ถึงขั้นต้องลงทุนป่าวประกาศใน “แถลงการณ์ร่วม” จะไม่ยอมปล่อยให้รัสเซียชนะศึกยูเครนโดยเด็ดขาด!!! เอาเลยถึงขั้นนั้นสำหรับบรรดาประเทศรวยๆ หรือเคยรวย อย่างกลุ่มประเทศ “G-7” อันประกอบไปด้วยคุณพ่ออเมริกา อียู และอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี แคนาดา และญี่ปุ่น ที่ได้สุมหัวรวมตัวประชุมเจรจา ปรึกษาหารือระหว่างกันและกันไปเมื่อช่วงวันอาทิตย์ (8 พ.ค.) ที่ผ่านมา...
แต่การหาทางทำให้รัสเซียไม่ชนะ หรือกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แบบรูดมหาราช เศรษฐกิจยับเยิน กองทัพหมีขาวรบไม่ไหวอีกต่อไป ระบอบปกครองของ “ปูติน” พังพินาศ ล่มสลาย ตามที่คุณพ่ออเมริกาและบรรดาพันธมิตรตะวันตกต้องการที่จะให้เป็นไปเช่นนั้น ชนิดถึงขั้นออกลักษณะอาการปานประดุจหวังจะลบประเทศรัสเซียออกจากแผนที่โลก ลบประวัติศาสตร์รัสเซียออกจากประวัติศาสตร์โลก เอาเลยก็ว่าได้ มันคงไม่ถึงกับ...ง่าย!!! แบบปอกกล้วยเข้าปากสักเท่าไหร่ แม้จะงัดมาตรการ “แซงชั่น” แบบชนิดสุดโหด มหาโหด ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ ส่งเงินช่วยเหลือให้กับ “วีรบุรุษ” ของโลกตะวันตก อย่างประธานาธิบดี “โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้” แห่งยูเครน ที่ออกปากขอเงินช่วยเหลือไม่ต่ำกว่าเดือนละ 7,000 ล้านดอลลาร์เป็นอย่างน้อย แต่แนวโน้มที่จะทำให้หมีขาวรัสเซียม่อยกระรอกตามความปรารถนาและต้องการ ไม่เพียงแต่ยากแสนยาก แต่ยังอาจส่งผลให้ “ความรวย” ของบรรดาประเทศ “G-7” เหลืออยู่แค่ “มะเขือ” เอาเลยก็ไม่แน่!!!
โดยเฉพาะความพยายามที่จะหั่นแขน หั่นขา หั่นรายได้จากการค้าขายสินค้าสำคัญๆ อย่างน้ำมัน แก๊ส ถ่านหิน ฯลฯ เพื่อไม่ให้เหลือเงิน เหลือทอง พอที่จะเอามาใช้จ่าย มาทำศึกสงครามกับใครต่อใครได้อีก หรือความพยายามที่จะเลิกใช้พลังงานจากรัสเซีย ไม่คิดพึ่งพาพลังงานจากประเทศนี้อีกต่อไป ที่เห็นว่าจะประชุมขั้นสุดท้ายอีกรอบในอาทิตย์หน้า โดยหวังจะให้บรรดาประเทศอียู อีย้วย ทั้งหลาย เลิกใช้พลังงานจากรัสเซียให้ได้โดยเด็ดขาดภายในสิ้นปีนี้ แม้ว่าบางประเทศอย่างเช่น ฮังการี สโลวาเกีย สาธารณรัฐเช็ก ฯลฯ ไม่คิดจะยอม “ด้วน” หรือไม่เห็นควรด้วยก็ตาม แต่ความพยายามดิ้นไป-ดิ้นมา งอๆ แงๆ ด้วยการหันไปหาทางออกอื่นๆ เช่น หันไปซื้อแก๊ส ซื้อพลังงานจากอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง ฯลฯ มาทดแทนพลังงานที่ขาดหายไป จนการ “แอบซื้อ” พลังงานรัสเซีย ผ่านประเทศ “ตัวกลาง” ฯลฯ เลยทำให้เกิดลักษณะอาการแบบเด็กที่อยากได้ของเล่น หรือเด็กที่ถูกตามใจซะจนเคย และด้วย “การหาทางออกที่ยังไม่ชัดเจน” เช่นนี้นี่เอง เลยกลับทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลก พุ่งพรวดๆ พราดๆ ไปถึง 114 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อช่วงวันศุกร์ (6 พ.ค.) ที่ผ่านมา...
เพราะถ้าว่ากันโดยข้อมูล โดยตัวเลขสถิติ หรือโดย “ข้อเท็จจริง” ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อไม่กี่ปีนี่เอง (ค.ศ. 2020) การบริโภคน้ำมันของบรรดาประเทศยุโรปทั้งหลาย มาจากรัสเซียถึง 29 เปอร์เซ็นต์ มาจากอเมริกาแค่ 9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง จากนอร์เวย์แค่ 8 เปอร์เซ็นต์ จากซาอุดีอาระเบียรวมทั้งอังกฤษอีกเพียง 7 เปอร์เซ็นต์ และจากประเทศเอเชียกลางอย่างคาชัคสถานหรือแอฟริกาอย่างไนจีเรีย ประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น การคิดจะ “ตัดขาด” น้ำมันจากรัสเซียแล้วไปหาซื้อที่อื่น มันเลยออกจะหายากหาเย็น พอๆ กับหาหนวดเต่า-เขากระต่าย อะไรประมาณนั้น หรืออย่างที่ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ผู้อำนวยการ “IEA” (International Energy Agency) “นายฟาติห์ บิรอล” (Fatih Birol) ท่านออกมากล่าวเตือนซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ไปเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมานั่นแหละว่า การคิดจะปฏิเสธพลังงานจากประเทศที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันและแก๊สอันดับหนึ่งของโลกอย่างรัสเซีย นอกจากเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้แล้ว ยังอาจส่งผลให้โลกทั้งโลกเคลื่อนเข้าสู่ภาวะ “วิกฤตพลังงาน” อันมีแต่จะก่อให้เกิดความเดือดร้อนกันไปทั่วทั้งโลก...
และผู้ที่เดือดร้อนแบบหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...ก็คงหนีไม่พ้นไปจากบรรดาประเทศรวยๆ อย่างอียู-อีย้วยทั้งหลายนั่นเอง อย่างเช่น ประเทศเยอรมนี หนึ่งในกลุ่มประเทศ “G-7” และเสาหลักของอียู ที่หัวหน้าคณะผู้บริหาร “Commerzbank” อย่าง “นายManfred Knof” ถึงกับต้องออกมาโหยหวนครวญครางกับหนังสือพิมพ์ “Handelsblatt Daily” ไปเมื่อช่วงวันจันทร์ (9 พ.ค.) ที่ผ่านมาประมาณว่า “ถ้าหากเราไม่หลอกตัวเอง เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า...ภาวะล้มละลาย!!!...ในตลาดกำลังเพิ่มขึ้นๆ อันเนื่องมาจากปัญหาการจัดหาพลังงานในเยอรมนีกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง ขณะที่ธุรกิจห่วงโซ่อุปทานขาดสะบั้นไปพร้อมๆ กับภาวะเงินเฟ้อที่มีแต่สูงยิ่งเข้าไปทุกที จนทำให้ความเสี่ยงแห่งการล้มละลายลุกลามไปถึงแม้แต่ระบบธนาคารอีกด้วย...” ส่วนบรรดาประเทศจนๆ ทั้งหลาย ที่เคยพึ่งพาข้าว-ปลา-อาหาร ปุ๋ยเคมี ฯลฯ จากประเทศรัสเซียก็เลยพลอยต้อง “ซวย” ไปด้วย หรือต้องเจอกับภาวะที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนี “Svenja Schulze” สรุปเอาไว้ประมาณว่า “โลกกำลังเข้าสู่ภาวะอดอยาก...อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา...”
ขณะที่ประเทศรัสเซียที่ตกเป็นเป้าหมายในการเอาแพ้-เอาชนะของพวก “G-7” ให้จงได้...แม้ว่าต้องเจอกับมาตรการแซงชั่นไปแล้วถึงกว่า 5,000 รายการ และกำลังจะตามมาด้วยของแถมอีกไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยรายการ อีกไม่ช้า-ไม่นานนับจากนี้ แต่จะด้วยความที่ไม่ถึงกับเป็นเด็กอยากได้ของเล่น ไม่ได้ถูกตามใจซะจนเคย เหมือนบรรดาประเทศรวยๆ ทั้งหลาย หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่ การหาทางออก ทางไป ของประเทศรัสเซีย มันเลยปรากฏให้เห็นค่อนข้างจะชัดเจน โดยเห็นได้จากตัวเลข สถิติ การค้า-การขาย ระหว่าง 2 ประเทศหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ หรือ 2 มหาอำนาจคู่แข่งของคุณพ่ออเมริกา นั่นก็คือตัวเลขการค้า-การขายระหว่างจีนกับรัสเซีย ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ ที่พุ่งขึ้นไปถึง 51,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 343,870 ล้านหยวน สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วไปถึง 25.9 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
โดยถ้าว่ากันตามตัวเลขของหน่วยงานเศรษฐกิจทางการจีน ขณะที่การ “ส่งออก” สินค้าจีนไปยังรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์สมาร์ตโฟน เครื่องมืออุปกรณ์อุตสาหกรรม ของเล่น ยานพาหนะ เครื่องปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ โตขึ้นไปถึง 11.3 เปอร์เซ็นต์ แต่สินค้าที่จีน “นำเข้า” จากรัสเซียที่โตขึ้นไปถึง 37.8 เปอร์เซ็นต์ นอกเหนือไปจากแร่ธาตุ ทองแดง ไม้ อาหารทะเล ฯลฯ ยังประกอบไปด้วยน้ำมัน แก๊สและถ่านหินจำนวนถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของสินค้านำเข้าทั้งมวล หรือเท่ากับเป็นการระบายสินค้าพลังงานรัสเซียที่พวก “G-7” พวกอียูไม่คิดจะซื้อ มายังประเทศหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างจีนแบบชนิด “Back-to-Back” ไม่ใช่แค่ “Side-by-Side” อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการนั่นเอง!!!
และไม่ใช่แค่ผู้บริโภคพลังงานอันดับ 1 ของโลก อย่างคุณพี่จีนเท่านั้น ที่หันไปกว้านซื้อพลังงานจากรัสเซียอย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ แต่ผู้บริโภคพลังงานเป็นอันดับ 3 ของโลก อย่างคุณปู่อินตะระเดีย ถ้าว่ากันตาม “ข่าวล่า-มาเรือ” จากบริษัทน้ำมัน “Rosneft” ของรัสเซีย บริษัทได้จัดส่งน้ำมันอูราลของรัสเซียไปให้กับอินเดียไปแล้วถึง 700,000 ตัน และถ้าเป็นไปตามข้อตกลงที่ “IOC” (India Oil Corp) ได้ทำไว้กับบริษัท “Rosneft” ครั้งล่าสุด ฝ่ายรัสเซียจะต้องจัดส่งน้ำมันอูราลให้กับอินเดียภายในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านตันเป็นอย่างน้อย ด้วยเหตุนี้...น้ำมันรัสเซีย หรือแก๊สรัสเซีย ที่บรรดาประเทศยุโรปไม่คิดจะซื้อ เลยยังสามารถขายออกและขายได้ แบบชนิดสบายบรื๋อ สะดือโบ๋ อยู่อีกนั่นเอง...
เพราะแม้แต่ประเทศเล็กๆ ที่บริโภคพลังงานไม่ถึงกับมากมายสักเท่าไหร่ อย่างคุณน้องลาว เพื่อนบ้านใกล้ชิดติดพันกับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา...เห็นว่ารัฐมนตรีสำนักนายกฯ ลาว ท่าน “อาลุนไซ สูนนะลาด” ท่านได้ออกมาประกาศแบบเสียงดัง-ฟังชัด ว่านอกจากลาวจะได้จัดตั้ง “บริษัทแห่งชาติ” เพื่อจัดหาพลังงานซึ่งกำลังขาดแคลนและมีราคาแพงยิ่งเข้าไปทุกที ลาวยังได้ติดต่อเจรจา เพื่อขอซื้อ “น้ำมันราคาย่อมเยา” จากรัสเซีย มาใช้แก้ปัญหาภายในประเทศอีกซะด้วย ดังนั้น...โดยสรุปรวมความแล้ว ภายใต้สภาพเช่นนี้ ใครแพ้-ใครชนะ ใครจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ-เสียเปรียบ ระหว่างกันและกัน อันนี้คงต้องเก็บไปนอนคิด นั่งคิด กันเอาเองก็แล้วกัน...