xs
xsm
sm
md
lg

ตอลิบานไล่ฆ่าโหดหลังชนะศึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



กองกำลังตอลิบานได้ประหารชีวิตเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และทหารรัฐบาลมากกว่าร้อยคนหลังจากได้ยอมจำนน เมื่อตอลิบานชนะสงครามกลางเมืองในเดือนสิงหาคม การสังหารมีทั้งการฆ่าเพื่อล้างแค้น และการไล่ล่าตามบ้าน ที่ซ่อนตัว

การสังหารขัดแย้งกับคำอ้างของตอลิบานว่าจะมีนโยบายอภัยโทษ และยอมให้มีทุกฝ่ายเข้าร่วมรัฐบาลในการจัดการฟื้นฟูประเทศ หลักฐานการสังหารมีทั้งการสืบสวน การให้ปากคำของบรรดาญาติผู้เสียชีวิต และทหารตอลิบาน

หลักฐานมาจากการสืบเสาะหาข้อมูลโดยหน่วยงานฮิวแมนไรต์วอตช์ (HRW) ซึ่งได้เดินทางเข้าหลายพื้นที่ ผลการทำวิจัยถูกเปิดเผยในวันอังคารที่ผ่านมา

ในรายงานมีรายละเอียดของการประหาร หรือทำให้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของเจ้าหน้าที่และทหารอย่างน้อย 47 นาย ซึ่งยังรวมถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเช่นตำรวจ หน่วยงานข่าวกรอง และฝ่ายหน่วยรบฝ่ายพลเรือนอาสาสมัคร

รายงานระบุว่าคนเหล่านี้ได้ยอมจำนนต่อกองกำลังตอลิบาน หรือถูกจับกุมตัวในระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม และ 31 ตุลาคม ปีนี้ งานวิจัยมาจากข้อมูลจากการสัมภาษณ์และสอบปากคำพยาน 67 ราย ซึ่งมีทั้งญาติของเหยื่อการประหารด้วย

บางรายขอร้องไม่ให้เปิดเผยตัวตนในการให้ปากคำต่อ HRW และยังมีกรณีการให้ปากคำของบรรดาญาติของเหยื่อที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากถูกควบคุมตัวโดยกองกำลังตอลิบานซึ่งไปไล่ล่าหาตัวเป้าหมายตามที่อยู่อาศัย

การไล่ล่าดูเหมือนจะเป็นระบบ มุ่งหวังเป็นการล้างแค้นส่วนตัวด้วย

หลักฐานที่ปรากฏทำให้คำอ้างของตอลิบานที่ว่าจะมีการปรองดอง ลดละเลิกการเอาคืน หรือล้างแค้น รวมทั้งจะยอมให้คนของรัฐบาลเดิมมีส่วนในการบริหารประเทศ หลังจากสงครามกลางเมืองยืดเยื้อกว่า 2 ทศวรรษระหว่างตอลิบานกับสหรัฐฯ

ผู้นำตอลิบานยังให้คำมั่นในการเจรจาหย่าศึกก่อนหน้านี้ว่าบรรดาชาวอัฟกันที่ทำงานกับหน่วยงานสหรัฐฯ จะไม่ถูกเอาผิด ดังนั้นการสังหารโหดจึงขัดแย้งชัดเจน

รายงานผลวิจัยได้เน้นในพื้นที่จังหวัดกาซนี เฮลมันด์ กันดาฮาร์ และคุนดุซ และได้เน้นรูปแบบของการใช้อำนาจในทางที่ผิดในเมือง โคสต์ พักติกะ และจังหวัดอื่นๆ ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าไม่สามารถยืนยันว่างานวิจัยของ HRW แม่นยำหรือไม่

หลังจากรายงานได้ถูกเผยแพร่ รองโฆษกของตอลิบานปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าตอลิบานได้กำหนดนโยบายอภัยโทษในวันแรกที่ยึดอำนาจได้จากรัฐบาล โดยที่เจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือนต่างได้รับการอภัยโทษ และให้ใช้ชีวิตตามปกติ

โฆษก บิลาล คาริมิ อ้างว่า หลังจากการอภัยโทษ ไม่มีใครมีอำนาจทำร้ายคนเหล่านั้นได้ แต่ก็ยอมรับว่ามีกรณีที่อดีตเจ้าหน้าที่รัฐถูกทำร้ายจากเรื่องการแก้แค้นส่วนตัว แต่กรณีเช่นนั้นมีจำนวนไม่มากนัก และการทำเช่นนั้นไม่ใช่นโยบายตอลิบาน

โดยรวมแล้ว รายงานระบุว่าคนถูกฆ่าทิ้งหรือหายตัวมีมากกว่า 100 ราย

การไล่ฆ่าหรือทำให้หายสาบสูญเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนหลังจากตอลิบานยึดอำนาจและครอบครองพื้นที่ประเทศ รวมทั้งการยึดเมืองหลวงกรุงคาบูลได้สำเร็จ

รายงานของ HRW ยังระบุว่านอกจากตัวเหยื่อแล้ว ตอลิบานยังมุ่งเป้าเล่นงานบรรดาญาติพี่น้องของเจ้าหน้าที่รัฐด้านความมั่นคงและทหารด้วย ทำให้พวกที่เคยทำงานให้หน่วยงานสหรัฐฯ พยายามหนีออกนอกประเทศในช่วงก่อนกรุงคาบูลแตก

แต่ยังมีอีกหลายพันคนหลบซ่อนจากการไล่ล่าของกองกำลังตอลิบาน

ชายรายหนึ่งบอกเจ้าหน้าที่ HRW ว่ามีนักรบตอลิบานไปเคาะประตูบ้านและถามว่าน้องชายของตนที่เป็นอดีตเจ้าหน้าที่รัฐ อยู่ที่ไหน ก็ตอบว่าไม่รู้ จากนั้นอีก 2 วันตอลิบานได้จับตัวน้องชายของตน และจากนั้นก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

“เมื่อไปสอบถามตอลิบาน ก็ปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น จากนั้นอีก 2 วัน ก็ได้พบร่างไร้วิญญาณของน้องชายมีหลักฐานว่าถูกฆ่าทิ้ง” ญาติของเหยื่อผู้เสียชีวิตบอก

ก่อนหน้านี้ผู้นำตอลิบานได้ประกาศว่าใครที่ละเมิดข้อห้ามเรื่องการไล่ล่าล้างแค้นจะถูกลงโทษ แต่ในความเป็นจริง ทุกอย่างขัดแย้งกับคำรับรอง ทหารตอลิบานนายหนึ่งยอมรับว่าได้มีการสังหารผู้คุมคุก หลังจากถูกสั่งให้กลับเข้าทำงานตามปกติ

เป็นการประหารชีวิตในเดือนสิงหาคม เมื่อหัวหน้าหน่วยตอลิบานเรียกเจ้าหน้าที่คุกไปรายงานตัว ให้ทำงานตามปกติ หลังจากเดินไปทำงานได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกยิงทิ้ง

รายงานระบุว่า “ก่อนที่ตอลิบานบุกเข้ากรุงคาบูล ได้มีการฆ่าล้างแค้น มีการเล็งเป้าเจ้าหน้าที่รัฐในหลายพื้นที่และเมืองหลัก หรือแม้แต่บนถนน เพราะตอลิบานได้ยึดรายชื่อเจ้าหน้าที่ทำงานด้านข่าวกรอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำลายหลักฐานไม่ทัน”

รายชื่อดังกล่าวทำให้ตอลิบานทำงานง่ายขึ้นในการไล่ล่าเป้าหมายซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำแหน่งสำคัญ ซึ่งมีทั้งถูกจับกุมและประหารชีวิตในภายหลัง ซึ่งรายชื่อดังกล่าวตอลิบานอ้างว่าจะนำไปใช้เพื่อการนิรโทษกรรม แต่ผลที่ตามมาตรงกันข้าม

รายชื่อทำให้การไล่ล่าตัวง่ายขึ้น และศพจากการสังหารก็ถูกพบเห็นได้ง่ายโดยบรรดากลุ่มญาติ ผู้ให้ปากคำกับ HRW ต่างอยู่ในบรรยากาศของความหวาดกลัวว่าจะโดนไล่ล่าฆ่าทิ้ง การไปลงทะเบียนเพื่อนิรโทษกรรมน่าจะเป็นผลร้ายมากกว่า

ตอลิบานยังพยายามไล่ล่าหาตัวผู้ที่ไม่ไปลงทะเบียนอีกด้วย ทำให้เป้าหมายต่างๆ ต้องซ่อนตัวตามบ้านเพื่อนฝูงหรือญาติ หรือหนีออกนอกพื้นที่

HRW ยืนยันว่าทุกวันนี้การไล่ล่า การเค้นเอารายชื่อจากญาติของเป้าหมาย การสังหารยังเป็นไปอย่างเต็มที่ ผู้นำตอลิบานได้แต่ปฏิเสธ แม้จะมีหลักฐานเป็นศพผู้เสียชีวิตให้เห็น มีหลักฐานการใช้อำนาจโหด การทุจริตโดยผู้นำตอลิบานระดับเมือง

ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลตอลิบานยังไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก


กำลังโหลดความคิดเห็น