ธรรมเทศนาธรรมคือ ธรรมที่ผู้แสดงธรรมสั่งสอนคนอื่น จะต้องมีไว้ในใจ 5 ประการคือ
1. อนุปุพพิกถา คือ แสดงหลักธรรมหรือเนื้อหาวิชาการตามลำดับ จากง่ายไปหายาก มีเหตุผลสัมพันธ์ต่อเนื่องกันไปตามลำดับ
2. ปริยายทัสสาวี คือ ชี้แจงให้เข้าใจในแต่ละประเด็น โดยอธิบายขยายความ อ้างเหตุผลมารองรับ
3. อนุทยตํ ปฏิจฺจ คือ แสดงธรรมด้วยเมตตาจิต มุ่งจะให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ฟัง
4. น อามิสฺนฺตโร คือ ไม่แสดงธรรม ด้วยเห็นแก่อามิสได้แก่ ไม่สอนเขาโดยหวังประโยชน์ตอบแทน
5. อตฺตานญฺจ ปรญฺจ อนุปหจฺจ คือ แสดงธรรมไม่กระทบตน และผู้อื่น ได้แก่ สอนโดยยึดหลักธรรม ไม่ยกตน ไม่เสียดสีกดขี่ผู้อื่น นี่คือพุทธพจน์ ซึ่งมีที่มาปรากฏในพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต
โดยนัยแห่งพุทธพจน์ข้างต้น จะเห็นได้ว่า พระภิกษุที่จะเป็นนักเทศน์ที่ดี ควรแก่การยกย่องนั้น มิใช่ว่าใครก็เป็นได้
ด้วยเหตุนี้ ถ้าท่านผู้อ่านได้อ่านข่าวทางสื่อว่า พระภิกษุรูปนี้เทศน์เก่งเทศน์ดี มีคนฟังเยอะ ก็อย่าเพิ่งเห็นด้วยหรือคล้อยตามข่าวที่ว่านี้ แต่ควรจะนำธรรม 5 ประการ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของพระนักเทศน์ที่ดีมาตรวจสอบกับพฤติกรรมการแสดงออกของพระภิกษุที่ว่านี้ก่อน และถ้าพบว่าธรรม 5 ประการดังกล่าวครบถ้วนค่อยยอมรับความเป็นพระธรรมกถึกของพระภิกษุรูปนั้น
แต่เวลานี้ ผู้คนในสังคมไทยกำลังสับสน และแตกแยกทางความคิดออกเป็นสองฝ่าย เมื่อได้อ่านข่าวทางสื่อ โดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับพระภิกษุ 2 รูปแห่งวัดสร้อยทองคือ พระมหาสมปอง และพระมหาไพรวัลย์ ซึ่งจัดรายการไลฟ์สดทางโซเชียลมีเดีย ด้วยลีลาท่าทีตลกโปกฮา ใช้ภาษาวัยรุ่น และมีผู้ติดตามดูเป็นจำนวนแสน จึงทำให้เกิดอหังการมมังการพาลพูดแขวะ กระแหนะกระแหน และเสียดสีนักการเมือง รวมไปถึงพระเถระผู้ใหญ่ เพียงเพราะต้องการเอาใจ “คอการเมือง” และไม่พอใจที่ตนเองได้ข่าวว่ารักษาการเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง จะไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ถึงกับประกาศจะลาสิกขาเพื่อเป็นการประท้วง ขอความเป็นธรรมให้กับรักษาการเจ้าอาวาส และได้มีแฟนคลับได้แสดงความเห็นใจ พร้อมกับให้กำลังใจให้อยู่ต่อไป
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้มีชาวพุทธผู้ที่เคร่งครัดในศาสนา และศรัทธาในพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตั้งตนอยู่ในกรอบแห่งพระธรรมวินัย ได้ออกมาท้วงติง และตำหนิพฤติกรรมของพระภิกษุ 2 รูปนี้ค่อนข้างรุนแรง บางรายถึงกับไล่ให้สึกออกไปเล่นตลก โดยให้เหตุผลว่าอยู่เป็นพระต่อทำให้ศาสนาพุทธเสื่อม
จากการที่ชาวพุทธแตกแยกทางความคิด อันเนื่องมาจากภิกษุ 2 รูปนี้ ผู้เขียนในฐานะชาวพุทธ และพอจะมีความรู้ ความเข้าใจพระวินัยอยู่บ้าง เห็นว่า ถ้าพระภิกษุ 2 รูปนี้อยู่ต่อไป ก็ควรที่จะต้องเคารพพระธรรมวินัย ซึ่งเป็นศาสดาของชาวพุทธ ตามนัยแห่งพุทธพจน์ ซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสแก่พระอานนท์ที่ว่า โย โว อานนฺท ธฺมโม จ วินโย จ เทสิกโต ปญญฺตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา แปลโดยใจความ พระธรรม และพระวินัยที่เรา (ตถาคต) แสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่เธอทั้งหลาย พระธรรมและพระวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว
ดังนั้น เมื่อพุทธบริษัท 4 คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา เหล่าใดไม่เคารพพระธรรมวินัย พุทธบริษัทเหล่านั้นจึงได้ชื่อว่าไม่เคารพพระศาสดา และจักเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พุทธศาสนาเสื่อม ตามนัยแห่งพุทธพจน์ที่พระพุทธองค์ได้ตรัสแก่พระกิมพิละ “ดูก่อนกิมพิละ! เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในพระธรรมวินัยนี้ ไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในการศึกษาไม่เคารพยำเกรงกันและกันนี้แล กิมพิละ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่ได้นาน เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว”