ผู้จัดการรายวัน 360- "อาคม"แจงเหตุผล พ.ร.ก.ขอกู้เงิน5แสนล้าน หวังสร้างความเชื่อมั่นให้ไทยกลับสู่ภาวะปกติ สกัดโควิดระบาด การันตีภาระหนี้ไม่เกินเพดานสากล ปชป. แนะให้นำบทเรียนปัญหาการใช้เงินกู้ 1 ล้านล้าน บริหารจัดการฟื้นฟูประเทศ ต้องยกเลิกโครงการห่วยแตก-ล่าช้า เน้นทุ่มไปที่วัคซีนเป็นหลัก เอาการแพทย์นำการเมือง "ก้าวไกล" ฉีกทิ้งพ.ร.ก.กู้ 5 แสนล้าน จวกเขียนมาแค่ 5 หน้าไม่มีรายละเอียด คนใช้เงินล้มเหลวในการบริหารจัดการ "เพื่อไทย"แนะให้ปรับเป็นกฎหมายงบฯกลางปี เพื่อให้สภาฯตรวจสอบได้ "ไพบูลย์"อัดฝ่ายค้านโดดขวาง เพราะเสียผลประโยชน์ทางการเมือง "พี่เต้" ถล่ม"บิ๊กตู่"ยับเยิน บอกหนังหน้าแบบนี้จะมีปัญญาใช้หนี้หรือไม่ มีแต่หน้าทน อยู่ไปก็เป็นภาระแผ่นดิน
วานนี้ (9มิ.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 หรือ พ.ร.ก.กู้เงิน 5แสนล้านบาท โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้แก้ไขสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ผ่านแหล่งเงินภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่ แต่พบว่ายังไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาการระบาดในระลอกใหม่ได้ อีกทั้งเงินทุนสำรองจ่ายที่เหลืออยู่ มีไม่เพียงพอ ขณะที่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2564 นั้น รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ปี 2564 มีข้อจำกัด และได้รับผลกระทบจากการระบาดจากเชื้อโควิด-19 หากจะรอแหล่งเงินจากงบประมาณปี 2565 จะไม่ทันการณ์
ดังนั้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด ซึ่งงบประมาณดังกล่าวไม่อาจดำเนินการให้ได้มาโดยวิธีงบประมาณปกติ จึงเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีจำเป็นเร่งด่วน มิอาจหลีกเลี่ยงได้ เป็นทางเลือกสุดท้ายของรัฐบาลในการตรา พ.ร.ก.ฉบับนี้
พ.ร.ก.กู้เงินฉบับนี้ มีสาระสำคัญคือ การให้อำนาจกระทรวงการคลัง มีอำนาจกู้เงินบาทหรือเงินตราต่างประเทศ วงเงินไม่เกิน 5แสนล้านบาท โดยต้องลงนามในสัญญากู้เงิน หรือออกตราสารหนี้ ภายในวันที่ 30 ก.ย.65 เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายใน 3 แผนงาน คือ 1. แผนงานแก้ปัญหาการระบาดเชื้อโควิด-19 เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยารักษาโรค วัคซีน วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท 2. ช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชย แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ วงเงิน 3 แสนล้านบาท 3. เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อโควิด วงเงิน 1.7แสนล้านบาท
การตราพ.ร.ก.ฉบับนี้ รัฐบาลตระหนักถึงวินัยการเงินการคลังของประเทศ ความคุ้มค่า ความโปร่งใสในการใช้จ่ายเงินกู้ มีการกำหนดกรอบการใช้เงินที่สอดคล้องกับกฎหมายวินัยการเงินการคลังอย่างรอบคอบ รัดกุม รัฐบาลไทยและรัฐบาลทั่วโลกได้กู้เงินเพื่อแก้ปัญหาเยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้สิ้นปี 64 ระดับหนี้ภาครัฐบาลของโลก คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 92 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2,760 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ตัวเลขหนี้ของไทย สิ้นเดือนเม.ย.64 อยู่ที่ร้อยละ 50.69 ต่อจีดีพี ยังต่ำกว่ากรอบเพดานหนี้สากล โดยระดับหนี้สาธารณะที่เหมาะสมของแต่ละประเทศ ไม่มีระดับตายตัว ขึ้นอยู่กับบริบท และปัจจัยที่แตกต่างกัน ดังนั้นการกู้เงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่รัฐบาลมีเจตนาเพื่อให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้ การก่อหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น กระทรวงการคลัง จะทำด้วยความรอบคอบ อยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง
ปชป.แนะทุ่มงบฯไปที่วัคซีน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทเมื่อครั้งที่ผ่านมา แบ่งเป็น 3ส่วน คือ งบสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้านบาท เยียวยา 5.5 แสนล้านบาท และฟื้นฟูอีก 4 แสนล้านบาท จะเห็นว่าส่วนใหญ่ใช้ไปกับการเยียวยา และฟื้นฟู สัดส่วนด้านสาธารณสุขจะน้อยมาก อีกทั้งยังมีการเบิกจ่ายล่าช้า ดังนั้นเงินกู้รอบใหม่นี้ควรเน้นไปที่วัคซีน
ทั้งนี้ รัฐบาลต้องสร้างความกระจ่างชัดในเรื่องเหล่านี้ให้ชัดเจน อย่าเอาเรื่องวัคซีนไปสร้างฐานการเมือง มันต้องฉีดตามหลักระบาดวิทยา ใครที่ควรได้ก่อนต้องได้ และเงินกู้จำนวนนี้ควรจะต้องไปใช้ในโรงพยาบาลสนามอีกด้วย เพื่อให้แต่ละจังหวัดสามารถดูแลจัดการ ดูแลชีวิตความเป็นความตายของประชานได้ทันท่วงที ทั้งนี้ ตนเห็นว่าเอาเงินกู้นี้มาทุ่มเทในเรื่องวัคซีนให้ทั่วถึงเท่าเทียม จะเป็นการฟื้นฟูและดูแลชีวิตคนไทยอย่างแท้จริง
ก้าวไกลฉีกทิ้ง พ.ร.ก.กู้ 5แสนล้าน
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล อภิปรายคัดค้าน พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ด้วยเหตุผล 2 ข้อ คือ 1. ประชาชนทั้งประเทศเห็นตรงกันว่าคนกู้เงิน คนใช้เงิน คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไร้ความสามารถในการบริหารจัดการเงินที่มีอยู่ แค่มาตรการง่ายๆอย่างการแจกเงินก็ยังทำให้คนด่าทั้งประเทศได้ เราไม่ทิ้งกัน เราชนะ เรารักกัน ไม่ถ้วนหน้า ไม่ทั่วถึง ไม่ทันการณ์ รอบที่ผ่านมาเงินเยียวยาแต่ละครั้ง ต้องรอจนเยี่ยวราด มีคนขู่ฆ่าตัวตาย กินยาเบื่อหนูหน้ากระทรวง ลงทะเบียนแล้ว ลงทะเบียนเล่า คนจนตายรายวัน นี่จึงเป็นการแจกเงินที่มีคนด่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์
2. ที่ไม่สามารถยอมให้รัฐบาลกู้เงินครั้งนี้ได้เพราะ จะกู้เงินมากถึง 5 แสนล้าน แต่ให้เอกสารมาพิจารณาแค่ 5 แผ่น ไม่มีรายละเอียดว่า เงินที่กู้ไปนี้จะเอาไปทำอะไร ที่ไหน อย่างไร มีตัวชี้วัดหรือไม่ว่าถ้ามีเงินกู้ก้อนนี้ พี่น้องประชาชนจะกลับคืนสู่ภาวะปกติภายในกี่เดือน วัคซีนจะได้ฉีดครบทุกคนภายในสิ้นปีนี้ จะมีวัคซีนให้เลือกมากกว่านี้อีกหรือไม่ แต่ท่านกลับทำตัวลับๆ ล่อๆ ตอนผ่านครม.ก็ทำเป็นประชุมลับ ชักเข้าชักออก จะเอาดี หรือไม่เอาดี พอมาเข้าสภา ส่งมา 5 แผ่นบอกให้รีบๆ ผ่านเหมือนคนร้อนเงิน แต่ถึงผ่านให้หนทางก็ยังดูมืดมนที่เพราะคนใช้เงินไม่เคยคิดวิเคราะห์ แยกแยะ เทียบกันให้ชัด
"ผมขอเสนอสองทาง โดยทางแรกถอน พ.ร.ก. เฮงซวยฉบับนี้ออกไป แล้วทำกลับมาใหม่เป็น พ.ร.บ. งบประมาณกลางปี ที่มีรายละเอียดของแต่ละโครงการ ส่วนทางเลือกที่สอง คือ เปลี่ยนตัวคนกู้ใหม่ เปลี่ยนตัวนายกฯใหม่ เพราะนายกฯคนเดิม คนกู้คนเดิม ไม่เหลือความชอบธรรม ความน่าเชื่อถือ ในสายตาประชน ไม่มีความรู้สึกทุกข์ร้อนของประชาชน คนใช้หนี้ตัวจริงอยู่ในนี้เลย ทั้งที่ประชาชนมีความตายมีความหิวอยู่จริงๆ มีแต่ตัวหนังสือบนกระดาษ 5 แผ่น ที่ไม่มีความรู้สึกของประชาชนอยู่ในนั้น ไปทำมาใหม่ ผมไม่อาจปล่อยผ่านพ.ร.ก.ฉบับนี้ได้" นายณัฐชากล่าวพร้อมกับฉีกร่าง พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวทิ้งกลางสภา
พท.แนะปรับเป็นกม.งบฯกลางปี
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า กฎหมายดังกล่าวคล้ายกับตีเช็คเปล่า เพื่อให้นายกฯ นำเงินไปใช้จ่าย โดยไม่มีรายละเอียด แม้จะมีแผนการใช้เงิน ยิ่งดูจากการกู้เงิน 1ล้านล้านบาทเมื่อครั้งที่แล้ว ก็พบแต่ความล้มเหลว มีเงิน แต่ไม่สามารถบริหารจัดการในการควบคุมโรคได้ ตอนกู้ก็อ้างถึงความจำเป็นเร่งด่วน แต่เมื่อได้เงินแล้ว กลับใช้จ่ายอย่างล่าช้า ไม่มีประสิทธิภาพ
"ผมขอให้รัฐบาล เปลี่ยนจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน ไปเป็นพ.ร.บ.งบประมาณกลางปี 2564 วงเงิน 5 แสนนล้านบาทแทน เพื่อให้สภาฯ ตรวจสอบและเกิดความคุ้มค่ากับการกู้เงินที่ต้องเสียดอกเบี้ย เพราะมองว่าพ.ร.ก.ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน และการติดเชื้อโควิดที่ระบาดตั้งแต่ต้นปี 63 ไม่มีทางยุติลงภายในปีนี้ และผมเชื่อด้วยว่ารัฐบาลจะใช้เงินกู้ไม่ทันปีงบประมาณแน่นอน"
ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายสนับสนุน พ.ร.ก.กู้เงิน และชื่นชมการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต่อการตัดสินใจกู้เงินเพื่อสู้กับไวรัสโควิด
ส่วนกรณีที่มีพรรคการเมืองคัดค้านนั้น ตนเชื่อว่าหากรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนได้มาก จะทำให้พรรคการเมืองเหล่านั้นเสียประโยชน์ ดังนั้นไม่ควรใช้กรณีดังกล่าวมาเล่นการเมือง และหากจะออกเป็น พ.ร.บ.งบฯ จะล่าช้า เพราะต้องรอการอนุมัติใช้ช่วงปลายปี
"พี่เต้"ถล่ม"บิ๊กตู่"จะมีปัญญาใช้หนี้หรือไม่
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายโจมตีไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เป็นนายกฯที่ด้อยความรู้ความสามารถ อวดฉลาดที่สุด ดูถูกผู้อื่น ไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ชอบเอาชนะแม้กระทั่งประชาชนตาดำๆ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า คนไม่เคยคิดว่าก่อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีความสามารถในการสร้างหนี้มหาศาลได้ขนาดนี้ แค่ระยะเวลาปกติที่บริหารประเทศมา 5 ปี ก็กู้เงินขาดดุลงบประมาณไปถึง 2.2 ล้านล้าน และช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็กู้ขาดดุลอีก 2.7 ล้านล้าน ยังไม่รวมพ.ร.ก.อื่นๆ และหนี้ของประชาชนอีกมากมาย และยังไม่มีวี่แววว่ากู้เงินไปขนาดนี้แล้ว จะแก้ไขปัญหาโควิดได้
"จากเหตุผลที่ผมกล่าวว่า ประเทศไทยยังมีนายกฯ ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ประเทศชาติประชาชนคงสิ้นหวัง เพราะถ้าท่านยังอยู่ มันไปต่อไม่ได้จริงๆ มีแต่อนาคตถดถอย ตกต่ำลงจนถึงขีดสุด พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทฉบับนี้ แม้จะผ่านไปก็ผิดกฎหมาย ไม่ผ่านประชาชนก็เดือดร้อน ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่ต่อ ก็จะกู้ต่อไปไม่สิ้นสุด จนไม่มีใครให้กู้ ผมขอถามนายกฯว่า หนี้เยอะขนาดนี้ท่านมีปัญญา มีความสามารถในการใช้หนี้หรือไม่ แต่เท่าที่ผมดูหนังหน้านายกฯ ท่านหน้าทนเหลือเกิน ทนอยู่ในตำแหน่งต่อไป ผมเห็นแล้วว่า นายกฯไม่มีประโยชน์กับประเทศไทยกับประชาชนไทย มีแต่จะเป็นภาระให้แผ่นดินต่อไปไม่รู้จบ" นายมงคลกิตติ์ กล่าว
"บิ๊กตู่"ซัดอย่าเอาเรื่องวัคซีนมายุ่งการเมือง
ในช่วงเย็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้ามาร่วมฟังการอภิปรายพร้อมทั้งชี้แจงว่า ให้สำคัญกับระบบรัฐสภา ให้เกียรติทุกคน แต่การใช้คำพูดและวาจา ขออนุญาตบ่นว่า ควรเกิดขึ้นในสภาหรือไม่ ทั้งการฉีกกระดาษ หรืออะไรต่างๆ ไม่รู้ดีขึ้นหรือแย่งลง รวมทั้งยังต้องมาตอบคำถามเดิมๆ ข้อมูลเก่าๆ ที่ชี้แจงไปแล้วไม่ฟัง
ในเรื่องการบริหารจัดการเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท พยายามเร่งเบิกจ่ายเต็มที่ ใครเคยเป็นรัฐบาลคงรู้ว่า ยากแค่ไหน ทุกอย่างทำอย่างรอบคอบ ถ้าทบทวนบอกช้า ไม่ทบทวนบอกทุจริต โชคดีที่สภามีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ถ้าพูดข้างนอกมีปัญหาแน่ ใครพูดข้างนอกระวังตัวไว้แล้วกัน ตนไม่โกหก ซื่อสัตย์
ส่วนเรื่องจีดีพี ทุกประเทศหดตัวหมด แต่เราจะสร้างเศรษฐกิจใหม่ ให้มีรายได้ในอนาคตทั้งถนน โครงสร้างพื้นฐาน ระบบดิจิทัล และเรื่องงบสาธารณสุขไม่เคยตัด แต่การจัดซื้อมีขั้นตอน ขณะที่เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ไม่ได้กู้ทีเดียว เป็นการทยอยกู้ และไม่โง่กู้ให้เกินกรอบ 60% จนผิดกฎหมาย เรื่องหนี้สาธารณะอย่าทำให้ประชาชนตื่นตระหนก ตนเข้ามาปี 2557 มีหนี้สาธารณะ 46% แม้จะทำให้เพิ่มขึ้นมา 10 กว่า 10% แต่ก็เกิดเม็ดงานขึ้นมาเท่าใด เอาผลงานมาเทียบกันเลย ตนจำเป็นต้องพูดบ้าง แต่ท่านไม่เคยฟัง ผู้นำทุกประเทศโดนด่าหมด แต่ไม่เคยมีที่ใดชิงชังเท่าประเทศไทย
"อย่าเอาวัคซีนเป็นเรื่องการเมือง แต่บางครั้งเอาการเมืองมาทำอย่างเดียวมันไปไม่ได้หรอก ส่วนช่องทางโคแวกซ์ ถามหน่อยประเทศที่อยู่ในโคแวกซ์ได้วัคซีนเท่าไร ได้หรือยัง ต้องเอาเงินไปจ่ายเขาก่อน แล้วตอนนี้ วัคซีนมาแล้ว เดือน มิ.ย. ใครพูดว่าจะลาออก วัคซีนมาแล้วทำไมไม่ออกล่ะ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
วานนี้ (9มิ.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 หรือ พ.ร.ก.กู้เงิน 5แสนล้านบาท โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้แก้ไขสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ผ่านแหล่งเงินภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่ แต่พบว่ายังไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาการระบาดในระลอกใหม่ได้ อีกทั้งเงินทุนสำรองจ่ายที่เหลืออยู่ มีไม่เพียงพอ ขณะที่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2564 นั้น รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ปี 2564 มีข้อจำกัด และได้รับผลกระทบจากการระบาดจากเชื้อโควิด-19 หากจะรอแหล่งเงินจากงบประมาณปี 2565 จะไม่ทันการณ์
ดังนั้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด ซึ่งงบประมาณดังกล่าวไม่อาจดำเนินการให้ได้มาโดยวิธีงบประมาณปกติ จึงเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีจำเป็นเร่งด่วน มิอาจหลีกเลี่ยงได้ เป็นทางเลือกสุดท้ายของรัฐบาลในการตรา พ.ร.ก.ฉบับนี้
พ.ร.ก.กู้เงินฉบับนี้ มีสาระสำคัญคือ การให้อำนาจกระทรวงการคลัง มีอำนาจกู้เงินบาทหรือเงินตราต่างประเทศ วงเงินไม่เกิน 5แสนล้านบาท โดยต้องลงนามในสัญญากู้เงิน หรือออกตราสารหนี้ ภายในวันที่ 30 ก.ย.65 เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายใน 3 แผนงาน คือ 1. แผนงานแก้ปัญหาการระบาดเชื้อโควิด-19 เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยารักษาโรค วัคซีน วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท 2. ช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชย แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ วงเงิน 3 แสนล้านบาท 3. เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อโควิด วงเงิน 1.7แสนล้านบาท
การตราพ.ร.ก.ฉบับนี้ รัฐบาลตระหนักถึงวินัยการเงินการคลังของประเทศ ความคุ้มค่า ความโปร่งใสในการใช้จ่ายเงินกู้ มีการกำหนดกรอบการใช้เงินที่สอดคล้องกับกฎหมายวินัยการเงินการคลังอย่างรอบคอบ รัดกุม รัฐบาลไทยและรัฐบาลทั่วโลกได้กู้เงินเพื่อแก้ปัญหาเยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้สิ้นปี 64 ระดับหนี้ภาครัฐบาลของโลก คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 92 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2,760 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ตัวเลขหนี้ของไทย สิ้นเดือนเม.ย.64 อยู่ที่ร้อยละ 50.69 ต่อจีดีพี ยังต่ำกว่ากรอบเพดานหนี้สากล โดยระดับหนี้สาธารณะที่เหมาะสมของแต่ละประเทศ ไม่มีระดับตายตัว ขึ้นอยู่กับบริบท และปัจจัยที่แตกต่างกัน ดังนั้นการกู้เงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่รัฐบาลมีเจตนาเพื่อให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้ การก่อหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น กระทรวงการคลัง จะทำด้วยความรอบคอบ อยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง
ปชป.แนะทุ่มงบฯไปที่วัคซีน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทเมื่อครั้งที่ผ่านมา แบ่งเป็น 3ส่วน คือ งบสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้านบาท เยียวยา 5.5 แสนล้านบาท และฟื้นฟูอีก 4 แสนล้านบาท จะเห็นว่าส่วนใหญ่ใช้ไปกับการเยียวยา และฟื้นฟู สัดส่วนด้านสาธารณสุขจะน้อยมาก อีกทั้งยังมีการเบิกจ่ายล่าช้า ดังนั้นเงินกู้รอบใหม่นี้ควรเน้นไปที่วัคซีน
ทั้งนี้ รัฐบาลต้องสร้างความกระจ่างชัดในเรื่องเหล่านี้ให้ชัดเจน อย่าเอาเรื่องวัคซีนไปสร้างฐานการเมือง มันต้องฉีดตามหลักระบาดวิทยา ใครที่ควรได้ก่อนต้องได้ และเงินกู้จำนวนนี้ควรจะต้องไปใช้ในโรงพยาบาลสนามอีกด้วย เพื่อให้แต่ละจังหวัดสามารถดูแลจัดการ ดูแลชีวิตความเป็นความตายของประชานได้ทันท่วงที ทั้งนี้ ตนเห็นว่าเอาเงินกู้นี้มาทุ่มเทในเรื่องวัคซีนให้ทั่วถึงเท่าเทียม จะเป็นการฟื้นฟูและดูแลชีวิตคนไทยอย่างแท้จริง
ก้าวไกลฉีกทิ้ง พ.ร.ก.กู้ 5แสนล้าน
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล อภิปรายคัดค้าน พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ด้วยเหตุผล 2 ข้อ คือ 1. ประชาชนทั้งประเทศเห็นตรงกันว่าคนกู้เงิน คนใช้เงิน คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไร้ความสามารถในการบริหารจัดการเงินที่มีอยู่ แค่มาตรการง่ายๆอย่างการแจกเงินก็ยังทำให้คนด่าทั้งประเทศได้ เราไม่ทิ้งกัน เราชนะ เรารักกัน ไม่ถ้วนหน้า ไม่ทั่วถึง ไม่ทันการณ์ รอบที่ผ่านมาเงินเยียวยาแต่ละครั้ง ต้องรอจนเยี่ยวราด มีคนขู่ฆ่าตัวตาย กินยาเบื่อหนูหน้ากระทรวง ลงทะเบียนแล้ว ลงทะเบียนเล่า คนจนตายรายวัน นี่จึงเป็นการแจกเงินที่มีคนด่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์
2. ที่ไม่สามารถยอมให้รัฐบาลกู้เงินครั้งนี้ได้เพราะ จะกู้เงินมากถึง 5 แสนล้าน แต่ให้เอกสารมาพิจารณาแค่ 5 แผ่น ไม่มีรายละเอียดว่า เงินที่กู้ไปนี้จะเอาไปทำอะไร ที่ไหน อย่างไร มีตัวชี้วัดหรือไม่ว่าถ้ามีเงินกู้ก้อนนี้ พี่น้องประชาชนจะกลับคืนสู่ภาวะปกติภายในกี่เดือน วัคซีนจะได้ฉีดครบทุกคนภายในสิ้นปีนี้ จะมีวัคซีนให้เลือกมากกว่านี้อีกหรือไม่ แต่ท่านกลับทำตัวลับๆ ล่อๆ ตอนผ่านครม.ก็ทำเป็นประชุมลับ ชักเข้าชักออก จะเอาดี หรือไม่เอาดี พอมาเข้าสภา ส่งมา 5 แผ่นบอกให้รีบๆ ผ่านเหมือนคนร้อนเงิน แต่ถึงผ่านให้หนทางก็ยังดูมืดมนที่เพราะคนใช้เงินไม่เคยคิดวิเคราะห์ แยกแยะ เทียบกันให้ชัด
"ผมขอเสนอสองทาง โดยทางแรกถอน พ.ร.ก. เฮงซวยฉบับนี้ออกไป แล้วทำกลับมาใหม่เป็น พ.ร.บ. งบประมาณกลางปี ที่มีรายละเอียดของแต่ละโครงการ ส่วนทางเลือกที่สอง คือ เปลี่ยนตัวคนกู้ใหม่ เปลี่ยนตัวนายกฯใหม่ เพราะนายกฯคนเดิม คนกู้คนเดิม ไม่เหลือความชอบธรรม ความน่าเชื่อถือ ในสายตาประชน ไม่มีความรู้สึกทุกข์ร้อนของประชาชน คนใช้หนี้ตัวจริงอยู่ในนี้เลย ทั้งที่ประชาชนมีความตายมีความหิวอยู่จริงๆ มีแต่ตัวหนังสือบนกระดาษ 5 แผ่น ที่ไม่มีความรู้สึกของประชาชนอยู่ในนั้น ไปทำมาใหม่ ผมไม่อาจปล่อยผ่านพ.ร.ก.ฉบับนี้ได้" นายณัฐชากล่าวพร้อมกับฉีกร่าง พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวทิ้งกลางสภา
พท.แนะปรับเป็นกม.งบฯกลางปี
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า กฎหมายดังกล่าวคล้ายกับตีเช็คเปล่า เพื่อให้นายกฯ นำเงินไปใช้จ่าย โดยไม่มีรายละเอียด แม้จะมีแผนการใช้เงิน ยิ่งดูจากการกู้เงิน 1ล้านล้านบาทเมื่อครั้งที่แล้ว ก็พบแต่ความล้มเหลว มีเงิน แต่ไม่สามารถบริหารจัดการในการควบคุมโรคได้ ตอนกู้ก็อ้างถึงความจำเป็นเร่งด่วน แต่เมื่อได้เงินแล้ว กลับใช้จ่ายอย่างล่าช้า ไม่มีประสิทธิภาพ
"ผมขอให้รัฐบาล เปลี่ยนจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน ไปเป็นพ.ร.บ.งบประมาณกลางปี 2564 วงเงิน 5 แสนนล้านบาทแทน เพื่อให้สภาฯ ตรวจสอบและเกิดความคุ้มค่ากับการกู้เงินที่ต้องเสียดอกเบี้ย เพราะมองว่าพ.ร.ก.ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน และการติดเชื้อโควิดที่ระบาดตั้งแต่ต้นปี 63 ไม่มีทางยุติลงภายในปีนี้ และผมเชื่อด้วยว่ารัฐบาลจะใช้เงินกู้ไม่ทันปีงบประมาณแน่นอน"
ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายสนับสนุน พ.ร.ก.กู้เงิน และชื่นชมการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต่อการตัดสินใจกู้เงินเพื่อสู้กับไวรัสโควิด
ส่วนกรณีที่มีพรรคการเมืองคัดค้านนั้น ตนเชื่อว่าหากรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนได้มาก จะทำให้พรรคการเมืองเหล่านั้นเสียประโยชน์ ดังนั้นไม่ควรใช้กรณีดังกล่าวมาเล่นการเมือง และหากจะออกเป็น พ.ร.บ.งบฯ จะล่าช้า เพราะต้องรอการอนุมัติใช้ช่วงปลายปี
"พี่เต้"ถล่ม"บิ๊กตู่"จะมีปัญญาใช้หนี้หรือไม่
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายโจมตีไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เป็นนายกฯที่ด้อยความรู้ความสามารถ อวดฉลาดที่สุด ดูถูกผู้อื่น ไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ชอบเอาชนะแม้กระทั่งประชาชนตาดำๆ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า คนไม่เคยคิดว่าก่อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีความสามารถในการสร้างหนี้มหาศาลได้ขนาดนี้ แค่ระยะเวลาปกติที่บริหารประเทศมา 5 ปี ก็กู้เงินขาดดุลงบประมาณไปถึง 2.2 ล้านล้าน และช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็กู้ขาดดุลอีก 2.7 ล้านล้าน ยังไม่รวมพ.ร.ก.อื่นๆ และหนี้ของประชาชนอีกมากมาย และยังไม่มีวี่แววว่ากู้เงินไปขนาดนี้แล้ว จะแก้ไขปัญหาโควิดได้
"จากเหตุผลที่ผมกล่าวว่า ประเทศไทยยังมีนายกฯ ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ประเทศชาติประชาชนคงสิ้นหวัง เพราะถ้าท่านยังอยู่ มันไปต่อไม่ได้จริงๆ มีแต่อนาคตถดถอย ตกต่ำลงจนถึงขีดสุด พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทฉบับนี้ แม้จะผ่านไปก็ผิดกฎหมาย ไม่ผ่านประชาชนก็เดือดร้อน ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่ต่อ ก็จะกู้ต่อไปไม่สิ้นสุด จนไม่มีใครให้กู้ ผมขอถามนายกฯว่า หนี้เยอะขนาดนี้ท่านมีปัญญา มีความสามารถในการใช้หนี้หรือไม่ แต่เท่าที่ผมดูหนังหน้านายกฯ ท่านหน้าทนเหลือเกิน ทนอยู่ในตำแหน่งต่อไป ผมเห็นแล้วว่า นายกฯไม่มีประโยชน์กับประเทศไทยกับประชาชนไทย มีแต่จะเป็นภาระให้แผ่นดินต่อไปไม่รู้จบ" นายมงคลกิตติ์ กล่าว
"บิ๊กตู่"ซัดอย่าเอาเรื่องวัคซีนมายุ่งการเมือง
ในช่วงเย็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้ามาร่วมฟังการอภิปรายพร้อมทั้งชี้แจงว่า ให้สำคัญกับระบบรัฐสภา ให้เกียรติทุกคน แต่การใช้คำพูดและวาจา ขออนุญาตบ่นว่า ควรเกิดขึ้นในสภาหรือไม่ ทั้งการฉีกกระดาษ หรืออะไรต่างๆ ไม่รู้ดีขึ้นหรือแย่งลง รวมทั้งยังต้องมาตอบคำถามเดิมๆ ข้อมูลเก่าๆ ที่ชี้แจงไปแล้วไม่ฟัง
ในเรื่องการบริหารจัดการเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท พยายามเร่งเบิกจ่ายเต็มที่ ใครเคยเป็นรัฐบาลคงรู้ว่า ยากแค่ไหน ทุกอย่างทำอย่างรอบคอบ ถ้าทบทวนบอกช้า ไม่ทบทวนบอกทุจริต โชคดีที่สภามีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ถ้าพูดข้างนอกมีปัญหาแน่ ใครพูดข้างนอกระวังตัวไว้แล้วกัน ตนไม่โกหก ซื่อสัตย์
ส่วนเรื่องจีดีพี ทุกประเทศหดตัวหมด แต่เราจะสร้างเศรษฐกิจใหม่ ให้มีรายได้ในอนาคตทั้งถนน โครงสร้างพื้นฐาน ระบบดิจิทัล และเรื่องงบสาธารณสุขไม่เคยตัด แต่การจัดซื้อมีขั้นตอน ขณะที่เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ไม่ได้กู้ทีเดียว เป็นการทยอยกู้ และไม่โง่กู้ให้เกินกรอบ 60% จนผิดกฎหมาย เรื่องหนี้สาธารณะอย่าทำให้ประชาชนตื่นตระหนก ตนเข้ามาปี 2557 มีหนี้สาธารณะ 46% แม้จะทำให้เพิ่มขึ้นมา 10 กว่า 10% แต่ก็เกิดเม็ดงานขึ้นมาเท่าใด เอาผลงานมาเทียบกันเลย ตนจำเป็นต้องพูดบ้าง แต่ท่านไม่เคยฟัง ผู้นำทุกประเทศโดนด่าหมด แต่ไม่เคยมีที่ใดชิงชังเท่าประเทศไทย
"อย่าเอาวัคซีนเป็นเรื่องการเมือง แต่บางครั้งเอาการเมืองมาทำอย่างเดียวมันไปไม่ได้หรอก ส่วนช่องทางโคแวกซ์ ถามหน่อยประเทศที่อยู่ในโคแวกซ์ได้วัคซีนเท่าไร ได้หรือยัง ต้องเอาเงินไปจ่ายเขาก่อน แล้วตอนนี้ วัคซีนมาแล้ว เดือน มิ.ย. ใครพูดว่าจะลาออก วัคซีนมาแล้วทำไมไม่ออกล่ะ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว