ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เหตุการณ์ที่พระสงฆ์องค์เจ้าในดงขมิ้นออกมาแสดงตัวและเสนอความคิดเห็นสาธารณะในประเด็นทางสังคมต่างๆโดยเฉพาะเรื่องฉาวสนั่นเมือง ย่อมมีแรงสะท้อนกลับบวกลบตามฐานานูรูปกันไป
ล่าสุด กรณี พระอานนท์ ธัมโชโต พระวัดภัทรสิทธาราม ต.นครสวรรค์ออก อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์ เดินทางมาให้กำลังใจ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ “ผู้กำกับโจ้” โดยนำของกินติดไม้ติดมือมาเป็นจำนวนมากด้วย เพราะไม่เชื่อว่า ผกก.โจ้ รีดไถเงิน 2 ล้าน ส่วนการซ้อมผู้ต้องหาหรือเอาถุงไปคลุมหัวผู้ต้องหา อาจจะหนักมือไป จนเกิดความผิดพลาดจนถึงแก่ชีวิตนั้น
นายสิปป์บวร แก้วงาม รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะโฆษกพศ. ได้รับคำสัง นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงแจ้งไปยังหน่วยงานประจำจังหวัด ให้ตรวจสอบ และให้ต้นสังกัดตักเตือนพระอานนท์แล้ว เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
นี่ไม่ใช่กรณีแรกๆ ของพระสงฆ์ไทยที่ออกมาเป็นประเด็นทางสังคม ที่ผ่านมาก็มีอย่างต่อเนื่อง โดยมหาเถรสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็ออกมาปรามอยู่เนืองๆ
อย่างไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มติมหาเถรสมาคมชี้ “พระมหาสมปอง” เข้าข่ายแสดงความเห็นทางการเมือง-นอกเหนือกิจสงฆ์
พระมหาสมปอง ตาลปุตโต วัดสร้อยทอง ได้แสดงความคิดเห็นการทำงานของรัฐบาลในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย อีกทั้งยังได้เผยแพร่โฆษณาสินค้าผ่านทางสื่อโซเชียลฯ ของตนเอง ซึ่งกรณีดังกล่าวชาวเน็ตได้หยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์
จนนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาคุมเอง จัดประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 11/2564 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 มีมติเห็นว่า การกระทำดังกล่าวของพระมหาสมปอง เข้าข่ายการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และเป็นการแสดงที่ไม่เหมาะสม โดยได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ประสานพระสังฆาธิการที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
อีกรูปที่ถูกชักใบเหลือง พระเมธีธรรมาจารย์ (เจ้าคุณประสาร จนฺทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร และรองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กถึงรัฐบาล ตำหนิการจัดการวัคซีน และการบริหารสถานการณ์โควิดของภาครัฐ ทำให้ถูกมหาเถรสมาคม (มส.) ตักเตือน
หากพูดถึงพระยุคดิจิทัล คงต้องยกให้พระหนุ่มไฟแรงที่เสนอประเด็นร้อนทางสังคมการเมืองต่อสาธารณะ ผ่านโซเชียลมีเดียวของตัวเองอยู่เสมอ ต้องยกให้ “พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ” วัดสร้อยทอง ซึ่งปัจจุบันเรียนปริญญาเอก สาขาวิชาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ วิจารณ์ประเด็นต่างๆ ตั้งแต่พุทธศาสนา การเมือง จนถึงข่าวดารา
มาดังสุดในปี 2563 สังเกตการณ์อยู่ในเหตุสลายม็อบ 16 ตุลาฯ ของกลุ่มคณะราษฎร กองเชียร์ฝ่ายประชาธิปไตยคนรุ่นใหม่ชื่นชมและชื่นชอบ ในทางกลับกันก็ถูกการเมืองฝั่งตรงข้ามโจมตีและยื่นร้องเอาผิดเรื่อยมา
เมื่อตามรอยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา พระเมธีวชิโรดม - “ว.วชิรเมธี” ก็คงเป็นหนึ่งรูปที่มีกระแสชื่นชม และไม่ชื่นชอบจากการเมืองฝักฝ่ายต่างๆอยู่เสมอเช่นกัน และอยู่ในประเด็นร้อนเสมอในเกือบทุกเรื่องในฐานะผู้นำทางความคิดของพุทธศาสนาจักรสายปัญญาชนและอยู่ในสื่อมายาวนาน ตั้งแต่ยุค 2.0
ส่วนรุ่นใหญ่ อาวุโสก็ต้องเป็น “พระพยอม กัลยาโณ” หรือ พระราชธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ที่ล่าสุด ขอบิณฑบาตชีวิต “เพนกวิน-รุ้ง” แกนนำราษฎร วอนเลิกอดอาหาร อยู่เพื่อฟ้าหลังฝน เพื่อมีชีวิตไว้ดูการเปลี่ยนแปลง แนะสู้ไป สร้างไป และเคยกล่าวถึงเรื่องกิจของสงฆ์ไว้ว่า
เมื่อถามว่าการพูดถึงการเมืองเป็นกิจของสงฆ์หรือไม่ สังคมไทยตอนนี้ใครแสดงความเห็นเข้าข้างใคร เห็นใจใคร ชอบใครก็ถูกประนาม ขาดความเป็นพระไปเลย ถามว่าเรื่องการเมืองเป็นกิจของสงฆ์หรือไม่ ถ้ามีคนมาถามก็เพียงแค่นำเสนอ ชี้แจงเพื่อไปสู่สิ่งที่ดีกว่า แต่อะไรที่นอกเหนือจากกฎระเบียบ ก็ต้องออกมาเตือนกัน นี่คือกิจของสงฆ์ที่พึงกระทำในการเป็นกลาง
พลาดไม่ได้ก็ต้องอดีตสายพระนักบู๊ที่ต้องบันทึกไว้ “พุทธะอิสระ” อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย และอดีตแกนนำ กปปส. จากในอดีต พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ ฉายาพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ พระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองระหว่างปี 2556 - 2557 พระพุทธะอิสระ เข้าร่วมชุมนุม กปปส.เพื่อเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระทั่งได้รับเป็นแกนนำกลุ่มกปปส. จนมีอิทธิพลในวงการเมืองมาถึงวันนี้ แม้ไม่ได้เป็นพระแล้วก็ตาม
พระรูปที่คาดไม่ถึงว่าจะถูกดึงมาเป็นประเด็นขัดแย้งทางการเมือง ในสังคมแบ่งขั้วได้ก็คือ กรณี “พระไพศาล” สอนธรรมะให้แง่คิดจากวิกฤตโควิด-19 ในหัวข้อ “โควิด คือ ของขวัญ” แต่กลับถูกนักเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งสองฝ่ายนำมาถกเถียงตีความทะเลาะกันในมุมของตัวเอง
แต่ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสังคมไทยในระดับบาดหมางถึงขั้นเข่นฆ่า ต้องระดับตำนานคนไทยไม่ลืม “กิตติวุฑโฒ ภิกขุ” ในช่วงก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ เคยกล่าวว่า “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป” ซึ่งถูกฝ่ายขวา อันได้แก่นวพล กลุ่มกระทิงแดงในสมัยนั้น นำไปใช้เป็นวาทกรรมโจมตีฝ่ายซ้าย และยุยงให้คนไทยเกลียดชังนิสิตนักศึกษา ที่ชุมนุมต่อต้านการกลับเข้าประเทศของ “จอมพล ถนอม กิตติขจร” ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำไปสู่การสังหารหมู่ในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19
นอกจากนี้ พระธรรมโกศาจารย์ หรือพุทธทาสภิกขุ ปราชญ์ทางพุทธศาสนาซึ่งได้รับการยอมรับนับถือจากทั่วโลก ยังเคยเสนอ ธัมมิกสังคมนิยม และเจตนารมณ์สังคมนิยมในพุทธศาสนา มาแล้วในอดีต
ว่าไปแล้ว ปัจจุบันทาง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชา ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้พระเถระ และเจ้าคณะปกครองหลายระดับส่งถึงวัดต่างๆ ในพื้นที่ ให้ดูแลภิกษุสามเณรให้อยู่ในธรรมวินัย งดการกระทำที่ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธา เช่น ห้ามวิพากษ์วิจารณ์เรื่องต่างๆ อย่างไม่เหมาะสม ส่อยั่วยุ ปลุกปั่น ก้าวร้าว กระทบกระเทือนความมั่นคงต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ห้ามเรื่องโลกวัชชะ ห้ามเดินทางไปในสถานที่ไม่ควรแก่บรรพชิต เป็นต้น
หากภิกษุผู้ใดประพฤติละเมิดจริยา ต้องได้รับโทษฐานละเมิดจริยา ตั้งแต่ภาคทัณฑ์ ตำหนิโทษ ปลดออกจากหน้าที่ หรือถอดถอนออกจากตำแหน่งหน้าที่ กระทั่งให้สึกออกจากการเป็นพระ