ผู้จัดการรายวัน 360 - "ในหลวง" ทรงรับจนท.กู้ภัยเสียชีวิต เหตุไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์-พระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ พร้อมรับผู้บาดเจ็บเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ขณะที่เพลิงปะทุอีกรอบ ก่อนจะควบคุมเพลิงไว้ได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชม. กรมควบคุมมลพิษ เผยบ้านเรือน ปชช.เสียหาย 100 หลัง บาดเจ็บ 40 คน เสียชีวิต 1 ราย เฝ้าระวังใกล้ชิดภายในรัศมี 1 กม. ระยะเวลา 3 วัน กรมโรงงานฯ ส่งรถโมบายเคลื่อนที่ตรวจวัดอากาศ นายกฯ ยันดูแลผู้ได้รับความเสียหายเร่งด่วน ส.อ.ท.ชี้ช่องรัฐจัดระเบียบโรงงานหนีออกจากชุมชน
จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บสารเคมีระเบิดภายในบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก ตั้งอยู่เลขที่ 87 หมู่ 15 ซอยกิ่งแก้ว 21 ถนนกิ่งแก้ว ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยแรงอัดทำให้บ้านเรือนและโรงงานที่อยู่โดยรอบรัศมี 500 เมตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดสามารถควบคุมเพลิงได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีบ้านเรือนประชาชนเสียหาย 100 หลัง ผู้บาดเจ็บ 40 ราย ผู้เสียชีวิต 1 ราย ขณะนี้เพลิงสงบแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังการปะทุของไฟอย่างต่อเนื่อง
วานนี้ (6 ก.ค.) เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และเชิญพวงมาลาหลวง พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพวงมาลาของเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ไปวางหน้าหีบศพ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธุ์ อายุ 19 ปี หรือ พอส เจ้าหน้าที่อาสาสมัครฯหน่วยสมเด็จเจ้าพระยา ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ระงับเหตุเพลิงไหม้ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ณ วัดทุ่งครุ ศาลา 5 ซอยประชาอุทิศ 48 ถนนทุ่งครุ แขวงและเขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ พร้อมทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์โดยตลอด และพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ
ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ ครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เชิญตะกร้าสิ่งของพระราชทานไปมอบแด่ผู้บาดเจ็บ ทุกรายตามโรงพยาบาลต่าง เพื่อเป็นขวัญและกำลังแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์
สำหรับประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนตามจุดต่างๆ พระราชทานถุงยังชีพและสิ่งของใช้จำเป็นขั้นพื้นฐาน พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย เพื่อตรวจหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19)เชิงรุก แก่ผู้ประสบเหตุทุกราย
การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้นำมาซึ่งความปลื้มปิติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แก่ครอบครัวผู้สูญเสีย ผู้ได้รับบาดเจ็บ และประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างหาที่สุดมิได้
เพลิงลุกโหมโรงงานกิ่งแก้วอีกรอบ
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า เวลา 17.16 น. โรงงานผลิตโฟมพลาสติก ซอยกิ่งแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปรการ ที่สงบลง ได้กลับมาปะทุอีกครั้ง ควันดำลุกโหมหนัก บวกกับลมฝนพัดนำควันไปหาชุมชน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงรีบระดมพลควบคุมเพลิง เตือนประชาชนถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัยขอให้อพยพออก และในขณะนี้เกิดฝนตกเม็ดใหญ่ ซึ่งหากน้ำฝนกับควันที่เกิดจากสารเคมี จะทำให้เป็นฝนพิษ เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
ต่อมาเวลาประมาณ 17.30น. เจ้าหน้าที่ได้ใช้โฟมควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงจัดกำลังสแตนบายใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อคอยเฝ้าระวังการปะทุอีกครั้งต่อไป
คพ.เข้าเฝ้าระวังสารเคมีรัศมี 1 กม
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า ในรัศมี 1 กิโลเมตรแรกจะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษโดยเฉพาะสารเคมีที่ต้องระวัง คือ โซเว้นท์ที่ติดไฟได้ง่าย และสารสไตรีนโมโนเมอร์ ที่ใช้เป็นองค์ประกอบทำเม็ดพลาสติก เมื่อเกิดลุกไหม้ไฟจะปลดปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ทั้งนี้ จากการตรวจคุณภาพอากาศในพื้นที่พบกลับสู่สภาวะปกติแล้ว จึงกำลังพิจารณาเรื่องลดพื้นที่เพื่อให้ประชาชนกลับมายังที่อยู่อาศัยได้ โดยคพ.จะต้องเฝ้าติดตามด้านมลพิษต่อเนื่อง 3 วัน ขณะนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงหากมีฝนตกลงมาอาจจะชะล้างสารเคมีลงใต้ดินแหล่งน้ำหรือท่อระบายน้ำได้
กรอ.ส่งรถโมบายตรวจวัดอากาศ
นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวว่า กรอ.ได้นำรถตรวจวัดคุณภาพอากาศเคลื่อนที่(รถโมบาย) ไปตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณโรงงานบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด บริเวณใกล้เคียงโรงงาน โดยจะเร่งประมวลผล และภายในวันนี้กรอ.จะแจ้งผลตรวจสอบคุณภาพอากาศผ่านเว็บไซต์ของกรอ. www.diw.go.th เรียลไทน์ 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ลงพื้นที่และตรวจวัดค่ามาตรฐานการควบคุมระบายน้ำทิ้ง – น้ำเสียบริเวณใกล้เคียงโรงงานบริษัท หมิงตี้ฯ แล้วเช่นกันว่า มีมาตรฐานสารต่างๆ เป็นอย่างไร เนื่องจากการควบคุมเพลิง ต้องใช้น้ำ ใช้โฟมเป็นจำนวนมาก อาจมีการไหลลงสู่คลองน้ำบริเวณดังกล่าวได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำใช้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งทางกรมโรงงานอุตสาหกรรม จะเร่งแก้ปัญหา และดำเนินการตามกฎหมาย กับโรงงานบริษัท หมิงตี้ต่อไป
กรมควบคุมโรคส่ง จนท. คัดกรองสุขภาพ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่ากรมควบคุมโรค มอบหมายให้กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ของควันพิษอย่างต่อเนื่อง พร้อมทีมลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานในส่วนภูมิภาค ได้แก่ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จ.ชลบุรี ให้ลงพื้นที่คัดกรองสุขภาพผู้ที่ได้รับผลกระทบในรัศมีที่เกี่ยวข้องในวันที่ 6-7 ก.ค.นี้ เพื่อประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยอีกครั้ง
นพ.โอภาส กล่าวว่า สารเคมีที่ทำให้เกิดควันพิษในครั้งนี้คือ สารเคมีสไตรีนโมโนเมอร์ เป็นสารเคมีที่มีลักษณะเป็นของเหลว ใส ไม่มีสี แต่มีกลิ่นเฉพาะตัว สามารถกลายเป็นไอระเหยและลุกติดไฟได้ นอกจากนี้พิษจากสารเคมีอื่นๆ ที่เกิดจากการเผาไหม้สไตรีน ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ควันดำ ฝุ่น PM10 และ PM2.5 หากสูดดมเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ
หากประชาชนอยู่ในรัศมี 5 กม.ให้อพยพด่วนที่สุด รัศมี 7 กม.ให้เฝ้าระวังสูงสุด และรัศมี 10 กม.ให้เฝ้าระวัง ซึ่งควันพิษอาจส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีความเสี่ยงป่วยจาก 4 กลุ่มโรค ดังนี้ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ กลุ่มโรคตาอักเสบ
ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคปอด หอบหืด ภูมิแพ้ หากได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงมากกว่าประชาชนทั่วไป
กปน. ยัน ไม่กระทบคุณภาพน้ำ
เพจ "สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 กรมประชาสัมพันธ์" ได้โพสต์ชี้แจงจาก นายรักษ์ศักดิ์ สุริยหาร รองผู้ว่าการ (ผลิตและส่งน้ำ) การประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า กปน. ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำให้ประชาชนคลายความกังวลว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อคุณภาพน้ำประปาของ กปน.
โดยพื้นที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากแหล่งน้ำดิบ โรงงานผลิตน้ำประปา ของ กปน. และคลองประปา มากกว่า 30 กิโลเมตร ซึ่งอยู่นอกพื้นที่เสี่ยงภัย อีกทั้ง มีแผนรับมือเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นไว้พร้อมแล้ว
นายรักษ์ศักดิ์ กล่าวย้ำว่า กปน. ขอยืนยันว่าน้ำประปาที่ผลิตจากโรงงานผลิตน้ำ จะถูกลำเลียงด้วยระบบปิด ผ่านทางท่อประปา ซึ่งเป็นไปตามแผนน้ำประปาปลอดภัย หรือ water safety plan (WSP) สารเคมีไม่สามารถปนเปื้อนในน้ำประปาได้ ประกอบกับขณะนี้ กปน ได้ทำการตรวจสอบแนวท่อประปาบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ พบว่าไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าน้ำประปาของ กปน. สะอาด ปลอดภัย
"บิ๊กตู่" ยันดูแลผู้ได้รับความเสียหายเร่งด่วน
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณและชื่นชม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ และทุกภาคส่วนทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ โดยเฉพาะแผนการเข้าปิดวาล์วที่เป็นจุดสำคัญของไฟสำเร็จด้วยการทำงานร่วมกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ แต่อย่างไรก็ตามยังต้องควบคุมเฝ้าระวังการปะทุและความร้อนอย่างต่อเนื่องต่อไปด้วยการฉีดน้ำลดอุณหภูมิ
ส.อ.ท.ชี้ช่องจัดระเบียบรง.ออกจากชุมชน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงาน หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด จนกระทบเป็นวงกว้าง ว่า รัฐควรจะจัดระเบียบโรงงานที่มีปัญหาความเสี่ยงต่อมลพิษและอันตรายต่อชุมชนด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมให้ย้ายไปอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโดยการออกมาตรการที่เป็นการสร้างแรงจูงใจเช่น การยกเว้นค่าธรรมเนียมภาษีที่ดิน 2% และการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นต้น ส่วนธุรกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ที่มีทุนน้อยรัฐควรจะพัฒนานิคมฯสำหรับเอสเอ็มอีขึ้นมาโดยเฉพาะแล้วคิดราคาที่ดินในอัตราที่ต่ำ
กรอ.เร่งสอบหากพบผิดพร้อมดำเนินคดี
นายวีระกิตติ์ รันทกิจธนวัชร์ รองอธิบดี กรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.)กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานหมิงตี้ฯ พบว่า โรงงานเครื่องจักรเสียหายทั้งหมด และมีสารเคมีตกค้างอยู่ประมาณ 4 -5 ถัง ที่คาดว่าน่าจะเป็นสารเพนเทนซึ่งองค์ประกอบทางสารเคมีน่าจะเสียหายหมดแล้ว โดยสารเคมีดังกล่าวจะต้องส่งไปทำลายทั้งหมด อย่างไรก็ตามสารตกค้างยังมีความร้อนต้องฉีดน้ำเลี้ยงไว้ตลอดเพื่อป้องกันการกลับมาปะทุ ขณะที่สารที่ยังคงเหลือคือสไตรรีนราว 1,600 ตัน
“ กรอ.อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งจะต้องดูทั้งพ.ร.บ.โรงงานและ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ว่าได้มีการกำหนดในเรื่องของการจัดเก็บและการผลิตไว้ระดับใดหากพบว่ามีการจัดเก็บเกินหรือผิดจากที่แจ้งไว้ก็จะต้องดำนินคดีตามกฏหมายต่อไป” นายวีระกิตติ์กล่าว
"ธรรมนัส" แจงลงพื้นที่โรงงานกิ่งแก้ว
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวชี้แจงกรณีที่สังคมตั้งคำถามว่า ตนเองลงพื้นที่เหตุเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล ว่า ความจริงแล้ว ตนมีทีมงานอยู่ในพื้นที่ ตั้งแต่ตี 5 ของวันที่เกิดเหตุ ทีมงานรายงานตนเองตลอด และเมื่อพบว่าช่วงกลางวันถึงหัวค่ำเพลิงไม่มีวี่แววว่าจะสงบลง จึงมีการประสาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกับตน เขาอยากให้ตนลงมาในพื้นที่ไปดู เพราะมีการประสานงานกับหน่วยงานของรัฐหลายๆ หน่วยงาน และตัวของผู้ว่าราชการจังหวัด ก็อยู่ในพื้นที่ตลอด ไม่มีใครลงไปช่วย
ส่วนกระแสวิพากวิจารณ์ ที่มีการเชื่อมโยงว่าการออกไปแอคชั่นครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับการไปนั่งตำแหน่ง รมว.มหาดไทย นั้นไม่เกี่ยวกัน ตนลงไปในนามพรรคพลังประชารัฐ เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของพรรคพลังประชารัฐ ทำงานในเรื่องของจิตอาสา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ตนทำมาโดยตลอดอยู่แล้ ว ขอให้แยกประเด็นกันด้วย พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้ใช้โอกาสนี้ฉวยโอกาสหาเสียง ไม่มีเรื่องของการเมือง เป็นเรื่องของการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนล้วนๆ
"คือ ถ้าผมดัดจริตไปทำครั้งนี้ ครั้งแรกมันไม่ใช่ เราทำเรื่องนี้มาตลอดอยู่แล้วในเรื่องของการช่วยเหลือความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน"ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บสารเคมีระเบิดภายในบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก ตั้งอยู่เลขที่ 87 หมู่ 15 ซอยกิ่งแก้ว 21 ถนนกิ่งแก้ว ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยแรงอัดทำให้บ้านเรือนและโรงงานที่อยู่โดยรอบรัศมี 500 เมตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดสามารถควบคุมเพลิงได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีบ้านเรือนประชาชนเสียหาย 100 หลัง ผู้บาดเจ็บ 40 ราย ผู้เสียชีวิต 1 ราย ขณะนี้เพลิงสงบแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังการปะทุของไฟอย่างต่อเนื่อง
วานนี้ (6 ก.ค.) เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และเชิญพวงมาลาหลวง พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพวงมาลาของเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ไปวางหน้าหีบศพ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธุ์ อายุ 19 ปี หรือ พอส เจ้าหน้าที่อาสาสมัครฯหน่วยสมเด็จเจ้าพระยา ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ระงับเหตุเพลิงไหม้ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ณ วัดทุ่งครุ ศาลา 5 ซอยประชาอุทิศ 48 ถนนทุ่งครุ แขวงและเขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ พร้อมทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์โดยตลอด และพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ
ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ ครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เชิญตะกร้าสิ่งของพระราชทานไปมอบแด่ผู้บาดเจ็บ ทุกรายตามโรงพยาบาลต่าง เพื่อเป็นขวัญและกำลังแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์
สำหรับประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนตามจุดต่างๆ พระราชทานถุงยังชีพและสิ่งของใช้จำเป็นขั้นพื้นฐาน พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย เพื่อตรวจหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19)เชิงรุก แก่ผู้ประสบเหตุทุกราย
การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้นำมาซึ่งความปลื้มปิติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แก่ครอบครัวผู้สูญเสีย ผู้ได้รับบาดเจ็บ และประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างหาที่สุดมิได้
เพลิงลุกโหมโรงงานกิ่งแก้วอีกรอบ
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า เวลา 17.16 น. โรงงานผลิตโฟมพลาสติก ซอยกิ่งแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปรการ ที่สงบลง ได้กลับมาปะทุอีกครั้ง ควันดำลุกโหมหนัก บวกกับลมฝนพัดนำควันไปหาชุมชน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงรีบระดมพลควบคุมเพลิง เตือนประชาชนถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัยขอให้อพยพออก และในขณะนี้เกิดฝนตกเม็ดใหญ่ ซึ่งหากน้ำฝนกับควันที่เกิดจากสารเคมี จะทำให้เป็นฝนพิษ เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
ต่อมาเวลาประมาณ 17.30น. เจ้าหน้าที่ได้ใช้โฟมควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงจัดกำลังสแตนบายใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อคอยเฝ้าระวังการปะทุอีกครั้งต่อไป
คพ.เข้าเฝ้าระวังสารเคมีรัศมี 1 กม
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า ในรัศมี 1 กิโลเมตรแรกจะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษโดยเฉพาะสารเคมีที่ต้องระวัง คือ โซเว้นท์ที่ติดไฟได้ง่าย และสารสไตรีนโมโนเมอร์ ที่ใช้เป็นองค์ประกอบทำเม็ดพลาสติก เมื่อเกิดลุกไหม้ไฟจะปลดปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ทั้งนี้ จากการตรวจคุณภาพอากาศในพื้นที่พบกลับสู่สภาวะปกติแล้ว จึงกำลังพิจารณาเรื่องลดพื้นที่เพื่อให้ประชาชนกลับมายังที่อยู่อาศัยได้ โดยคพ.จะต้องเฝ้าติดตามด้านมลพิษต่อเนื่อง 3 วัน ขณะนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงหากมีฝนตกลงมาอาจจะชะล้างสารเคมีลงใต้ดินแหล่งน้ำหรือท่อระบายน้ำได้
กรอ.ส่งรถโมบายตรวจวัดอากาศ
นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวว่า กรอ.ได้นำรถตรวจวัดคุณภาพอากาศเคลื่อนที่(รถโมบาย) ไปตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณโรงงานบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด บริเวณใกล้เคียงโรงงาน โดยจะเร่งประมวลผล และภายในวันนี้กรอ.จะแจ้งผลตรวจสอบคุณภาพอากาศผ่านเว็บไซต์ของกรอ. www.diw.go.th เรียลไทน์ 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ลงพื้นที่และตรวจวัดค่ามาตรฐานการควบคุมระบายน้ำทิ้ง – น้ำเสียบริเวณใกล้เคียงโรงงานบริษัท หมิงตี้ฯ แล้วเช่นกันว่า มีมาตรฐานสารต่างๆ เป็นอย่างไร เนื่องจากการควบคุมเพลิง ต้องใช้น้ำ ใช้โฟมเป็นจำนวนมาก อาจมีการไหลลงสู่คลองน้ำบริเวณดังกล่าวได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำใช้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งทางกรมโรงงานอุตสาหกรรม จะเร่งแก้ปัญหา และดำเนินการตามกฎหมาย กับโรงงานบริษัท หมิงตี้ต่อไป
กรมควบคุมโรคส่ง จนท. คัดกรองสุขภาพ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่ากรมควบคุมโรค มอบหมายให้กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ของควันพิษอย่างต่อเนื่อง พร้อมทีมลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานในส่วนภูมิภาค ได้แก่ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จ.ชลบุรี ให้ลงพื้นที่คัดกรองสุขภาพผู้ที่ได้รับผลกระทบในรัศมีที่เกี่ยวข้องในวันที่ 6-7 ก.ค.นี้ เพื่อประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยอีกครั้ง
นพ.โอภาส กล่าวว่า สารเคมีที่ทำให้เกิดควันพิษในครั้งนี้คือ สารเคมีสไตรีนโมโนเมอร์ เป็นสารเคมีที่มีลักษณะเป็นของเหลว ใส ไม่มีสี แต่มีกลิ่นเฉพาะตัว สามารถกลายเป็นไอระเหยและลุกติดไฟได้ นอกจากนี้พิษจากสารเคมีอื่นๆ ที่เกิดจากการเผาไหม้สไตรีน ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ควันดำ ฝุ่น PM10 และ PM2.5 หากสูดดมเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ
หากประชาชนอยู่ในรัศมี 5 กม.ให้อพยพด่วนที่สุด รัศมี 7 กม.ให้เฝ้าระวังสูงสุด และรัศมี 10 กม.ให้เฝ้าระวัง ซึ่งควันพิษอาจส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีความเสี่ยงป่วยจาก 4 กลุ่มโรค ดังนี้ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ กลุ่มโรคตาอักเสบ
ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคปอด หอบหืด ภูมิแพ้ หากได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงมากกว่าประชาชนทั่วไป
กปน. ยัน ไม่กระทบคุณภาพน้ำ
เพจ "สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 กรมประชาสัมพันธ์" ได้โพสต์ชี้แจงจาก นายรักษ์ศักดิ์ สุริยหาร รองผู้ว่าการ (ผลิตและส่งน้ำ) การประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า กปน. ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำให้ประชาชนคลายความกังวลว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อคุณภาพน้ำประปาของ กปน.
โดยพื้นที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากแหล่งน้ำดิบ โรงงานผลิตน้ำประปา ของ กปน. และคลองประปา มากกว่า 30 กิโลเมตร ซึ่งอยู่นอกพื้นที่เสี่ยงภัย อีกทั้ง มีแผนรับมือเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นไว้พร้อมแล้ว
นายรักษ์ศักดิ์ กล่าวย้ำว่า กปน. ขอยืนยันว่าน้ำประปาที่ผลิตจากโรงงานผลิตน้ำ จะถูกลำเลียงด้วยระบบปิด ผ่านทางท่อประปา ซึ่งเป็นไปตามแผนน้ำประปาปลอดภัย หรือ water safety plan (WSP) สารเคมีไม่สามารถปนเปื้อนในน้ำประปาได้ ประกอบกับขณะนี้ กปน ได้ทำการตรวจสอบแนวท่อประปาบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ พบว่าไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าน้ำประปาของ กปน. สะอาด ปลอดภัย
"บิ๊กตู่" ยันดูแลผู้ได้รับความเสียหายเร่งด่วน
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณและชื่นชม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ และทุกภาคส่วนทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ โดยเฉพาะแผนการเข้าปิดวาล์วที่เป็นจุดสำคัญของไฟสำเร็จด้วยการทำงานร่วมกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ แต่อย่างไรก็ตามยังต้องควบคุมเฝ้าระวังการปะทุและความร้อนอย่างต่อเนื่องต่อไปด้วยการฉีดน้ำลดอุณหภูมิ
ส.อ.ท.ชี้ช่องจัดระเบียบรง.ออกจากชุมชน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงาน หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด จนกระทบเป็นวงกว้าง ว่า รัฐควรจะจัดระเบียบโรงงานที่มีปัญหาความเสี่ยงต่อมลพิษและอันตรายต่อชุมชนด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมให้ย้ายไปอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโดยการออกมาตรการที่เป็นการสร้างแรงจูงใจเช่น การยกเว้นค่าธรรมเนียมภาษีที่ดิน 2% และการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นต้น ส่วนธุรกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ที่มีทุนน้อยรัฐควรจะพัฒนานิคมฯสำหรับเอสเอ็มอีขึ้นมาโดยเฉพาะแล้วคิดราคาที่ดินในอัตราที่ต่ำ
กรอ.เร่งสอบหากพบผิดพร้อมดำเนินคดี
นายวีระกิตติ์ รันทกิจธนวัชร์ รองอธิบดี กรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.)กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานหมิงตี้ฯ พบว่า โรงงานเครื่องจักรเสียหายทั้งหมด และมีสารเคมีตกค้างอยู่ประมาณ 4 -5 ถัง ที่คาดว่าน่าจะเป็นสารเพนเทนซึ่งองค์ประกอบทางสารเคมีน่าจะเสียหายหมดแล้ว โดยสารเคมีดังกล่าวจะต้องส่งไปทำลายทั้งหมด อย่างไรก็ตามสารตกค้างยังมีความร้อนต้องฉีดน้ำเลี้ยงไว้ตลอดเพื่อป้องกันการกลับมาปะทุ ขณะที่สารที่ยังคงเหลือคือสไตรรีนราว 1,600 ตัน
“ กรอ.อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งจะต้องดูทั้งพ.ร.บ.โรงงานและ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ว่าได้มีการกำหนดในเรื่องของการจัดเก็บและการผลิตไว้ระดับใดหากพบว่ามีการจัดเก็บเกินหรือผิดจากที่แจ้งไว้ก็จะต้องดำนินคดีตามกฏหมายต่อไป” นายวีระกิตติ์กล่าว
"ธรรมนัส" แจงลงพื้นที่โรงงานกิ่งแก้ว
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวชี้แจงกรณีที่สังคมตั้งคำถามว่า ตนเองลงพื้นที่เหตุเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล ว่า ความจริงแล้ว ตนมีทีมงานอยู่ในพื้นที่ ตั้งแต่ตี 5 ของวันที่เกิดเหตุ ทีมงานรายงานตนเองตลอด และเมื่อพบว่าช่วงกลางวันถึงหัวค่ำเพลิงไม่มีวี่แววว่าจะสงบลง จึงมีการประสาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกับตน เขาอยากให้ตนลงมาในพื้นที่ไปดู เพราะมีการประสานงานกับหน่วยงานของรัฐหลายๆ หน่วยงาน และตัวของผู้ว่าราชการจังหวัด ก็อยู่ในพื้นที่ตลอด ไม่มีใครลงไปช่วย
ส่วนกระแสวิพากวิจารณ์ ที่มีการเชื่อมโยงว่าการออกไปแอคชั่นครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับการไปนั่งตำแหน่ง รมว.มหาดไทย นั้นไม่เกี่ยวกัน ตนลงไปในนามพรรคพลังประชารัฐ เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของพรรคพลังประชารัฐ ทำงานในเรื่องของจิตอาสา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ตนทำมาโดยตลอดอยู่แล้ ว ขอให้แยกประเด็นกันด้วย พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้ใช้โอกาสนี้ฉวยโอกาสหาเสียง ไม่มีเรื่องของการเมือง เป็นเรื่องของการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนล้วนๆ
"คือ ถ้าผมดัดจริตไปทำครั้งนี้ ครั้งแรกมันไม่ใช่ เราทำเรื่องนี้มาตลอดอยู่แล้วในเรื่องของการช่วยเหลือความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน"ร.อ.ธรรมนัส กล่าว