วันนี้...คงต้องเปลี่ยนบรรยากาศ แวะไปดูแถวๆ “แนวรบทะเลจีนใต้” เอาไว้สักหน่อย เพราะในขณะที่คุณพ่ออเมริกาท่านคว้าม้า คว้าเรือ ออกมาโขกกลางกระดาน “หมากรุก” เพื่อหวังจะสร้างแรงกด แรงบีบ ให้กับพื้นที่พรมแดนของหมีขาวรัสเซียใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” หรือในกรณี “วิกฤตยูเครน” แบบชนิดหายใจ-หายคอแทบไม่ทัน พันธมิตรทางยุทธศาสตร์หรือหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่สุดจะเหนียวแน่น หนึบหนับ ของคุณน้ารัสเซียอย่างคุณพี่จีนที่เชี่ยวชาญในด้าน “หมากล้อม” อย่างเป็นพิเศษ ดูๆแล้วท่านคงไม่ได้คิดจะ “เอามือซุกหีบ” ไว้เฉยๆ!!!
ความเคลื่อนไหวของคุณพี่จีนในช่วงระยะนี้ จึงเป็นอะไรที่น่าสังเกต น่าคิดสะกิดใจเอามากๆ ไม่ว่ากรณีเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน “นายฉิน กัง” (Qin Gang) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุแห่งชาติอเมริกา (NPR) เมื่อช่วงวันศุกร์สัปดาห์ที่แล้ว (28 ม.ค.) อย่างชนิดไม่คิดจะยอม “งอ” อีกต่อไปแล้ว โดยเฉพาะถ้าหากอเมริกายังคงยุแยงตะแคงรั่ว หรือยังพยายามยั่วยวนกวนส้นตีนพญามังกรจีน ในกรณี “ไต้หวัน” ต่อไป โดยอาจพร้อมจะ “หัก” กับมหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกาได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุเพราะดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของจีนอย่างไต้หวันนั้น แทบไม่ต่างอะไรไปจาก “ไม้ขีดกล่องใหญ่” ดังนั้นถ้าคุณพ่ออเมริกายังไม่คิดจะลดราวาศอกในเรื่องนี้... “มีความเป็นไปได้ที่อเมริกาและจีนอาจต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางทหารอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้” นี่...อันนี้ถ้าว่ากันตามคำพูดแบบคำต่อคำของเอกอัครราชทูตรายนี้ ซึ่งต้องถือว่า...น้อยครั้ง หรือแทบไม่มีเลย ที่พญามังกรจีนจะแสดงอาการ “กร้าว” ต่อมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก อย่างชนิดตรงไป-ตรงมา...
และก็คงไม่ใช่แค่คำพูด-คำจา แค่เฉพาะ “สงครามปาก” แต่เพียงเฉยๆ เพราะเมื่อช่วงวันอาทิตย์-วันจันทร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (23-24 ม.ค.) เครื่องบินรบของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน หรือ “PLA” จำนวนถึง 39 ลำด้วยกัน โดยส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินโจมตี รุ่น J-10 และ J-16 ได้บินฉวัดเฉวียนล่วงละเมิดเข้าไปในเขตน่านฟ้าไต้หวัน หรือเขต “ADIZ” (Air defense identification zone) โดยไม่คิดจะแจ้งเตือนสำหรับการป้องกันทางทหารแบบเห็นๆ หรือถือเป็นการล่วงละเมิดน่านฟ้าของเกาะเล็กๆ แห่งนี้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่เคยเป็นมา โดยถ้าว่ากันตาม “เหตุผล” และ “ข้ออ้าง” ที่สื่อทางการของจีนอย่าง “Global Times” ได้ระบุไว้ในข้อเขียน บทความ เรื่อง “PLA warplane tie noose around neck of Taiwan secessionist” หรือเครื่องบินรบจีนกำลังกระชับบ่วงรัดรอบคอผู้คิดแบ่งแยกดินแดนแห่งเกาะไต้หวัน อะไรทำนองนั้น สิ่งที่เรียกว่า “น่านฟ้าไต้หวัน” หรือ “Taiwan airspace” นั้น คือสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง มีแต่เพียง “น่านฟ้าจีน” หรือ “China airspace” เท่านั้น การบินไป-บินมาในลักษณะทำนองนี้ จึงย่อมไม่ได้ถือเป็นการ “ล่วงละเมิด” ใดๆ แต่อย่างใด...
นี่...พูดง่ายๆ ว่า ฝ่ายพญามังกรจีน ท่านเริ่มจะพลิกเกม กำหนดเกม กลายเป็นฝ่ายหันมายั่วยวนกวนส้นตีนผู้ที่คิดจะแยกดินแดนไต้หวันกันแทนที่ซะยังงั้น!!! แถมยังบอกอีกด้วยว่านอกเหนือไปจากปีที่แล้ว ภายในปีนี้ ปีหน้า หรือปีโน้นๆ ก็แล้วแต่การกระทำการดังกล่าวของจีนต่อไต้หวัน ไม่ว่าในทางน่านฟ้า หรือน่านน้ำ จะยิ่งมีแต่เพิ่มกับเพิ่ม ไม่ต่างอะไรไปจาก “บ่วง” ที่ค่อยๆ รัดรอบคอผู้ที่คิดแยกเกาะเล็กๆ แห่งนี้ออกไปจากแผ่นดินจีน ให้หายใจไม่ออก หรืออาจต้องขาดใจตายกันไปข้าง ด้วยเหตุเพราะจีนทุกวันนี้....พร้อมแล้วที่จะ “หัก” กับผู้ที่พยายามยุแยงตะแคงรั่วชาวไต้หวันอย่างอเมริกา หรือเริ่มมองเห็นถึงความเป็นไปได้ที่อาจต้องเผชิญหน้าทางทหารกับมหาอำนาจสูงสุดแห่งโลก ต่อไปนับจากนี้...
ดังนั้น...ถ้าหากคุณพ่ออเมริกาท่านยังไม่เลิกยั่วยวนกวนส้นตีนทั้งรัสเซียและจีน ไม่ว่าใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” หรือ “แนวรบทะเลจีนใต้” ก็แล้วแต่ โอกาสจะต้อง “เผชิญศึกถึง 2 ด้าน” แถมแต่ละด้านล้วนมีพละกำลังระดับพอฟัด-พอเหวี่ยงไปด้วยกันทั้งสิ้น ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้สูงเอามากๆ อันเป็นภาวะ เป็นฉากสถานการณ์ ที่น่าขนลุก ขนพอง เอาเลยทีเดียวถึงขนาดนักยุทธศาสตร์กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังอดไม่ได้ที่จะต้องแสดงความปริวิตกกังวลอย่างเปิดเผย เมื่อไม่นานมานี้ความพยายามสร้างแรงกดดันให้กับหมีขาวรัสเซีย ใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” ช่วงนี้ จึงเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องอย่างมิอาจแยกออกจากกันได้เลยกับการเผชิญหน้าทางทหารกับจีนใน “แนวรบทะเลจีนใต้” โดยใครจะเป็นฝ่าย “เหี่ยวปลาย” ในช่วงวินาทีสุดท้าย อันนี้...คงต้องลองไปเงี่ยหูฟังข้อสรุป ข้อวิเคราะห์ ของนักการเมืองรัสเซียรายหนึ่ง ที่ต้องยอมรับว่าออกจะน่าคิด-น่าสะกิดใจมิใช่น้อย...
คือ “นายAleksey Pushkov” วุฒิสมาชิกและอดีตรองประธานสภาดูมา อดีตประธานกรรมาธิการต่างประเทศของสภาดังกล่าว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะบริหารด้านนโยบายข้อมูล-ข่าวสาร ที่ว่ากันว่ามีความใกล้ชิดกับผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” มิใช่น้อย จนกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกรัฐบาลอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลียประกาศ “แซงชั่น” ไปก่อนหน้านี้ ที่ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว “Ukraina.ru” เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ถึงบรรยากาศความขัดแย้งและการเผชิญหน้าระหว่างอเมริกากับรัสเซียในช่วงระยะนี้ ว่าเป็นสิ่งที่จะหมดสิ้นลงไป หรือทุเลาเบาบางลงไปได้ก็ต่อเมื่อ...หลังจากที่ “ระเบียบโลกแบบใหม่” (New World Oder) ได้รับการสถาปนาขึ้นมาเป็นเรียบร้อยแล้ว!!!
ด้วยเหตุผล ข้ออ้าง ที่ระบุไว้ในคำพูด คำจา ที่ว่า... “อันเนื่องมาจากอเมริกาคือจ้าวโลก ผู้กำลังสูญเสียสถานะและบทบาทในระดับโลก อันทำให้เขาต้องเจ็บปวดรวดร้าวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าความพ่ายแพ้ในตะวันออกกลาง ความสูญเสียในซีเรีย ความบ้อท่าในอัฟกานิสถาน อีกทั้งยังถูกบีบบังคับให้ต้องถอนทหารส่วนใหญ่ออกจากอิรักช่วงปลายปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องหาทางรักษาบทบาทอิทธิพลในการครอบงำเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ด้วยการหันมาสร้างความขัดแย้งกับรัสเซียและจีน” รวมทั้ง “นักการเมืองและชนชั้นนำทางการเงินของอเมริกา...มักเชื่อว่าพวกเขาเท่านั้นที่สามารถควบคุมบงการโลกทั้งโลกเอาไว้ได้ และจะไม่ยอมปล่อยให้ใครเข้ามามีบทบาทแทนที่โดยเด็ดขาด ดังนั้น...นอกเสียจากว่า จนกว่าระเบียบโลกแบบใหม่ จะถูกสถาปนาขึ้นมาท่ามกลางความอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ ของพวกเขา หรือเมื่อบทบาทสำคัญๆ ของพวกเขาถูกรื้อทิ้ง ความขัดแย้งระหว่างอเมริกากับรัสเซียและจีน จึงพอจะทุเลา เบาบาง ลงไปได้บ้าง...”
และโดยแนวโน้มความเป็นไปในลักษณะเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้ “แนวรบยุโรปตะวันออก” กับ “แนวรบทะเลจีนใต้” จึงกลายเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” หรือเป็นสิ่งที่มิอาจแยกออกจากกันได้เลย ความพยายาม “รุกฆาต” รัสเซียในพื้นที่ยุโรป จึงต้องเจอกับ “หมากล้อม” ของจีนในทะเลจีนใต้ อย่างแทบขยับตัวไม่ออก ส่วนใครจะเป็นฝ่าย “เหี่ยวปลาย” กันในวินาทีสุดท้าย อันนี้คงต้องหันไปหยิบเอาสุนทรพจน์ของผู้นำจีน อย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ที่กล่าวอย่างมั่นอก-มั่นใจกับบรรดาสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน เอาไว้เมื่อช่วงครบรอบ 95 ปี เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2016 มาย้ำเตือนไว้อีกครั้ง โดยเฉพาะคำพูดประโยคที่ว่า... “โลกกำลังอยู่ริมขอบเหวแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เรากำลังเป็นประจักษ์พยานแห่งการล้มละลายของกลุ่มประเทศมหาอำนาจในยุโรป และกำลังจะได้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา ล่มสลายลงไปได้อย่างไร และนี่เอง...ที่จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงการสิ้นสุดของระเบียบโลกแบบเดิมๆ ภายในช่วงอีกประมาณ 10 ปีนับจากนี้นี่แหละ ที่เราคงมีโอกาสได้เห็นระเบียบโลกแบบใหม่ ซึ่งไม่เหมือนเท่าที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้ โดยมีกุญแจสำคัญที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นจริงขึ้นมา นั่นก็คือ...ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีนและรัสเซีย...” จริง-ไม่จริง เป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ อันนี้...ลองเก็บไปนั่งคิด นอนคิด เป็นการบ้านเอาเองก็แล้วกัน...