ้อไปแล้วถึง 10.5 เปอร์เซ็นต์ สโลวาเกียเฟ้อไป 10.9 เปอร์เซ็นต์ เนเธอร์แลนด์ 11.2 เปอร์เซ็นต์ สาธารณรัฐเช็ก 11.9 ลัตเวีย 13.2 ลิทัวเนีย 16.6 ขณะที่เอสโตเนีย ปาเข้าไปถึง 19 เปอร์เซ็นต์ ส่วนโปแลนด์ที่กำลังทำท่าคิดผนวกดินแดนบางส่วนของยูเครนให้กลายเป็นเนื้อเดียวกันกับแนวรบในการต่อต้านรัสเซีย หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่ ก็เฟ้อไปแล้วถึง 12.3 เปอร์เซ็นต์ ชนิดที่ทำให้ผลสำรวจวิจัยโดย “ARC Rynek i Opinia” ช่วงล่าสุด ถึงกับระบุว่า 36 เปอร์เซ็นต์ของบรรดาชาวโปลทั้งหลาย ถึงกับต้องเลิกเข้าร้านอาหาร ภัตตาคาร เลิกขับรถเที่ยวโน่น เที่ยวนี่ อีกต่อไปโดยเด็ดขาด เพราะต้องหาทางประหยัดเงินเอาไว้สำหรับค่าเช่าบ้านที่เขยิบเพิ่มไปถึง 17 เปอร์เซ็นต์ ค่าอาหารที่พุ่งขึ้นไป 13.2 เปอร์เซ็นต์ ค่าขนส่งเดินทางที่ขึ้นไป 21 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ
แบบเดียวกับฝรั่งชาวกรีซ...ที่เริ่มหันมาประท้วง หันมาเล่นงานรัฐบาลตัวเองกันมั่งแล้ว เมื่อต้องเจอกับราคาแก๊สที่เพิ่มขึ้นไปถึง 122.6 เปอร์เซ็นต์ น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 65.1 เปอร์เซ็นต์ ขนมปัง 88.8 เปอร์เซ็นต์ ผัก 13.8 เปอร์เซ็นต์ ผลไม้ 7.1 เปอร์เซ็นต์ ไข่และอาหารเช้าเพิ่มไป 11.7 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ การปิดบ้าน ปิดเมือง ปิดถนนของพวกเกษตรกรที่เรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาปุ๋ยราคาถูก และลดราคาสินค้าให้ถูกลงไปกว่านั้น ไม่งั้น...ก็น่าจะเลิก “ตามก้นอเมริกัน” ด้วยการแซงชั่นรัสเซียอันมีผลให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังพินาศฉิบหายมาโดยตลอด เพราะแม้แต่ประเทศเสาหลักทางเศรษฐกิจในยุโรปทั้งหลาย ไม่ว่าฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน ฯลฯ ต่างก็ฉิบหายวายวอด ไม่น้อยไปกว่ากันและกัน อันเนื่องมาจากรัฐบาลของแต่ละประเทศ ต่างก้าวเดินไปตามแนวนโยบายที่ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ท่านใช้คำเรียกขานว่า “นโยบายอัตวินิบาตกรรม” อะไรทำนองนั้น ไม่ว่าการคิดแซงชั่นน้ำมันและแก๊สรัสเซียแบบชนิดเอาเป็น-เอาตาย เลยส่งผลให้ราคาพลังงานมีแต่สูงขึ้นๆ และกลายเป็นตัวเร่งสปีดภาวะเงินเฟ้อ ให้ยิ่งเฟ้อ...กับ...เฟ้อ หนักขึ้นไปใหญ่...
ส่วนนักยุแยงตะแคงรั่ว หรือประธานสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์ อย่างคุณพ่ออเมริกันนั้น...ก็แทบไม่ต้องพูดถึง มีแต่บรรดาพวก “พ่อค้าอาวุธ” เท่านั้นเอง ที่รวยเอา-รวยเอา ขณะที่เศรษฐกิจอเมริกามีแต่ปักหัวดิ่ง เพราะภาวะเงินเฟ้อที่แก้ยังไงก็แก้แทบไม่ได้ แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสักกี่ครั้ง กี่หน มาแล้วก็ตาม หรือถึงกับส่งผลให้บรรดาอเมริกันชนประเภท “ไม่เอา-ไบเดน” มีปริมาณมากมายมหาศาลกว่าประเภท “ไม่เอา-บิ๊กตู่” ในบ้านเราอย่างเห็นได้โดยชัดเจน หรืออย่างที่สำนักข่าว “NBC News” เขาเพิ่งไปสำรวจตรวจสอบ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาฯ ที่ผ่านมานี้นั่นแหละว่า จำนวนปริมาณผู้ที่ “ไม่เอา-ไบเดน” ในอเมริกาขณะนี้ ปาเข้าไปถึง 56 เปอร์เซ็นต์ หรือเกินกว่าครึ่งของบรรดามวลอเมริกันชนทั้งหลาย มีแค่ 39 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ที่ยังยอมกล้ำกลืนฝืนทน ยอมซึมๆ เซาๆ กันไปตามสภาพ...
แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าเพียงแค่ “แพง...แสน...แพง” สำหรับบรรดาประเทศรวยๆอย่างยุโรป-อเมริกา คงไม่ถึงกับหนักอก-หนักใจมากมายสักเท่าไหร่ เพราะถ้าลองมี “เงิน” ซะอย่าง ก็น่าจะพอทู่ซี้ต่อไปได้เรื่อยๆ แต่ถ้าลองต้อง “ขาดแคลน” ขึ้นมานี่สิ!!! หรือไม่ว่าจะมีเงินมาก-น้อยขนาดไหน ก็ยากที่จะหาซื้อ หาได้ กันได้ง่ายๆ ซึ่งคงไม่ใช่เพียงแค่ “น้ำมัน” และ “แก๊ส” ของรัสเซียเท่านั้น แต่กระทั่ง “ขนมปัง” หรืออะไรต่อมิอะไรที่เอามาทำขนมปัง อาหารหลักของบรรดาพวกฝรั่งทั้งหลาย มาถึง ณ ขณะนี้มันชักจะหาไม่ง่าย หรือหายาก หาเย็น ยิ่งเข้าไปทุกที อันเนื่องมาจากไม่เพียงแต่การ “แซงชั่นรัสเซีย” ที่ทำให้ต้องเลิกซื้อข้าวชนิดต่างๆ ไม่ว่าข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี จากรัสเซีย แต่การ “ยุ” ให้ยูเครนหันไปทำศึกกับรัสเซียแบบไม่คิดจะเลิก ไม่คิดหันมาสู่โต๊ะเจรจาใดๆ อีกเลย มันเลยทำให้ประเทศยูเครนที่เคยได้ชื่อว่า “ตะกร้าขนมปังของยุโรป” (Breadbasket of Europe) เลยพลอยไม่อาจ “ส่งออก” ข้าวหรือแป้งชนิดต่างๆ ที่เคยป้อนเข้าสู่ตลาดยุโรปไม่น้อยกว่า 14 เปอร์เซ็นต์ ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ หรือต้องถูกเก็บกักเอาไว้ในโกดังนับเป็นล้านๆ ตัน อันเนื่องมาจาก “เมืองท่า” ที่เคยเป็นช่องทางส่งออกทั้งหลาย ถูกกองทัพรัสเซียยึดซะเกลี้ยงไปหมดแล้ว!!!
อันนี้นี่เอง...เลยทำให้บรรดาประเทศยุโรปทั้งหลาย เลยต้องเร่งคิดจะเปิดปฏิบัติการที่เรียกว่า “Free Ukraine Wheat” หรือต้องเร่งหาช่องทาง แนวทาง ที่จะนำข้าวสาลีจากยูเครน เล็ดรอดออกมาทางถนน ทางรถไฟ เพื่อส่งต่อมายังประเทศยุโรปในแต่ละประเทศให้จงได้ ดังที่หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศอียู “นายJoseph Borrell” หรือรัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา “นางMelanie Joly” ออกมาแสดงอาการหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ทำนองนี้ โดยอ้างเงื่อนไขและเหตุผลไว้ซะสวยหรู ว่าเพื่อช่วยไม่ให้เกิด “วิกฤตอาหารโลก” ไปโน่นเลย ทั้งๆ ที่เอาเข้าจริงๆ แล้ว...ก็เพื่อไม่ให้บรรดาพวกฝรั่งทั้งหลายต้องอดตาย หรือไม่มีขนมปังเอาไว้รับประแ-กนั่นเอง การ “ยุ” ให้ประเทศยูเครนฮึดสู้กับรัสเซียชนิดให้ตายไปข้าง โดยไม่ต้องเสียเวลาเจรจาใดๆ ต่อไปอีกแล้ว ด้วยการ “ส่งอาวุธ” แต่ละชนิดเข้าไปสนับสนุนการสู้รบอย่างไม่คิดจะลด-ละ-เลิก ในขณะเดียวกันก็หาทาง “ขนอาหาร” ออกมาจากยูเครน เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องอดตาย หรือเพื่อให้ตัวเองพอมีขนมปังกินในตอนเช้าๆ...
ด้วยเหตุนี้นี่เอง...เลยทำให้สื่อทางการของจีน อย่าง “Global Times” เขาถึงกับอดรนทนไม่ได้ ต้องหันไปร่ายเรียงข้อเขียนบทความเรื่อง “Weapons in, wheat out- hypocrisy of some western countries further expose in Ukraine crisis” เอาไว้เมื่อวันจันทร์ (16 พ.ค.) ที่ผ่านมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมือถือสาก-ปากถือศีล ของบรรดาประเทศยุโรปบางประเทศ คือแทนที่จะเกลี้ยกล่อม โน้มน้าว ให้ยูเครนหันไปเจรจากับรัสเซียให้จบๆ เรื่องไปโดยเร็ว เพื่อให้เกิดสันติภาพ เกิดการหวนกลับคืนสู่บรรยากาศโดยปกติ แต่กลับหันไปส่งอาวุธให้ยูเครนให้รบกับรัสเซียให้ตายไปข้าง พร้อมกับพยายามขนข้าวสาลีออกจากยูเครน เพื่อเอามารับประแ-ก รับประทาน เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องตายไปด้วย...นั่นแล...