xs
xsm
sm
md
lg

ชาวสามเงาลุกฮือ! ต้านใบสั่งพระผู้ใหญ่บีบปลดเจ้าคณะอำเภอไม่เป็นธรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตาก - พุทธศาสนิกชนชาวสามเงาลุกฮือ..ลงชื่อกันแล้วเกือบ 2,000 คนต้านใบสั่งพระชั้นผู้ใหญ่บีบปลดเจ้าคณะอำเภอไม่เป็นธรรม ยันเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ แต่ไม่ได้เข้าหาพระปกครอง


วันนี้ (25 ส.ค.) ชาวบ้านหลายตำบลในพื้นที่ อ.สามเงาได้พากันเดินทางมาชุมนุมที่วัดสามเงาออก อ.สามเงา จ.ตาก เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้พระครูวิศาลกิจจานุวัตร หลังถูกพระผู้ใหญ่ในจังหวัดให้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ

นายประมาณ หุมอาจ ประธานคณะตัวแทนพุทธศาสนิกชนอำเภอสามเงา ได้อ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 1/2564 เรื่อง ขอทัดทานการเสนอแต่งตั้งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสามเงาในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 5 เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพระครูวิศาลกิจจานุวัตร เจ้าคณะอำเภอสามเงาไม่ได้รับความเป็นธรรม ว่า

ตามที่ได้มีการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งที่ 15/2564 และมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการผ่านสื่อมวลชนเรื่องการเสนอแต่งตั้งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 5 โดยเจ้าคณะภาค 5 ได้เสนอแต่งตั้งพระครูวิศาลกิจจานุวัตร เจ้าคณะอำเภอสามเงา ให้เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสามเงา เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ณ ศูนย์แถลงข่าวมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินั้น ได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยแก่บรรดาพุทธบริษัทในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอสามเงาเป็นอย่างมาก

เนื่องจากได้มีความพยายามที่จะให้พระครูวิศาลกิจจานุวัตร ฉายา อตฺตสาโร อายุ 71 พรรษา 51 วิทยฐานะ น.ธ.เอกวัดสามเงาออก ซึ่งเป็นพระสังฆาธิการผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสแก่พุทธศาสนิกชน พ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสามเงา โดยอาศัยอำนาจทางสงฆ์


กล่าวคือ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 พระครูวิศาลกิจจานุวัตรถูกบีบบังคับให้ต้องจำยอมลงลายมือชื่อในเอกสารที่มีการจัดเตรียมไว้แล้ว เพื่อให้พระครูวิศาลกิจจานุวัตรขอยกตนเองขึ้นเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสามเงา ทั้งๆ ที่พระครูวิศาลกิจจานุวัตรยังดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสามเงาและมิได้มีความสมัครใจแต่อย่างใด อันเป็นการกระทำที่ไม่มีความชอบธรรม ไม่ถูกต้องตามหลักนิติธรรมและไม่สอดคล้องกับพระวินัยที่ควรมีเมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่สมควรเกิดขึ้นกับพระสังฆาธิการที่ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอหรือแม้แต่พระภิกษุสงฆ์รูปใดๆ ก็ตามในทุกเขตการปกครองคณะสงฆ์

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพระครูวิศาลกิจจานุวัตรที่ดำรงตำแหน่งทางการปกครองคณะสงฆ์อำเภอสามเงามาเป็นเวลากว่า 20 ปี ทำให้คณะตัวแทนพุทธศาสนิกชนอำเภอสามเงาที่ทราบข่าวไม่อาจนิ่งเฉยต่อการกระทำดังกล่าวได้ จึงจำเป็นต้องมีหนังสือร้องเรียนเพื่อขอระงับการลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสามเงา จังหวัดตาก (พระครูวิศาลกิจจานุวัตร) ถึงส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกระดับชั้น ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 แต่เรื่องเงียบหายไป โดยยังไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจนถึงขณะนี้

ต่อมาได้มีการกล่าวอ้างถึงพระครูวิศาลกิจจานุวัตรในทางเสียหาย ความว่า..กำลังประสบปัญหาด้านสุขภาพจนเกิดความพิการและส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอไม่แข็งแรงอย่างเพียงพอที่จะปฏิบัติงานในเขตปกครองคณะสงฆ์ต่อไป ทำให้พระครูวิศาลกิจจานุวัตรต้องทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่ถูกกล่าวอ้างไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกระดับชั้น เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 พร้อมแนบใบรับรองแพทย์และภาพถ่ายประกอบไว้เป็นหลักฐาน


ด้านนายถวิล ต่ายโพธิ์ ไวยาวัจกรวัดสามเงาออก กล่าวว่า พระครูวิศาลกิจจานุวัตรเป็นที่เคารพศรัทธาของบรรดาพุทธบริษัท ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมาได้สร้างคุณูปการต่างๆ มากมายให้แก่บวรพุทธศาสนา รวมทั้งการสร้างความรักสมัครสมานสามัคคีกลมเกลียวให้เกิดขึ้นในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอสามเงา ที่ประกอบด้วยวัดจำนวน 26 แห่ง และสำนักสงฆ์จำนวน 22 แห่ง จนเป็นที่ประจักษ์แก่บรรดาพุทธบริษัทในการนำพาความสำเร็จมาสู่การทำนุบำรุงบวรพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองได้อย่างน่าชื่นชม

นอกจากนี้ พระครูวิศาลกิจจานุวัตรยังได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสามเงา จังหวัดตาก ด้วยความวิริยอุตสาหะอย่างเต็มกำลังความสามารถและสติปัญญาโดยปราศจากมลทินและความมัวหมอง ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ด้วยความมีเมตตาธรรมและศีลจารวัตรที่งดงามน่าเลื่อมใสในการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ

ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบันพระครูวิศาลกิจจานุวัตรยังมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง และไม่ทุพพลภาพหรือมีความพิการใดๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่อีกด้วย ซึ่งสมควรอย่างยิ่งที่จะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสามเงา จังหวัดตาก และเป็นหลักชัยให้แก่บรรดาพุทธบริษัทต่อไปจนกว่าจะครบวาระ

นางวิลาวัลย์ ปันสา พุทธศาสนิกชน อ.สามเงา กล่าวว่า ชาวบ้านทุกคนที่เดินทางมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ในจำนวนผู้ลงลายมือชื่อ 1,800 คน ที่สามารถเดินทางมาขอความเป็นธรรมให้แก่พระครูวิศาลกิจจานุวัตร ซึ่งเป็นพระสังฆาธิการผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาอย่างยาวนานในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอสามเงา จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่บรรดาพุทธบริษัทในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรือง พุทธศาสนิกชนอำเภอสามเงาจึงมีความประสงค์ขอทัดทานการเสนอแต่งตั้งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสามเงาในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 5 เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพระครูวิศาลกิจจานุวัตรตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสามเงาไม่ได้รับความเป็นธรรม ตามรายละเอียดดังนี้


1. เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ปรากฏต่อสาธารณชนกรณีพระครูวิศาลกิจจานุวัตรถูกบีบบังคับให้พ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสามเงา เพื่อเสนอแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสามเงาอย่างไม่มีความเหมาะสมไม่มีความชอบธรรมและไม่มีความสมัครใจแต่อย่างใด ซึ่งควรใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่เกิน 15 วัน

2. ระหว่างมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามข้อ 1 ควรมีการชะลอการเสนอแต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสามเงาและตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสามเงาไว้ก่อน ต่อมาหากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์อย่างแน่ชัดว่าพระครูวิศาลกิจจานุวัตรได้รับความไม่เป็นธรรมอันเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสามเงาจริง ควรคืนตำแหน่งให้ดังเดิม

นายเดชา เพชรชุม อดีตผู้ใหญ่บ้านคลองไม้แดง ต.ยกกระบัตร อ.สามเงา จ.ตาก กล่าวว่า กรณีพระครูวิศาลกิจจานุวัตรถูกบีบบังคับให้พ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสามเงาโดยอำนาจทางสงฆ์ เพื่อไปเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสามเงาอย่างไม่มีความสมัครใจ ส่งผลกระทบต่อจิตใจตลอดจนความรู้สึกของบรรดาพุทธบริษัทจำนวนมาก

ส่วนใหญ่ต่างไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งทางการปกครองคณะสงฆ์อย่างกะทันหันครั้งนี้ โดยอาจกล่าวได้ว่าไม่มีความเหมาะสมและไม่มีความชอบธรรมอย่างเพียงพอที่จะสามารถยอมรับได้ นอกจากนี้ยังไม่เป็นการยกย่องเชิดชูพระครูวิศาลกิจจานุวัตรตามคำกล่าวอ้างแต่อย่างใด


ขณะที่พระครูวิศาสกิจจานุวัตรเปิดเผยว่า หลายปีก่อนพระปกครองชั้นผู้ใหญ่มีความพยายามจะกล่าวให้ร้ายตนต่อหน้าคณะสงฆ์ เพราะไม่พอใจอาตมาที่ไม่ค่อยไปหา จนช่วงต้นปีอาตมาป่วยอาพาต หลังรักษาตัวเรียบร้อยก็มีคณะสงฆ์ 3 รูปนำเอกสารใบลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอที่พิมพ์เตรียมมาแล้ว มาให้ลงลายมือชื่อ เมื่อสอบถามข้ออธิกร คณะสงฆ์ทั้ง 3 รูปก็ตอบไม่ได้ แต่สุดท้ายก็บีบบังคับให้เซ็นชื่อ

“อย่างไรก็ตาม อยากบอกญาติโยมว่าตำแหน่งยศถานั้นไม่ใช่ปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาวงการสงฆ์ การจรรโลงพระศาสนา จะยังคงเป็นที่พึ่งแก่ญาติโยมต่อไป แม้จะถูกปลดจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอก็ตาม”
กำลังโหลดความคิดเห็น