“ผู้ใหญ่บ้าน” ใน อ.สนามชัยเขต ผวาหนัก โดนขู่เอาชีวิตซึ่งหน้า เชื่อเหตุร้องเรียนขบวนการลักลอบทิ้งกากสารพิษในพื้นที่ มึน ตร.ไม่รับแจ้งความ แถมคดีทิ้งสารพิษก็เงียบกริบ เชื่อจับมือใครดมไม่ได้เหมือนที่ผ่านมา แฉพวกเดียวกับแก๊งค้าน้ำมันเถื่อน ที่มี “ขาใหญ่ท้องถิ่น” ในแปดริ้วเป็นตัวการ
จากกรณีที่มีการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่หมู่ 6 บ้านนาน้อย ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ว่าได้รับความเดือดร้อนจากการมีผู้ลักลอบทิ้งกากสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมในสวนปาล์มแห่งหนึ่งในพื้นที่ โดย นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ ส.ส.ฉะเชิงเทรา ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี และกระทรวงที่เกี่ยวข้องแล้วนั้น
วันนี้ (14 ธ.ค.64) มีรายงานข่าวจาก จ.ฉะเชิงเทรา แจ้งว่า นายไพศาล ดวงแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 บ้านนาน้อย ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นผู้ร้องเรียนปัญหาดังกล่าวผ่าน นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ และนายไพรินทร์ หนูมาก สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา มาถึงนายสุชาติ ได้ถูกข่มขู่ทำร้ายถึงชีวิต จึงได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.สนามชัยเขต ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 พ.ย.64 โดยระบุว่า นายด้วง (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) มาบอกกับนายไพศาลว่า นายออด (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) บอกให้มาเอาชีวิตนายไพศาล ซึ่งนายไพศาลไม่มีสาเหตุโกรธเคืองขัดแย้งกับนายด้วงหรือนายออดมาก่อน คาดว่าสาเหตุมาจากการร้องเรียนปัญหาขบวนการลักลอบทิ้งกากสารพิษในพื้นที่ที่นายไพศาลเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่
จากการสอบถาม นายไพศาล ได้รับการเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตอนเกิดเหตุตนได้อยู่ที่บ้านนายจำเนียร สับผาง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต โดย นายด้วง ได้มาพบและบอกว่า “ไอ้ออดมาบอกให้พี่มาเอาชีวิตเอ็ง” ซึ่งตนไม่ได้มีสาเหตุโกรธเคืองขัดแย้งกับนายด้วง และนายออด มาก่อน แต่ทราบว่านายออดมีความเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบทิ้งกากสารพิษที่ตนร้องเรียนไว้ อาจทำให้นายออดไม่พอใจ จึงคาดว่าสาเหตุมาจากเรื่องนี้อย่างแน่นอน และได้เข้าไปแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.สนามชัยเขต แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ โดยให้ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น
“ทางตำรวจไม่รับแจ้งความ แค่ให้ลงบันทึกประจำวันไว้ ทั้งที่ผมแจ้งถึงสาเหตุจากเรื่องเปิดโปงขบวนการลักลอบทิ้งกากสารพิษ แต่ตำรวจก็ไม่มีมีท่าจะติดตามคดีลอบทิ้งสารพิษ ทั้งที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เป็นลักษณะเดียวกับที่เคยเกิดกรณีลักลอบทิ้งสารพิษที่เกิดขึ้นในพื้นที่หลายครั้ง แต่เรื่องก็เงียบทุกครั้ง” นายไพศาล ระบุ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับขบวนการลอบทิ้งกากสารพิษที่มีมีการร้องเรียนครั้งนี้ เป็นกากสารพิษที่เหลือจากน้ำมันปิโตรเลียมที่ใช้แล้วจากโรงงานอุตสาหกรรม เป็นขบวนการที่ทำเป็นประจำ โดยเปลี่ยนจุดทิ้งไปเรื่อยๆ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านละแวกใกล้เคียงเป็นอย่างมาก มีการแจ้งความดำเนินคดีมาตลอด แต่คดีความมักจะไม่คืบหน้า โดยขบวนการก็ใช้วิธีเปลี่ยนทิ้งกากสารพิษ ทั้งนี้จากการสอบสวนเชิงลึกพบว่า ขบวนการลอบทิ้งกากสารพิษนี้เป็นเครือข่ายเดียวกับขบวนการลักลอบค้าน้ำมันในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งเพิ่งมีกรณีเรือเทคซ่า ถูกจับกุมพร้อมน้ำมันกว่า 4 แสนลิตร กลางทะเลอ่าวไทย เมื่อช่วงเดือน ต.ค.64 ที่ผ่านมา โดยมีข้อมูลว่า นักการเมืองท้องถิ่นใน จ.ฉะเชิงเทรา อยู่เบื้องหลัง แต่การดำเนินคดีลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนก็ไม่คืบหน้าเช่นกัน.