พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี สรุปสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้อง “ทนายตั้ม-ษิทรา” ส่งอัยการ หลังแจ้งหลักฐานเท็จ บัตร ตร.ตำรวจปลอมลายเซ็น ช่วย “เอมี่ จาคอป” อดีตดาราสาว หลุดคดียาเสพติด ก่อนหลบหนีไป ตปท.
วานนี้ (10 มิ.ย.) รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แจ้งว่า พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ได้สรุปสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ให้กับพนักงานอัยการจังหวัดมีนบุรี ไปเมื่อประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมา โดยคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.ศาลาแดง ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เมื่อเดือน พ.ค.62 ว่า ถูกนำเอกสารบัตรข้าราชการตำรวจไปปลอมแปลงลายเซ็น เพื่อใช้ในการยื่นต่อศาลในการขอลดโทษ พ.ร.บ.ยาเสพติด มาตรา 100/2 ในคดี น.ส.อาเมเรีย จาคอป หรือเอมี่ อดีตนางเอกสาวชื่อดัง ตกเป็นจำเลย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนเรื่อยมาจนกระทั่งศาลจังหวัดมีนบุรีได้ออกหมายจับนายษิทรา ตามมาตรา 180 ผู้ใดนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยนายษิทรา ถูกตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 4 ก.พ.63 และได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี
สำหรับคดีการจับกุม น.ส.อาเมเรีย เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 19 ก.ย.60 ตำรวจ 191 ได้ทำการจับกุมตัวนายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ และแฟนสาว คือ น.ส.อาเมเรีย ในคดีร่วมกันครอบครองยาเสพติด ส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ดำเนินคดี หลังจากนั้นได้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ และมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองไปยังศาลอาญามีนบุรี และ 21 ส.ค.61 ศาลอาญามีนบุรี ได้มีคำพิพากษาชั้นต้น ลงโทษจำคุกนายปุณยวัจน์ มีกำหนด 25 ปี และยกฟ้อง น.ส.อาเมเรีย
ต่อมา 11 ก.ย.61 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้นำหลักฐานเข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น.ในขณะนั้น ว่ามีการวิ่งเต้นล้มคดี โดยใช้เรื่องมาตรา 100/2 ของ พ.ร.บ.ยาเสพติด ทำให้ ด.ต.สิทธิศักดิ์ สุทธิประสิทธิ์ ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ศาลาแดง ถูกดำเนินการทางวินัย โดยถูกกล่าวหาว่าได้มีการนำสำเนาบันทึกการจับกุมสายศุภกิจ ผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 4 หมื่นเม็ด โดย ด.ต.สิทธิศักดิ์ เป็นผู้ร่วมจับกุม พร้อมด้วยสำเนา บัตรข้าราชการที่มีการรับรองสำเนาถูกต้องยื่นต่อศาลอาญามีนบุรี แล้วให้นายปุณยวัจน์ เบิกความว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลผู้ค้ารายสำคัญกับ ด.ต.สิทธิศักดิ์ จนเป็นเหตุให้มีการจับกุมนายศุภกิจ ข้อเท็จจริง ด.ต.สิทธิศักดิ์ ไม่เคยรู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหานี้ และไม่เคยนำสำเนาบันทึกจับกุมนายศุภกิจ และสำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการไปให้กลุ่มผู้ต้องหา แต่อย่างใด
ต่อมาวันที่ 8 พ.ค.62 ด.ต.สิทธิศักดิ์ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ให้ดำเนินคดีกับ นายษิทรา, นายปุณยวัจน์, นายอาคม คงสวัสดิ์ และนายทอมมี่ จาคอป ในฐานความผิดร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค.63 ศาลอุทธรณ์ สั่งแก้โทษจำคุก น.ส.อาเมเรีย เป็นจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 1 ล้านบาท แต่คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือคุก 33 ปี 4 เดือน ปรับ 6.6 แสนบาท ส่วน น.ส.อาเมเรีย มีรายงานว่า หลบหนีไปต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.62
ทั้งนี้ นายษิทรา ซึ่งเป็นทนายความให้กับ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” ผู้ต้องหาในคดีการตายของน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ กำลังมีกรณีพิพาทกับทาง สตช. โดยกล่าวหาว่า ตำรวจปฏิบัติหน้าโดยมิชอบในคดีของนายไชย์พล และเป็นผู้นำนายไชย์พลไปยื่นร้องต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบการทำหน้าที่ของตำรวจ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา
วานนี้ (10 มิ.ย.) รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แจ้งว่า พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ได้สรุปสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ให้กับพนักงานอัยการจังหวัดมีนบุรี ไปเมื่อประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมา โดยคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.ศาลาแดง ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เมื่อเดือน พ.ค.62 ว่า ถูกนำเอกสารบัตรข้าราชการตำรวจไปปลอมแปลงลายเซ็น เพื่อใช้ในการยื่นต่อศาลในการขอลดโทษ พ.ร.บ.ยาเสพติด มาตรา 100/2 ในคดี น.ส.อาเมเรีย จาคอป หรือเอมี่ อดีตนางเอกสาวชื่อดัง ตกเป็นจำเลย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนเรื่อยมาจนกระทั่งศาลจังหวัดมีนบุรีได้ออกหมายจับนายษิทรา ตามมาตรา 180 ผู้ใดนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยนายษิทรา ถูกตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 4 ก.พ.63 และได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี
สำหรับคดีการจับกุม น.ส.อาเมเรีย เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 19 ก.ย.60 ตำรวจ 191 ได้ทำการจับกุมตัวนายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ และแฟนสาว คือ น.ส.อาเมเรีย ในคดีร่วมกันครอบครองยาเสพติด ส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ดำเนินคดี หลังจากนั้นได้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ และมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองไปยังศาลอาญามีนบุรี และ 21 ส.ค.61 ศาลอาญามีนบุรี ได้มีคำพิพากษาชั้นต้น ลงโทษจำคุกนายปุณยวัจน์ มีกำหนด 25 ปี และยกฟ้อง น.ส.อาเมเรีย
ต่อมา 11 ก.ย.61 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้นำหลักฐานเข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น.ในขณะนั้น ว่ามีการวิ่งเต้นล้มคดี โดยใช้เรื่องมาตรา 100/2 ของ พ.ร.บ.ยาเสพติด ทำให้ ด.ต.สิทธิศักดิ์ สุทธิประสิทธิ์ ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ศาลาแดง ถูกดำเนินการทางวินัย โดยถูกกล่าวหาว่าได้มีการนำสำเนาบันทึกการจับกุมสายศุภกิจ ผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 4 หมื่นเม็ด โดย ด.ต.สิทธิศักดิ์ เป็นผู้ร่วมจับกุม พร้อมด้วยสำเนา บัตรข้าราชการที่มีการรับรองสำเนาถูกต้องยื่นต่อศาลอาญามีนบุรี แล้วให้นายปุณยวัจน์ เบิกความว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลผู้ค้ารายสำคัญกับ ด.ต.สิทธิศักดิ์ จนเป็นเหตุให้มีการจับกุมนายศุภกิจ ข้อเท็จจริง ด.ต.สิทธิศักดิ์ ไม่เคยรู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหานี้ และไม่เคยนำสำเนาบันทึกจับกุมนายศุภกิจ และสำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการไปให้กลุ่มผู้ต้องหา แต่อย่างใด
ต่อมาวันที่ 8 พ.ค.62 ด.ต.สิทธิศักดิ์ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ให้ดำเนินคดีกับ นายษิทรา, นายปุณยวัจน์, นายอาคม คงสวัสดิ์ และนายทอมมี่ จาคอป ในฐานความผิดร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค.63 ศาลอุทธรณ์ สั่งแก้โทษจำคุก น.ส.อาเมเรีย เป็นจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 1 ล้านบาท แต่คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือคุก 33 ปี 4 เดือน ปรับ 6.6 แสนบาท ส่วน น.ส.อาเมเรีย มีรายงานว่า หลบหนีไปต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.62
ทั้งนี้ นายษิทรา ซึ่งเป็นทนายความให้กับ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” ผู้ต้องหาในคดีการตายของน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ กำลังมีกรณีพิพาทกับทาง สตช. โดยกล่าวหาว่า ตำรวจปฏิบัติหน้าโดยมิชอบในคดีของนายไชย์พล และเป็นผู้นำนายไชย์พลไปยื่นร้องต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบการทำหน้าที่ของตำรวจ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา