xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำเวิร์กฟรอมโฮมนานมั้ย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



ทุกวันนี้บ้านเมืองของเราอยู่ในสภาพวิกฤตอะไรหรือไม่ หรือว่าประชาชนอยู่ดีกินดี มีเงินใช้ไม่ขาดมือ เศรษฐกิจเฟื่องฟู รากฐานมั่นคงอนาคตสดใสไร้กังวลเช่นนั้นหรือ

ถามอย่างนี้มีคำตอบ ขึ้นอยู่กับว่าใคร อยู่ในสถานภาพอะไรเป็นผู้ตอบ ถ้าเป็นพวกโฆษกหรือติ่งรัฐบาลคงดาหน้าออกมาก็บอกว่าทุกอย่างยังไปได้ ผู้บริหารบ้านเมือง “เอาอยู่” ไม่มีอะไรต้องห่วง พวกมองโลกสวยบ้องตื้นคงเชื่อโดยสนิทใจ

“ถ้าไม่เชื่อผู้นำแล้วจะเชื่อใคร ถ้าไม่เอาผู้นำคนนี้ จะเอาใคร มีใครดีกว่า” การพูดอย่างนี้เหมือนท่องคาถา ตีกันพวกวิพากษ์วิจารณ์ความล้มเหลวของรัฐบาล

เรามีปัญหา หรือวิกฤตแน่นอน อย่างที่เป็นอยู่ คือการระบาดของโควิด-19 ซึ่งอยู่ในรอบที่ 5 เป็นเพียงไม่กี่ประเทศ รวมทั้งญี่ปุ่นที่มารอบที่ 5 และเรามีเชื้อโอมิครอนอยู่ในอันดับ 13 ของโลกเมื่อจัดอันดับสัปดาห์ก่อน ช่วงนี้ไม่มีตัวเลขเป็นทางการ

ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันใกล้แตะหมื่นรายช่วงสุดสัปดาห์ วันนี้น่าจะเกินแล้ว แพทย์และผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นหลากหลาย มีทั้งมองโลกสวย และมีคำเตือนว่าตัวเลขอาจถึง 3 หมื่นต่อวัน ตามความคาดการณ์ก่อนช่วงหยุดปีใหม่

ร้ายแรงหรือไม่ ก็ดูว่าหัวหน้ารัฐบาลยังไม่โผล่หน้าออกมาพบใคร เก็บตัวเงียบขอเวิร์กฟรอมโฮม ไม่ไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล ทำให้ประชาชนเห็นว่าสถานการณ์ดูเลวร้ายมาก แม้แต่ผู้นำรัฐบาลยังต้องรักตัวกลัวภัย ทั้งที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แล้ว

บ้านเมืองเหมือนขาดผู้นำ หรือจะมองอีกมุมหนึ่งก็ได้ว่า มีผู้นำอย่างนี้ มีหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน การไม่มีอาจไม่มีความคิดหรือแผนอะไรที่อาจสร้างความเสียหายให้บ้านเมืองมากกว่าที่เป็นอยู่ การไม่ทำงานเป็นการชะลอความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

ช่วงนี้มีปัญหาเนื้อหมูราคาแพง เป็นอย่างนี้มาสักพัก ยังไม่มีใครจัดการได้

การจะแก้ปัญหาหมูแพงไม่ใช่เรื่องหมูๆ รายย่อยต่างสิ้นเนื้อประดาตัวไปนานแล้วเพราะต้นทุนการเลี้ยงได้กินกำไรไปหมด ทั้งราคาลูกหมู อาหารสัตว์ การดูแลรักษา เมื่อติดโรคก็ต้องกำจัด ไม่มีใครจ่ายเงินชดเชยให้ เจ๊งแล้วรับความซวยเอง

ประเทศนี้รายใหญ่คุมตลาดครบวงจรทั้งการผลิตอาหารสัตว์ ลูกหมู ขั้นตอนสารพัด รวมทั้งราคารับซื้อ ผู้เลี้ยงลูกข่าย ไม่มีอำนาจต่อรอง เมื่อราคาหมูแพง ยอดขายก็ลดลง เจ้าของเขียงหมูก็เดือดร้อน สินค้าที่ใช้หมูก็ปรับราคาขึ้นด้วย

เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องก็เถียงว่าไม่มีการระบาดของเชื้ออหิวาต์แอฟริกา หรือเชื้อเอเอสเอฟ ผู้เลี้ยงรายย่อยรู้ดีว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร และไม่ใช่เพิ่งเริ่มเป็นช่วงนี้

ผู้นำรัฐบาลได้แต่กำชับ สั่งการ เหมือนกับว่า ถ้าไม่สั่งการ พวกเสนาบดีที่ทำงานกินเงินเดือนภาษีของประชาชนจะไม่ขยับตัว เมื่อสั่งการแล้วก็เก็บตัวอยู่ในสภาพเวิร์กฟรอมโฮมเหมือนเดิมชาวบ้านสงสัยว่าหนีหน้า ไม่ยอมตอบคำถามหรือไม่

ทั้งเรื่องปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ สภาวะ “ถังแตก” เศรษฐกิจตายซากเรื้อรัง อัดฉีดหมดเงินไปหลายแสนล้านบาทแล้ว ยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นอย่างจริงจัง

เป็นเรื่องแปลกที่ผู้นำประเทศจะหนีหน้า หนีคำถาม ต่างจากผู้นำประเทศอื่นๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นทหารผ่านศึกยศพลเอก เป็นอดีตผู้นำกองทัพบก เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร กล้าก่อการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง

มากลัวอะไรกับเชื้อโรค เมื่อตัวเองได้ฉีดวัคซีนมากกว่าชาวบ้านแล้ว

อย่างนี้ประชาชนจะพึ่งใครได้ เมื่อคณะรัฐมนตรีทำงานที่บ้าน ขณะที่ผู้นำปากแข็งว่าไม่ล็อกดาวน์ ไม่ห้ามคนเดินทางเข้าประเทศสำหรับพวกที่ตกค้างอยู่ ทั้งๆ ที่มีหลักฐานให้เห็นแล้วว่าพวกที่เข้ามามีส่วนหนึ่งที่นำเชื้อโคโรนาไวรัสเข้ามาด้วย

ก็ยังดันทุรังถูลู่ถูกัง ทำต่อไปเหมือนไม่ตระหนักกับวิกฤตที่เป็นอยู่ทุกเรื่อง

ดูสภาพของรัฐนาวา “เรือแป๊ะ” ที่ผุกร่อน สนิมขุมกันจนเปรอะอย่างนี้ ช่างเหมือน “เรือผี” ที่ลอยเข้ามาจมในน่านน้ำไทยวันก่อนไม่ได้ เป็นเรือมีชื่อภาษาจีน ไม่รู้ที่มาที่ไป เหมือนลอยเท้งเต้งไร้ทิศทางกลางทะเลนานแล้ว จนผุรั่ว สุดท้ายก็จม

“เรือแป๊ะ” ดูแล้วไม่ต่างจาก “เรือผี” ไต้ก๋งหรือกัปตัน ลูกเรือ หลบอยู่ในบ้านด้วยความหวาดกลัวการระบาด ทั้งที่เกิดขึ้นรอบนี้เพราะมีคำสั่งเปิดประเทศ มีระบบกระบะทรายที่ภูเก็ต ไม่ยอมให้เอกชนเลิกงานเคาท์ดาวน์ เป็นผลงานของตัวเองแท้ๆ

ถามกี่ครั้งว่าใครจะรับผิดชอบ และรับผิดชอบอย่างไร บรรดาผู้กล้าหลบหน้า ไม่ยอมโผล่ยื่นหน้า แอ่นอกออกมาขอรับผิดชอบ คงเอาอย่างท่านผู้นำห้าวเป้ง

หรือผู้นำมีปัญหากลัดกลุ้มอย่างไรหรือไม่ เช่นห่วงว่าจะไม่ได้อยู่ต่อเมื่อครบวาระ 8 ปี ถ้าดันทุรังอยู่ต่อด้วยอภินิหารทางกฎหมายจะเกิดเหตุวุ่นวาย ประชาชนไม่ยอม เพราะอยู่ต่อไปก็แก้ปัญหาไม่ได้ มีแต่จะเลวร้าย ทีมงานรัฐมนตรีก็ด้อยคุณภาพ

“เรือแป๊ะ” ที่ไร้กัปตัน ขาดหางเสือ ขาดเครื่องยนต์ขับเคลื่อน ก็ลอยไปตามยถากรรม ก่อนหน้านี้กัปตันมีปัญหากับลูกเรือระดับหัวแถว เกิดความไม่มั่นใจว่าจากนี้ปีจะเผชิญกับความไม่แน่นอนเมื่อกฎหมายสำคัญเข้าสภาฯ และจะผ่านหรือไม่

ทั้งมีข่าวแว่วว่าท่านผู้นำจะเวิร์กฟรอมโฮมจนถึงสิ้นเดือนนี้ ถ้าเป็นจริง ก็จะต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองน้ำเน่าแบบไทยๆ ว่าผู้นำไม่ยอมไปทำงานตามปกติ ความเป็นผู้นำที่เคยเป็นปัญหามาตลอด ก็จะไม่เป็นที่สงสัยอีกต่อไป

อย่ารู้สึกวังเวง ต้องนึกเสมอว่าที่ผ่านมาก็ไม่มีผลงานอะไรที่ทำให้บ้านเมืองอยู่บนพื้นฐานของความมั่นคงยั่งยืน การหยุดชะงักหรือชะลอตัวอาจมีผลดี ทำให้โครงการต่างๆ ที่จะตกเป็นเหยื่อของการทุจริต คอร์รัปชัน ช้ากว่าที่ควรจะเป็นก็ได้

นี่ก็เป็นการมองโลกสวยอีกแบบหนึ่ง แต่ในที่สุดมีความซวยรออยู่แน่


กำลังโหลดความคิดเห็น