สื่อเรียกธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ว่า ไฮโซลูกนัท ซึ่งฟังแล้วขัดเขินเป็นอันมาก เหมือนที่สื่อมักจะเรียกคนโน้นคนนี้ว่าไฮโซ ไม่รู้ว่าสื่อมีหลักอย่างไรที่จะขนานคำนำหน้าใครคนใดคนหนึ่งว่า ไฮโซ แต่ที่พอจะเข้าใจก็คือ สื่อมักจะใช้คำนี้กับคนรวยที่มีเงินมีทอง
ดร.ปาริชาติ ชุมสาย ณ อยุธยา เคยกล่าวถึงความหมายของไฮโซไว้ว่า
“ไฮโซที่เรียกกันทุกวันนี้มาจากคำว่า High Society หมายถึงบุคคลที่ใช้ชีวิตอย่างมีระดับ ส่วนมากจะสืบทอดมาจากเจ้านายหรือเชื้อพระวงศ์ในสมัยก่อน ซึ่งพร้อมด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ อำนาจ และทรัพย์สิน แต่มาสมัยปัจจุบัน คุณสมบัติที่จะเป็นไฮโซ นอกจากจะสืบทอดวงศ์ตระกูลที่ดีมาแต่ดั้งเดิมแล้ว ยังต้องมีการศึกษาที่ดี ตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี กิริยามารยาทดี และที่สำคัญคือต้องทำประโยชน์ให้กับสังคม ไฮโซไม่จำเป็นต้องมีเครื่องประดับหรูหราราคาแพง แล้วใส่ออกงานโชว์กันตามที่ต่างๆ ทุกคืน โดยที่ไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับสังคมเลย คนกลุ่มหลังนี้ส่วนมากก็แค่อยากดัง วันๆ เอาแต่กรีดกรายออกงานเพื่อที่จะเป็นข่าวในหน้านิตยสารเล่มต่างๆ เท่านั้น แต่คนที่เป็น “ไฮโซตัวจริง” เขาจะมีกิริยางดงามสมเป็น “ผู้ดี” และมีคุณสมบัติเพียบพร้อมจริงๆ”
อ่านความเห็นของดร.ปาริชาติแล้วเข้าใจว่า ไฮโซนั้นไม่ได้หมายความว่าถึงคนมีเงินเพียงอย่างเดียว แต่วันนี้ใครมีเงินใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าสื่อก็ขยายนามนำหน้าว่าไฮโซไปเสียหมด จนมีไฮโซเกลื่อนประเทศไทย แม้เราจะไม่ชอบการแบ่งชนชั้นทางสังคม แต่ก็ต้องยอมรับว่าชนชั้นนั้นมีอยู่จริง
ทราบกันอยู่แล้วว่า ธนัตถ์นั้นเป็นลูกชายของกิตติ ธนากิจอำนวย นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ กับอมรพิมล ลูกสาวคนที่สองของ ดร.อำนวย วีรวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ฯลฯ ดังนั้นธนัตถ์เป็นคนมีระดับและมีชนชั้นทางสังคมอย่างไม่ต้องสงสัย
เท่าที่ติดตามธนัตถ์เป็นคนที่มีความสนใจทางการเมือง ฟังเขาพูดหลายครั้งก็คิดว่าเขามีความรู้ความเข้าใจการเมืองไม่น้อย ตอนแรกผมไม่แปลกใจนะครับที่เขาเปลี่ยนขั้วจากการเคยร่วมกับ กปปส.จนมาสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมชุมนุมกับม็อบที่ต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์ เพราะผมคิดว่า การต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์ไม่ใช่เรื่องแปลก
เมื่อไม่กี่วันก่อนผมก็ได้ฟังด้วยหูตัวเอง เมื่อเขาเข้าไปร่วมพูดคุยกับทักษิณในคลับเฮาส์ คำแรกที่เขาพูดกับทักษิณก็คือ ขอโทษที่เคยก้าวล่วงทักษิณและขอโทษที่คิดว่าทักษิณเป็นคนไม่ดี
แต่ผมแปลกใจมากเมื่อพบว่า เขาไปไกลกว่านั้นจากการที่ต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์มาเป็นการแสดงออกในการล้อเลียนในหลวงรัชกาลที่ ๙
ตอนแรกผมก็เกือบเชื่อที่ธนัตถ์ออกมาแก้ตัวหลังจากมีคนกล่าวเขาว่ามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยธนัตถ์ โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ ว่า...
ความตลกคือ : สรุปว่า กู ตั้งใจไปทำตัวเองตาบอด เพื่อที่จะใส่สูท ถือกล้อง ล้อเลียน..?
คือทำไม การใส่สูท ที่เป็นเครื่องแต่งกายปกติ ตามรสนิยม แต่ละคน + ถือกล้อง ที่มีไว้ถ่ายรูป ถึง = ล้อเลียน? มึงบ้าปะ? ชอบใส่สูทแล้วอยากจะถ่ายรูปพร้อมกันไม่ได้ งี้หรอ?
งั้นคือ ต่อไปนี้ ประเทศนี้ ห้ามคนตาบอด 1 ข้าง ใส่สูทพร้อมถือกล้อง? ปัญญาอ่อนกันไปใหญ่
ปล่อยวางบ้างเถอะ ผมไม่ได้จะล้อเลียนใคร ผมแค่บังเอิญตาบอด 1 ข้าง แล้วชอบใส่สูท แล้ววันนี้จะถ่ายรูป เลยเอากล้องไป ขี้เกียจจะมาทะเลาะเป็นศัตรูกับใคร เอาเป็นว่าแล้วแต่จะสบายใจนะจ้ะ สลิ่มทั้งหลาย
ผมเกือบหลงไปกับข้อแก้ตัวของธนัตถ์นะครับ แต่มาคิดดูแล้วไม่น่าจะใช่ เพราะธนัตถ์ไม่เคยแต่งตัวแบบนี้มาก่อนในการเข้าร่วมกับม็อบ ไม่เคยสะพายกล้องแบบนี้ และปัจจุบันไม่มีใครเขาสะพายกล้องกันแล้วใช้แต่โทรศัพท์มือถือถ่ายกันยกเว้นจะเป็นพวกเล่นกล้องจริงๆ แต่ธนัตถ์มาร่วมชุมนุมทางการเมืองไม่ได้มาถ่ายรูปนี่
แม้ธนัตถ์จะแก้ตัวอย่างนั้น แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดไปอย่างที่ธนัตถ์แก้ตัว คนจำนวนมากจึงออกมาโพสต์รูปในหลวงรัชกาลที่ ๙ ใส่สูทสะพายกล้องกันเต็มไปหมดในโซเชียลมีเดีย
รวมถึงคุณอมรพิมล แม่ของธนัตถ์ที่ออกมาโพสต์รูปภาพในหลวงรัชกาลที่ ๙ พร้อมข้อความว่า “ขอเทิดทูนชั่วนิรันดร์” ตามด้วยมีคอมเมนต์จากคุณกิตติพ่อของธนัตถ์แบบชัดเจน ว่า “รับไม่ได้ใครมาลบหลู่ เลือดเนื้อเชื้อไขก็ต้องตัดทิ้ง”
แม้กระทั่งพ่อแม่ยังคิดแบบนี้ก็ย่อมชัดเจนว่าการที่สังคมพิพากษาว่า ธนัตถ์มีเจตนาอย่างไรไม่ใช่เรื่องที่เกินเลย
แต่ทั้งนั้นเราจะไปคาดคั้นเอาผิดกับธนัตถ์ก็ยากถ้าเขายืนกรานว่า ไม่มีเจตนาเสียอย่าง แต่เมื่อเขาประกาศตัดญาติกับครอบครัวตัวเอง กล่าวหาว่า ครอบครัวเป็นสลิ่มและประกาศให้ช่วยตั้งนามสกุลให้เขาใหม่นั่นแหละความจริงจึงปรากฏว่า ที่เขาแต่งตัวแบบนั้นเพราะมีเจตนาต้องการจะล้อเลียนจริงๆ
เพราะเมื่อปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ เข้ามาโพสต์นามสกุลใหม่ให้ “.............” ซึ่งเป็นคำที่ชัดเจนว่า มีเจตนาอาฆาตมาดร้ายต่อราชวงศ์จักรี ธนัตถ์ตอบทันทีว่า “โห ชอบมาก” แล้วยังโพสต์ถามกลับว่า สำนักงานเขต เค้าจะอนุญาตให้ใช้ได้จริงๆ มั้ยครับอาจารย์
ไม่เพียงเท่านั้นในวันรุ่งขึ้นธนัตถ์ตอบคำถามสื่อที่ถามเรื่องจะตั้งนามสกุลใหม่ โดยเขาย้ำว่า เขาชอบนามสกุลที่ปวินตั้งให้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ธนัตถ์มีความมุ่งหมายเช่นไรต่อราชวงศ์จักรี คำแก้ตัวของธนัตถ์เรื่องไม่มีเจตนาที่จะล้อเลียนจึงฟังไม่ขึ้นอีกต่อไป
สำหรับผมแล้วใครจะมีความคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างไรนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ว่าคุณจะเป็นซ้ายหรือขวา ไม่ว่าจะนิยมชมชอบการปกครองในระบอบไหนก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคนคนนั้น เพื่อนเก่าหลายคนวันนี้นิยมทักษิณมีทั้งที่ลิมิตอยู่แค่นี้และไปไกลถึงขั้นไม่เอาสถาบันกษัตริย์ แต่สำหรับบ้านเมืองแล้วย่อมมีกฎหมายที่จะปกป้องระบอบของรัฐปกป้องประมุขของรัฐ การแสดงออกทางการเมืองที่มุ่งหวังจะเปลี่ยนแปลงระบอบและก้าวล่วงต่อประมุขของรัฐ จึงมีความผิดทางกฎหมาย
แต่สำหรับครอบครัวพ่อแม่ของธนัตถ์ ผมชื่นชมนะครับ ตอนแรกนั้นมีข่าวธนัตถ์เองว่าพ่อแม่ครอบครัวไม่เห็นด้วยกับการออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มที่มีจุดมุ่งหมายต่อสถาบันกษัตริย์ แต่เมื่อธนัตถ์ประสบเหตุจากการร่วมชุมนุมทำให้ตาบอดข้างหนึ่ง พ่อแม่และครอบครัวก็ออกมาปกป้องธนัตถ์ซึ่งเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ทุกคน แต่เมื่อธนัตถ์ไปไกลถึงก้าวล่วงต่อสถาบันกษัตริย์ พ่อแม่จึงแสดงจุดยืนของตัวเองออกมาว่ามีความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์เช่นเดียวกับคนไทยส่วนใหญ่
ผมคิดว่า ธนัตถ์เลือกทางเดินของตัวเองแล้ว ดูเหมือนเขาจะเป็นคนมุ่งมั่นที่ไม่มีวันจะถอยกลับ แม้เราเห็นว่าวันหนึ่งเขามีจุดยืนทางการเมืองอย่างหนึ่งแล้วพลิกขั้วไปอีกทางหนึ่งก็ตาม เชื่อว่าเขาจะเดินไปสุดทางของเขา แม้แต่พ่อแม่และครอบครัวเขาก็พร้อมจะสละ หากจะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างกับพวกยุวชนเรดการ์ดที่คลั่งไคล้ลัทธิเหมาเลย
สงสารแต่พ่อแม่นั่นแหละครับ แม้ธนัตถ์จะบอกว่าเขายังรักแม่และน้องสาวของเขาก็ตาม แต่ธนัตถ์วันนี้ไม่ใช่ลูกชายคนเดิมของครอบครัวอีกแล้ว
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan