ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หาเรื่องให้ดรามาเก่ง! ต้องยกให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับคิวล่าสุดประเด็นกินดี มีรถขับ ใช้โทรศัพท์ไอโฟน12
หลังวันก่อน สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงประกาศจัดซื้อจัดจ้าง เรื่องสัญญาซื้อขาย สัญญาเลขที่ 8/2565 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 โทรศัพท์เคลื่อนที่ (มือถือ) จำนวน 111 เครื่อง โดยบริษัท ที่ได้รับการคัดเลือก ได้แก่บริษัท สหธุรกิจ จำกัด
โดยสำนักงานเลขาธิการ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเจ้าของโครงการ กำหนดราคากลางไว้เมื่อ 23 ก.ย.64 ที่วงเงิน 2,964,199.60 บาท จากแหล่งที่มาของราคากลาง 3 ราย
ในรายละเอียดการกำหนดราคากลาง ทั้ง 111 เครื่อง ระบุว่า เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ ขนาด 128 GB จำนวน 23 เครื่อง ราคาต่อหน่วย 26,440 บาท รวมวงเงิน 608,120 บาท และโทรศัพท์เคลื่อนที่ ขนาด 64 GB จำนวน 88 เครื่อง ราคาต่อหน่วย 24,570 บาท เป็นวงเงินรวม 2,162,160 บาท
นอกจากนี้ ในสัญญาซื้อขาย ยังระบุไว้ว่า ผู้ซื้อตกลงซื้อ และผู้ขายตกลงขาย โทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 111 เครื่อง ยี่ห้อ Apple รุ่น Iphone 12 ความจุ 128 GB จำนวน 23 เครื่อง และ ยี่ห้อ Apple รุ่น Iphone 12 ความจุ 64 GB จำนวน 88 เครื่อง เป็นราคาทั้งสิ้น 2,681,355.80 บาท โดยได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนภาษีอากรอื่นๆ และค่าใช้จ่ายทั้งปวงไว้ด้วยแล้ว
ส่วนเรื่องความจำเป็นที่ต้องจัดซื้อนั้น มีการระบุว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการด้านการเมือง ด้านวิชาการ ด้านเลขานุการ และทำหน้าที่ศูนย์ประสานการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักรายกรัฐมนตรี และผู้บริหารฝ่ายการเมือง
หมายเหตุตัวโตๆ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ มุ่งผลสัมฤทธิ์และเป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
ชาวบ้านเห็นข่าวแล้วอ้าปากค้าง เพราะสถานการณ์ปัจจุบันประชาชนข้าวสารกรอกหม้อ ราคาข้าวดิ่งลงเหว สวนทางกับราคาน้ำมันที่แพงหูฉี่ รัฐบาลลดทีละไม่กี่สตางค์ แต่ขึ้นทีไม่รู้กี่บาท
เกษตรกรอดอยากปากแห้ง แต่หน่วยงานของรัฐ ที่ตั้งอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ควักงบประมาณไปซื้อโทรศัพท์ไฮเทค ให้เจ้าหน้าที่พก ไถโทรศัพท์ไอโฟนกันไม่เขินสายสายตาชาวบ้าน
ไม่ผิดอย่างที่ดาราสาวชื่อดัง อ๋อม-สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ฟาดแบบแสบๆ “ซื้อไอโฟน 12 แจกผู้บริหาร สวัสดิการดีจัง!!! แต่เงินเยียวยาประชาชนต้องลุ้นเอา…? น้อยนิดเป็นบุญคุณอีก ไอโฟน อยู่เฉยๆก็ได้มาเอง จะทำร้ายจิตใจกันไปถึงไหน” พร้อมแคปชั่นว่า “ก็ชนชั้นอ่ะนะ # มั่นใจว่าฉันไม่ได้เสียภาษีไปเพื่อสิ่งนี้
ที่ผ่านมาดาราสาวอาจอคติกับรัฐบาล แต่ปฏิเสธลำบากว่าไม่จริง!
มาตรการของรัฐต่างๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ประชาชนต้องแย่งชิงกันลงทะเบียนเหมือนเล่นชิงโชค มือดีได้ มือร้ายเสีย แต่ผู้มีอำนาจไม่เคยต้องมาตกระกำลำบากอะไร
ความรู้สึกประชาชนเหมือนอยู่คนละประเทศกับผู้บริหาร!
แม้ภายหลังจะมีการชี้แจงว่า จัดซื้อไอโฟนเพื่อนำมาใช้ในการประสานงาน ส่งข่าว เรียกว่า ใช้ปฏิบัติงานโดยตรง แต่ถ้ามีคนถามโทรศัพท์รุ่นอื่นที่มีราคาถูกกว่านี้ในท้องตลาดทำไมไม่ซื้อ คงได้แต่แบะๆเหมือนกัน
นอกจากนี้ มันเป็นความจำเป็นเร่งด่วนขนาดไหน ถึงกับต้องควักงบประมาณไปจัดซื้อมา เถียงไป คนฟังให้เป็นแถหมด
พอๆ กับประเด็นที่ว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปฏิเสธที่จะไม่รับโทรศัพท์รุ่นนี้ ทั้งที่มีโอกาสได้ มันไม่ได้ช่วยให้นายกรัฐมนตรีดูดีขึ้นมาเลย เพราะโดยศักยภาพคนระดับ“บิ๊กตู่” ไม่ต้องใช้งบหลวง ใช้งบส่วนตัวมาแจกยังทำได้เลย
มันไม่ได้เป็นการสร้างบุญหรือประชาชนต้องขอบคุณ หรือเยินยอนายกรัฐมนตรีของประเทศปฏิเสธไม่เอาไอโฟนหลวงมาใช้ เพราะเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว
ที่สำคัญ ต่อให้“บิ๊กตู่” ไม่เอา ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประหยัดงบอะไรขึ้นมา เพราะสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้จัดซื้อไปแล้ว 111 เครื่อง คนอื่นก็ใช้อยู่ดี
หรือต่อจะให้อธิบายว่า กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างถูกต้องตามกระบวนการ แถมได้ราคาต่ำกว่าราคากลางอีก มันก็ไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้สึกดีอะไรขึ้นมาเลย เพราะประเด็นสำคัญเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่ว่ารัฐประหยัดงบไปได้เท่าไหร่ จากการเอาไปถลุงซื้อไอโฟนแจกเจ้าหน้าที่
แต่มันอยู่ที่สมควรหรือไม่ ที่เอาไปซื้อ และมันใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือไม่
ยิ่งกรณีมูลนิธิกระจกเงา โพสต์ขอรับบริจาคโทรศัพท์เครื่องเก่า ไอโฟน 7 จากผู้บริหารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ทั้ง 111 เครื่องที่ไม่ได้ใช้แล้ว หลังผู้บริหารได้ไอโฟน 12 กันแล้ว เพื่อให้เด็กในครอบครัวยากไร้ได้มีโอกาสเข้าถึงอุปกรณ์ในการเรียนเพื่อประสิทธิภาพทางการศึกษาที่ดีขึ้น ยิ่งเจ็บจี๊ด จุกอก
ไม่ใช่เพราะมูลนิธิกระจกเงาเหน็บแนมเก่ง แต่มันเห็นภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคมตอนนี้ โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอน ป้องกันคลัสเตอร์ใหญ่ เด็กนักเรียนต้องเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน
สิ่งที่เป็นปัญหาที่รัฐลืมคิดคือ พื้นฐานและฐานะของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน เด็กหลายคนไม่สามารถเรียนออนไลน์ได้ เพราะไม่มีโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต แลปท็อป ไอแพด หรือมี แต่ไม่มีสัญญาณไวไฟที่รวดเร็วมากพอ ข่าวลักษณะนี้เกิดขึ้นจำนวนมาก
พอถูกนำเสนอข่าวที ก็เข้าไปช่วยเหลือที แต่ยังมีเด็กอีกหลายคนที่ไม่ได้อยู่ในข่าวกำลังตกระกำลำบาก ซึ่งรัฐไม่เคยเข้าไปเหลียวแลหรือสำรวจเลย
ขณะที่ขณะนี้มีหลายโรงเรียนที่ต้องกลับไปเรียนออนไลน์อีกครั้ง เพราะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ โทรศัพท์ที่มีศักยภาพแบบนี้ถือมีความจำเป็นสำหรับพวกเขา
ไม่ได้บอกว่า จำเป็นต้องเอาไปแจกจ่ายให้ประชาชนฟรีๆ แต่ถึงวันนี้ได้มีการแก้ไขปัญหานี้ดีแล้วหรือยัง
รัฐกำลังทำตัวเหลื่อมล้ำเสียเอง!
ข้อเท็จจริงแล้วการซื้อเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานสะดวกไม่ได้เลวร้ายอะไร เพราะผลสุดท้ายจะตกอยู่กับประชาชน แต่ปัญหาคือเป็นอีกครั้งที่รัฐไม่ดูตาม้าตาเรือเลย
แล้วพอมาชี้แจง ก็ไม่เนียน มีแต่เถียงกับแถ