xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อยุโรปยังไม่“สร่างเมา”จากเหล้าอเมริกัน!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Dmitry Peskov โฆษกทำเนียบเครมลิน
ด้วยเหตุเพราะต้องไป “ฉีดวัคซีน” เข็ม 3 เลยต้องหายหน้า-หายตาไป 1 วัน...แต่ครั้นเมื่อต้องกลับมาติดตามความเป็นไปของโลกกันอีกเที่ยว คงต้องสรุปว่า...ระหว่างนี้ คงไม่มีอะไรที่จะดุเดือดเลือดพล่าน ไปกว่าความเคลื่อนไหวอันเนื่องมาจาก “วิกฤตยูเครน” ที่ยังหามุมจบ หาทางลงยังไม่เจอ นั่นแหละทั่น!!!

อย่างไรก็ตาม...สำหรับการรบไป-เจรจาไประหว่างยูเครนกับรัสเซีย จะคืบหน้าไปในแนวไหน แบบไหน อันนั้น...คงไม่น่าจะถือเป็น “แก่นสาระ” สำหรับความเป็นไปของโลกมากมายสักเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่ถือเป็น “ไฮไลต์” หรือสิ่งที่คงต้องจับตาอย่างมิอาจกะพริบตา น่าจะอยู่ที่ “สงครามเศรษฐกิจ” หรือ “สงครามลูกผสมแบบเบ็ดเสร็จ” ระหว่างรัสเซียกับคุณพ่ออเมริกาและพวกอียู-อีย้วยนั่นแหล่ะเป็นหลัก ที่อาจถือเป็นดัชนีชี้วัด เป็นตัววัดตัดสิน ว่าใครจะ “เจ๊ง” ใครจะ “พังพินาศฉิบหาย” ไปก่อนกันและกัน...

และโดยที่ “ค่าเงินรูเบิล” ของรัสเซีย...ซึ่งเคยร่วงผลอยๆ ตกจากหอ คอย่น โดยฉับพลันทันที เมื่อต้องเจอกับมาตรการแซงชั่นแบบสุดโหด มหาโหด ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตกลงมาเหลือ 140-150 รูเบิลต่อ 1 ดอลลาร์ หลังการบุกยูเครนเป็นต้นมา กลับสามารถ “เด้ง” พรวดๆ พราดๆ กลับมาอยู่ที่ประมาณ 80-90 รูเบิลต่อดอลลาร์และยูโร ได้แบบชนิดไม่น่าเชื่อก็คงต้องเชื่ออย่างมิอาจปฏิเสธได้ ย่อมต้องถือเป็น “ดัชนีชี้วัด” ได้พอสมควร ว่า “สงครามเศรษฐกิจ” ระหว่างรัสเซียและโลกตะวันตกนั้น ฝ่ายใดเป็นฝ่ายได้เปรียบ-เสียเปรียบ ใครจะเจ๊ง จะพังพินาศฉิบหายก่อนกัน เพราะขณะที่ปรากฏข่าวคราวว่าบริษัท “Gazprom” ของรัสเซีย ได้เพิ่มปริมาณการส่งแก๊สผ่านทางท่อขนส่งไซบีเรียความยาว 3,000 กิโลเมตรให้กับคุณพี่จีน ตามข้อตกลง 30 ปี โดยสามารถเพิ่มการส่งแก๊สให้กับจีนได้ถึง 61 ล้านคิวบิกเมตรต่อปี อันถือเป็นการเบี่ยงเบนตัวเองไปจากตลาดยุโรป ที่เคยพึ่งพาแก๊สรัสเซียถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณความต้องการทั้งมวล รวมทั้งยังเพิ่มปริมาณการส่งแก๊ส-ส่งน้ำมันให้กับผู้บริโภคพลังงานอันดับ 3 ของโลก อย่างคุณปู่อินตะระเดีย ในราคาถูกแสนถูกและแบบแลกเปลี่ยนกันด้วยเงินรูปีและเงินรูเบิลซะอีกด้วยต่างหาก ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้...ย่อมถือเป็นภาพสะท้อนว่าโดยลักษณะอาการของหมีขาวรัสเซีย คงไม่ได้ถึงกับอ้วกแตก อ้วกแตน มากมายสักเท่าไหร่นัก...

ตรงกันข้าม...กับคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรยุโรป ที่นับวันยิ่งออกอาการรากเขียว รากเหลือง หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะด้วยภาวะ “ขาดแคลนพลังงาน” ที่เป็นตัวกระตุ้น “ภาวะเงินเฟ้อ” ได้เป็นอย่างดี เมื่อบวกกับภาวะขาดแคลนห่วงโซ่อุปทาน ไปจนถึงขาดแคลนวัตถุดิบต่างๆ นานา ฯลฯ สิ่งที่คุณพ่ออเมริกาต้องเจออยู่ ณ ขณะนี้ ก็คือ “ตัวเลขเงินเฟ้อ” ที่พุ่งทะลุเพดาน ทะลุหลังคาขึ้นไปถึง 7.9 เปอร์เซ็นต์เข้าไปแล้ว ขณะที่ “สุนัขพูเดิล” อย่างอังกฤษ เฟ้อไปถึง 6.2 เปอร์เซ็นต์ หรือสูงสุดในรอบ 30 ปี ไม่ต่างไปจากเสาหลักของอียูอย่างเยอรมนี ที่เฟ้อไปแล้วถึง 7.3 เปอร์เซ็นต์ ถ้าว่ากันตามตัวเลขสถิติของ “Destatis” (German Federal Statistics) เมื่อช่วงวันพุธ (30 มี.ค.) ที่ผ่านมานี่เอง ชนิดถึงขั้นที่ผู้นำอเมริกาอย่าง “ผู้เฒ่าโจ ซึมเซา” ต้องพยายามหาทางออก ทางไป ด้วยการไปควักเอา “น้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์” หรือ “SPR” (United States Strategic Petroleum Reserve) ออกมาเทขายในท้องตลาด เพื่อหวังว่าจะช่วยพยุงราคาและรักษาระดับราคาพลังงาน ไม่ให้พุ่งทะลุฟ้า ทะลุโลก ยิ่งไปกว่านี้ ถึงวันละประมาณ 1 ล้านบาร์เรล ภายในช่วงเวลาอีก 6 เดือนนับจากนี้...

แต่ก็นั่นแหละ...อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานโดยส่วนใหญ่ ไม่ว่าศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และพลังจาก “ESCP” อย่าง “Dr.Mandouh G. Salameh” หรือนักวิชาการด้านพลังงานจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด “Justin Dargin” เขาได้ออกมาให้ความคิด ความเห็น เอาไว้ประมาณว่า โดยจุดมุ่งหมาย วัตถุประสงค์ของบรรดา “น้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์” เหล่านี้ มันมีเอาไว้เพื่อช่วยบรรเทา “ความขาดแคลน” แค่ชั่วครั้ง-ชั่วคราว แต่โอกาสที่จะนำมันมาใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุม “ระดับราคา” ไม่ให้ทะลุฟ้า ทะลุดิน หรือไม่ให้กลายเป็นตัวเร่ง ตัดอัดฉีด “ภาวะเงินเฟ้อ” ให้ทะลุอวกาศไปโน่นเลย ไม่เพียงแต่เป็นอะไรที่ขัดกับวัตถุประสงค์ จุดมุ่งหมายแล้ว มันยังช่วยอะไรแทบไม่ได้ หรือยังทำให้แนวโน้มแห่งความเจ๊งความฉิบหายของระบบเศรษฐกิจอเมริกาและยุโรป ย่อมปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที...

เยอรมนีนั้น...ถึงขั้นที่ประธานสหภาพอุตสาหกรรม “BDI” อย่าง “นายSiegfried Russwurm” ถึงกับออกมาสารภาพว่าปัญหาการขาดแคลนพลังงานอันเนื่องมาจากการแซงชั่นรัสเซียนั้น อาจส่งผลให้ระบบอุตสาหกรรมเยอรมนีทั้งมวลถึงขั้น “ล่มสลาย” เอาง่ายๆ อัตราการว่างงานจะแผ่กระจายลุกลามไปทั่วประเทศ จนถึงขั้นเศรษฐกิจเยอรมนีอาจ “ถดถอย” ในระยะยาวอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย ไม่ต่างไปจากประเทศยุโรปอีกหลายต่อหลายประเทศ ที่บรรดาผู้คนในแต่ละประเทศชักไม่เอาด้วย หรือไม่เห็นควรด้วย การแห่ออกมาประท้วงในฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี หรือแม้แต่อังกฤษเมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความปั่นป่วนวุ่นวาย ภายในประเทศ ที่ออกจะหนักหนา-สาหัสไปด้วยกันทั้งสิ้น เช่นเดียวกับบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เชื่อมั่น ไม่พึงพอใจ ผ่านโพลสำรวจคราวแล้ว คราวเล่า ถึงความตกต่ำของคะแนนนิยมพรรครัฐบาลอย่างเดโมแครต ชนิดอาจส่งผลให้ “การเลือกตั้งกลางเทอม” ในอีกไม่นานนับจากนี้ พรรครัฐบาลอาจต้องสูญเสีย “เสียงข้างมาก” ทั้งในสภาล่างและสภาสูง อันจะทำให้มาตรการและแนวนโยบายต่างๆ ที่พยายามประดิษฐ์คิดค้น เพื่อ “Build-Back-Better” หรือเพื่อให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่ให้จงได้ ย่อมมีสิทธิ์ “ล้มเหลว” ชนิดเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก ได้สูงเอามากๆ...

แม้ฝรั่งยุโรปอียู อีย้วยบางราย จะพยายามรวมมือ รวมตีน รุมเหยียบ รุมกระทืบหมีขาวรัสเซีย แบบกะจะให้ “ตายคาตีน” ให้จงได้ โดยเฉพาะความพยายามที่จะกดดัน “พันธมิตรทางยุทธศาสตร์” ของรัสเซียอย่างคุณพี่จีน แบบคราวแล้ว-คราวเล่า แต่เท่าที่ดูจากช่วงล่าสุด ระหว่างการพบปะทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ของผู้นำจีนประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” และผู้นำอียู อย่าง “คุณป้ามหาภัย” “นางUrsula von der Leyen” ประธานบริหารสหภาพยุโรป และ “นายCharles Michel” ประธานสภายุโรป ไม่ว่าจะฝรั่งอียู อีย้วย จะพยายามชี้ให้ฝ่ายจีนเห็นถึงความเสียหายด้านชื่อเสียง หรือผลกระทบในทางเศรษฐกิจเพียงใดก็ตาม ไม่เพียงแต่ไม่ได้ทำให้คุณพี่จีนเกิดอาการเออออห่อหมกตามไปด้วย แต่ยังกลับหันมาชักชวนอียูให้ร่วมมือกับจีนในการแก้ปัญหา “วิกฤตยูเครน” ตามแนวทางที่เป็น “อิสระ” ของจีน ที่หวังจะให้เกิดสันติภาพ การเคารพบูรณภาพและอธิปไตยของแต่ละประเทศอย่างเป็นจริง-เป็นจัง ด้วยการ “พูดคุยและเจรจา” ไม่ใช่ด้วยการ “แซงชั่น” ที่ไม่เพียงแต่ไม่ได้ “แก้ปัญหา”แต่กำลัง “สร้างปัญหา” ให้กับโลกทั้งโลกเอาเลยก็ว่าได้...

หรือกำลังทำให้เกิดภาวะที่ผู้นำจีนต้องเอ่ยเตือนเอาไว้ในการประชุมดังกล่าวถึง “ความพังพินาศ” ของเศรษฐกิจโลกที่กำลังปรากฏให้เห็นรางๆ อยู่เบื้องหน้า ไม่ต่างอะไรไปจากคำเตือนของผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ที่ไม่ได้อาศัยเพียงแค่ “พลังงาน” ของรัสเซียมาเป็นตัวแก้หมากแก้เกมแต่เพียงเท่านั้น แต่ในฐานะประเทศที่เป็นผู้ผลิต “อาหาร” ส่งออกจำนวนมิใช่น้อย คำเตือนถึงภาวะ “วิกฤตอาหาร” ในระดับที่อาจก่อให้เกิด “วิกฤตผู้อพยพ” ทั้งในยุโรปและทั่วทั้งโลกขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ ต้องถือเป็นคำเตือนที่มิอาจ “ดูเบา” ได้เลย ด้วยเหตุเพราะรัฐบาลในโลกตะวันตกดันพร้อมที่จะจับประชาชนของตัวเอง ไปเป็นเครื่อง “บูชายัญ”ให้กับนโยบายทางการเมืองที่ผิดๆ พลาดๆ ที่พ้นยุค พ้นสมัย ไปนานแล้ว หรือนโยบายที่หวังจะครอบครองโลกทั้งโลกภายใต้ “ขั้วอำนาจเดียว” ต่อไปให้จงได้ ด้วยเหตุนี้...การคลี่คลายปัญหาให้กับโลกทั้งโลก รวมทั้งความพังพินาศฉิบหาย ในยุโรปควบคู่ไปด้วย จึงอาจต้องเริ่มต้นในแบบที่โฆษกเครมลิน “นายDmitry Peskov” ได้ออกมาสรุปเอาไว้แบบสั้นๆ-ง่ายๆ แต่ตรงเป้า ตรงประเด็น อย่างถึงที่สุดนั่นเอง นั่นก็คือ... “ยุโรปควรที่จะต้องสร่างเมาจากการดื่มเหล้าอเมริกันได้แล้ว!!!”




กำลังโหลดความคิดเห็น