ไม่น่าเชื่อ...แต่ก็คงต้องเชื่อนั่นแหละทั่น!!! ว่าเมื่อระดับ “ซุป’ตาร์” อย่างคุณพี่ “คริสเตียโน โรนัลโด” เจ้าของรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยม “บัลลงดอร์” (Ballon d’Or) ไม่รู้กี่สมัยต่อกี่สมัย แถมยังเพิ่งซัลโวประตูทีมฟุตบอลฮังการีไปถึง 2 ประตูซ้อนๆ ใน “ศึกยูโร-2020” เมื่อไม่กี่วันมานี้ แค่ออกอาการ “ขยับขวดโค้ก” หรือหยิบขวด “น้ำดำ” ยี่ห้อ “โคคา-โคลา” ออกจากโต๊ะแถลงข่าว แล้วชวนให้ใครต่อใครไปดื่มน้ำดื่มบริสุทธิ์กันแทนที่ ถึงกับเกิดข่าวคราวตามมาว่า “หุ้นบริษัทโคคา-โคลา” เกิดอาการหัวทิ่ม-หัวตำ ตกจากหอคอย่นไปถึงประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์ เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
คือถ้าว่ากันตาม “ข่าวล่า-มาเรือ” ของสำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮา...เห็นว่าหุ้นโคคา-โคลา ที่เคยมีราคาอยู่ที่หุ้นละประมาณ 56.10 ดอลลาร์ จู่ๆ ก็ร่วงกราวลงมาดื้อๆ หลังการ “ขยับขวดโค้ก” ของ “โรนัลโด” เหลืออยู่แค่หุ้นละประมาณ 55.22 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าหุ้นโดยรวมของบริษัท ที่เคยอยู่ที่ประมาณ 242,000 ล้านดอลลาร์ เหลือมูลค่าอยู่เพียงแค่ 238,000 ล้านดอลลาร์ หรือเกิดอาการหายวับไปกับตาถึงกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์เป็นอย่างน้อย ส่วนจะเกี่ยวโดยตรง โดยอ้อม กับกรณี “ขยับขวดโค้ก” ของ “โรนัลโด” หรือไม่ อย่างไร ก็ยากจะอธิบาย...
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ... “ซุป’ตาร์” ระดับรองๆ ลงมาอย่างคุณพี่ “พอล ป็อกบา” กองหน้า-กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ก็เริ่มเอามั่งแล้ว!!! หรือเริ่มตามรอยเท้า รอยตีน ของคุณพี่ “โรนัลโด” ด้วยการ “ขยับขวดเบียร์ไฮเนเก้น” ออกจากโต๊ะแถลงข่าว จะด้วยเหตุเพราะ “มุสลิม” ไม่ดื่มเบียร์ หรือถูกห้ามไม่ให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใดๆ ทั้งสิ้น หรือไม่ อย่างไร ก็คงต้องไปสรุปกันเอาเอง แต่ถ้าหากวันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ราคาหุ้นของเบียร์ไฮเนเก้น เกิดหัวทิ่ม หัวตำ เข้าไปอีกดอก อันนี้...เห็นทีคงต้องสรุปกันอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ว่าอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช ของบรรดาพวก “ซุป’ตาร์” หรือพวก “คนดัง” ในทุกวันนี้ น่าจะเป็นอะไรที่ประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาด...
ก็เหมือนบ้านเราในทุกวันนี้นั่นแหละทั่น...ถ้าหากเป็นดารา เป็นนักร้อง ศิลปิน นักแสดง ไม่ว่ารุ่นเก่า รุ่นใหม่ ขอให้แค่โด่งดังพอประมาณ ก็สามารถสร้างความสั่นสะเทือน เลื่อนลั่น ใน “โลกเสมือนจริง” โลกโซเชียล มีเดีย อย่างเอาเรื่อง เอาราว ยิ่งกว่ายุคก่อนๆ หรือยุคเมื่อครั้งอดีต ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า อากัปกิริยา ความเคลื่อนไหว ท่าที และทัศนคติของบรรดาบุคคลเหล่านี้ ที่มักปรากฏให้เห็นในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรืออินสตราแกรม ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย เผลอๆ...อาจก่อให้เกิด “ผลข้างเคียง” หรือ “ผลกระทบ” ที่หนักหนา-สาหัส หนักหน่วงรุนแรงกว่าที่ใครต่อใครเคยคาดๆ กันเอาไว้ เอาเลยก็ไม่แน่!!!
เหมือนอย่างดารา นักร้อง นักแสดง “ไต้หวัน” รายหนึ่ง ที่แม้จะเคยเป็น “อดีต” หรือเคย “ดัง” มาตั้งแต่เกือบ 20 ปีที่แล้ว จากลีลาการร้อง การแสดง ในหนังทีวีมินิซีรีส์ เรื่อง “Meteor Garden” หรือดูเหมือนจะให้ชื่อไทยๆ ว่า “รักใสใส่หัวใจสี่ดวง” อะไรประมาณนั้น นั่นก็คือคุณป้า “Barbie Hsu” หรือ “สวีซีหยวน” หรือ “Big S” หรือ “ต้าเอส” ฯลฯ อะไรก็แล้วแต่จะเรียกที่เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมานี้นี่เอง (12 มิ.ย.) ได้โพสต์ข้อความเอาไว้ในอินสตราแกรม ถึงกรณีการฉีดวัคซีน-ไม่ฉีดวัคซีนในไต้หวัน หรือกรณีการต่อต้าน “วัคซีนจีน” ของประธานาธิบดี “ไช่ อิงเหวิน” (Tsai Ing-wen) แห่งไต้หวัน แล้วหันไปชักสะพานแหงนถ่อรอคอย “วัคซีนอเมริกา” หรือ “วัคซีนอังกฤษ” กันแทนที่ ด้วยข้อความสั้นๆ แค่ไม่กี่ประโยค แต่ออกจะน่าตกตะลึง พรึงเพริดเอามากๆ ถึงขั้นว่า... “เรากำลังถูกสังหารหมู่...ไช่...กำลังฆ่าเรา!!!”
นี่...อันนี้ ต้องเรียกว่า หนักซะยิ่งกว่า “อาจารย์แก้วฯ” (แก้วสรร อติโพธิ) บ้านเรา ให้ “ค.ว.ย.” (คอยวัคซีนอยู่) ต่อการบริหารจัดการ การจัดสรรวัคซีนช่วงนี้ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า คือไม่เพียงแต่ด้วยความ “ดัง” ของอดีตดาราไต้หวันรายนี้ ที่แม้ว่าอาจน้อยกว่าการ “ขยับขวดโค้ก” ของ “โรนัลโด” ก็ตาม แต่ก็น่าจะยังคงเอาเรื่องอยู่พอสมควร ย่อมสามารถก่อให้เกิดผลกระทบ ผลข้างเคียงต่อสถานภาพของผู้นำไต้หวัน ที่ออกจะ “โปรตะวันตก” แบบสุดลิ่มทิ่มริดสีดวงทวารมาโดยตลอด และยังพร้อมที่จะต่อต้าน พร้อมที่จะยั่วยวนกวนส้นตีน ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่อย่างไม่คิดจะลด-ละ-เลิก หรืออาจส่งผลให้พรรครัฐบาลอย่างพรรค “DPP” ของประธานาธิบดี “ไช่” อาจถึงขั้นหุ้นตก หุ้นร่วงพอๆ กับ “หุ้นโค้ก” เอาเลยก็ไม่แน่!!!
เพราะโดยลักษณะอาการของผู้นำไต้หวันรายนี้...คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า เธอค่อนข้างจะ “รักอเมริกา-รักญี่ปุ่น” และออกจะ “เกลียดจีน(แผ่นดินใหญ่)” อย่างเป็นพิเศษ ไม่ต่างอะไรไปจากคุณน้อง “โจชัว หว่อง” แห่งดินแดนฮ่องกง ที่ยังคงอยู่ใน “ห้องกรง” ตราบจนทุกวันนี้ แม้จะเป็นที่รัก ที่นิยม ต่อประดาเด็กๆ หรือ “คนรุ่นใหม่” ทั้งหลาย แต่บางครั้ง บางคราโดยท่าที โดยนโยบาย บางอย่าง บางประการของเธอ ก็ออกจะ “หาคำอธิบาย” ไม่ค่อยจะได้ เช่น การเปิดโอกาสให้คุณพ่ออเมริกาส่ง “หมูเนื้อแดง” ที่ใช้สารเร่ง สารกระตุ้น อันเป็นสิ่งที่บรรดาชาติต่างๆ ล้วนแล้วแต่ปฏิเสธ แม้แต่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาก็ตาม เข้าไปขาย ไปจำหน่ายในไต้หวันโดยอิสระและเสรี หรือโดยไม่คิดถึง “สุขภาพ” ของประชาชนพลเมืองตัวเอง เอาเลยแม้แต่น้อย...
หรือครั้งคุณพี่ญี่ปุ่น ยุ่นปี่ คิดจะเทน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี จากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมา ลงมหาสมุทรแปซิฟิกในอีกไม่กี่เดือน กี่ปี นับจากนี้ เธอก็ไม่ได้ถึงกับแสดงอาการโกรธกริ้ว ฉิวฉุน เหมือนอย่างบรรดาประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียงอย่างเกาหลีใต้ และจีนแผ่นดินใหญ่ มากมายสักเท่าไหร่นัก หรือกลับหันไปให้ความสนใจ “การเมือง” (ระหว่างประเทศ) มากกว่า (สุขภาพ) ของ “พลเมือง” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน และยิ่งเมื่อเจอกับการแสดงอากัปกิริยาไม่เห็นด้วย ต่อการที่ชาวไต้หวันจะหันไปฉีดวัคซีนซิโนแวค ซิโนฟาร์ม มุ่งแต่จะแทงไพ่ใบเดียว แทงม้าตัวเดียว หรือมุ่งแต่จะรอไฟเซอร์ โมเดอร์นา หรือแอสตร้าเซนเนก้า จนเกิดข่าวคราวกระทบกระทั่งกับประเทศผู้ผลิต อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา เพราะการมั่วไป-มั่วมา หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ อันนี้...ก็ยิ่งทำให้ราคาหุ้นของเธอ หัวทิ่ม-หัวตำยิ่งขึ้นไปใหญ่...
พูดง่ายๆ ว่า...อาจไม่ถึงขั้นต้องส่งเครื่องบินรบ เครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ ระดับ 20-30 ลำจากจีนแผ่นดินใหญ่ ไปป้วนๆ เปี้ยนๆ แถวเกาะไต้หวันเอาเลยก็ยังได้ แค่อาศัยการ “ขยับขวด” หรือขยับมือ ขยับไม้ ของอดีต “ซุป’ตาร์” อย่าง “Barbie Hsu” ก็พอแล้ว!!! โอกาสที่พรรค “DPP” หรือโอกาสที่คะแนนนิยมของผู้นำพรรครัฐบาลรายนี้ จะสาละวันเตี้ยลงๆ ไปตามลำดับ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ แต่ก็นั่นแหละ...การส่งเครื่องบินรบ เครื่องบินบรรทุกนิวเคลียร์ของจีน เข้าไปในอาณาบริเวณเกาะไต้หวันถี่ขึ้นๆ และมากขึ้นๆ รวมไปถึงเรือรบ เรือดำน้ำ เรือบรรทุกเครื่องบิน ไปจนถึงการสร้างฐานยิง ฐานเฮลิคอปเตอร์ ฯลฯ ตรงข้ามฝั่งไต้หวันของคุณพี่จีนในช่วงนี้ คงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการขึ้นๆ-ลงๆ ของราคาหุ้น ของผู้นำไต้หวันคนปัจจุบันมากมายสักเท่าไหร่นัก แต่น่าจะเกี่ยวกับการ “ส่งสัญญาณโดยตรง” ไปยังผู้ที่พยายามใช้ไต้หวันเป็นเครื่องมือในการเล่นงานประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่ออเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ฯลฯ ที่กำลังพยายามกลับมาป้วนๆ เปี้ยนๆ กลับมาแสดงอำนาจและอิทธิพลของ “ตะวันตก” ในทะเลจีนใต้ แบบครั้งยุคล่าอาณานิคมซะมากกว่า อันนี้นี่แหละ...ที่แค่ขยับขวด หรือขยับมือ ขยับไม้ ไม่น่าจะพอ แต่ต้องขยับเท้าและขยับส้นตีนให้มากๆ เข้าไว้ มันถึงจะพอสอดคล้องกับฉากสถานการณ์ กับความเป็นจริง ที่กำลังจะอุบัติขึ้นมาในอนาคตเบื้องหน้า ได้มั่ง...