สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญวิกฤตหนักเมื่อนักการเมืองทั้งพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครตต่างเล่นเกมกรณีความต้องการของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการยกระดับเพดานการก่อหนี้ โดยหวังจะกู้เงินเพิ่มสำหรับค่าใช้จ่าย ซึ่งจะนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้
และพรรคหรือรีพับลิกันก็เล่นเกมเต็มที่เพราะรู้อยู่แล้วว่ารัฐบาลต้องการเงินอย่างมากภายในระยะเวลาที่เหลือไม่มากนักก่อนที่จะประสบภาวะของการผิดนัดชำระหนี้ และสร้างความปั่นป่วนต่อตลาดเงินและระบบเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ
รัฐมนตรีคลังนางเจเน็ต เยลเลน ได้เตือนว่ารัฐบาลจะเงินหมด และจะไม่มีมาตรการอะไรช่วยเหลือได้ถ้าระดับเพดานการก่อหนี้ไม่เปลี่ยนแปลงภายในวันที่ 18 ตุลาคม นั่นหมายถึงว่ารัฐบาลจะผิดนัดการชำระหนี้และหมดความน่าเชื่อถือในตลาดการเงินโลก
แต่ทุกฝ่ายรวมทั้งนักการเงิน นายธนาคารก็หวังว่านักการเมืองทั้งสองพรรคจะสามารถตกลงกันได้ภายในเวลาที่กำหนดก่อนที่จะทำให้ประเทศสู่ภาวะวิกฤตหนัก ทุกอย่างจะหยุดชะงัก สำนักงานรัฐบาลทุกแห่งจะไม่มีเงินงบประมาณสำหรับใช้จ่ายซึ่งเคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่ง และได้สร้างความเสียหายอย่างมากมาย
นักการเงินอย่างนายเจมี ไดมอน ของธนาคารเจพีมอร์แกนเชส บอกผู้สื่อข่าวว่าได้เตรียมพร้อมมาตรการต่างๆ เพื่อรับกับสถานการณ์ในกรณีที่รัฐบาลผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งการเตรียมการมีทั้งการประเมินผลกระทบต่อตลาดการเงิน ระดับของเงินทุน การติดต่อระหว่างลูกค้าและอันดับเครดิตของประเทศ
แม้จะมั่นใจว่าผลสุดท้ายจะมีข้อตกลงกันแต่ก็ยังวางใจไม่ได้ และต้องพร้อมรับกับสถานการณ์รวมทั้งความผันผวนของตลาดทุน ตลาดเงิน ถ้าเกิดการผิดนัดชำระหนี้จะส่งผลกระทบไปทั่วโลกเพราะสหรัฐฯ เป็นลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดในโลก และไม่มีหนทางที่จะชำระหนี้คืนได้ นอกจากตั้งหน้าตั้งตาผลิตธนบัตรดอลลาร์ออกมาใช้จ่ายซึ่งจะนำไปสู่การลดค่าและความเสียหายที่ประเมินไม่ได้
ผู้บริหารของเจพีมอร์แกนเชสบอกว่าระดับเพดานหนี้เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันระหว่างนักการเมืองทั้งสองค่ายและต่อรองเล่นเกมกันทุกปี ซึ่งถ้าเรื่องนี้จัดการได้เรื่องเพดานหนี้ปัญหาทั้งหมดก็จะไม่เกิด และนี่ก็เป็นเรื่องของการเมืองล้วนๆ
“ครั้งก่อนการเตรียมการรับสถานการณ์ในแบบเดียวกัน ได้ทำให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นมากถึง 100 ล้านดอลลาร์” ไดมอน กล่าว
นางเยลเลน ได้กล่าวเตือนว่ารัฐบาลกลางจะไม่มีเงินใช้จ่ายถ้าสภาคองเกรสไม่ยกระดับเพดานหนี้ภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจะทำให้ประเทศหมดความน่าเชื่อถือและเงินตราสกุลดอลลาร์จะมีปัญหาในตลาดการเงินของโลก
สภาวะเช่นนี้เป็นการทดสอบความเป็นผู้นำของประธานาธิบดีโจ ไบเดนว่าจะสามารถชักนำให้กฎหมายยกระดับเพดานหนี้ผ่านการอนุมัติได้หรือไม่ เพราะพรรคเดโมแครตก็ครองเสียงข้างมากทั้งในสภาคองเกรสและวุฒิสภา
เงินสกุลดอลลาร์ถือเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจและตลาดการเงินของโลก ถ้าหากอเมริกามีปัญหาก็ไม่สามารถจะกู้เงินมาได้ และนั่นหมายความว่างบประมาณจะเกลี้ยงคลัง
จากการวิเคราะห์ของนักการเงินซึ่งประเมินว่า ถ้ารัฐบาลหมดเงินก็หมายความว่าจะไม่มีเงินเดือนจ่ายให้กับทหาร ข้าราชการ และกลุ่มผู้ที่เกษียณอายุ รวมถึงสวัสดิการต่างๆ และจะต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงสำหรับการผิดนัดชำระหนี้ คนอเมริกันหลายล้านคนจะต้องตกงาน ซึ่งจะไม่มีเงินสำหรับภาระการผ่อนซื้อบ้านและรถยนต์ รวมทั้งค่าใช้จ่ายจำเป็นต่างๆ เช่นประกันชีวิตและสุขภาพ
ทั้งหมดนี้ถูกมองว่าเป็นการเล่นเกมการเมืองและการลองกำลังของทั้งสองพรรคในสภาคองเกรส ซึ่งนักการเมืองฝ่ายพรรครีพับลิกันอ้างว่ารัฐบาลซึ่งพรรคเดโมแครตกุมเสียงข้างมากนั้นใช้จ่ายเงินเกินตัวมากมาย และทำให้เป็นการก่อหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ในความเป็นจริงนั้นพรรคเดโมแครตเคยลงคะแนนเสียงผ่านกฎหมายยกระดับเพดานหนี้ในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งช่วงนั้นพรรครีพับลิกันได้มาขอความร่วมมือจากพรรคเดโมแครตซึ่งการยกระดับเพดานหนี้ครั้งนั้นก็เพื่อการชดเชยเงินขาดดุล ที่รัฐบาลได้ลดภาษีสำหรับคนรวยโดยอ้างว่าต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วงนั้นรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ก็มีรายการใช้จ่ายอย่างมากมาย รวมทั้งปัญหาการชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐด้วย
สหรัฐฯ มีหนี้สะสมยอดรวมปัจจุบัน 29 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าไม่มีทางที่จะชำระคืนได้ เพียงแต่ยื้อเวลาด้วยการกู้เพิ่มและพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์มาชำระหนี้และค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยที่ประเทศอื่นๆ ก็รู้ว่าสหรัฐฯ นั้นมีหนี้มากเกินกว่าที่จะใช้คืนได้ และเจ้าหนี้รายใหญ่เป็นผู้ถือครองพันธบัตรของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มีทั้งจีนและญี่ปุ่นรวมทั้งกลุ่มประเทศยุโรป
ภาวะปัจจุบันประธานาธิบดีโจ ไบเดนต้องการได้งบประมาณเพิ่ม 4 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อพยุงสถานะเศรษฐกิจ และช่วยเหลือคนอเมริกันให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในสภาวะที่การระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลายจนอยู่ในสภาวะที่น่าพอใจ
ต้องรอดูว่าทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน และสองพรรคการเมืองของสหรัฐฯ จะแก้ปัญหาของชาติได้อย่างไรโดยละเว้นการเล่นเกมการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของทุกฝ่าย