xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : ผ่านฉลุย พ.ร.ก. 5 แสนล้าน ตีเช็คเปล่า เอื้อแบ่งเค้ก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 ตอน ผ่านฉลุย พ.ร.ก. 5 แสนล้าน ตีเช็คเปล่า เอื้อแบ่งเค้ก



พระราชกำหนดเงินกู้ห้าแสนล้านบาท ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโควิด ที่มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่ 25 พ.ค. จะนำกลับมาให้ที่ประชุมสภาฯและวุฒิสภาลงมติเห็นชอบ ตามคิว สภาฯ จะพิจารณา พุธที่ 9 มิถุนายนนี้

ฟันธงได้เลยว่า ที่ประชุมสภาฯ จะลงมติให้ความเห็นชอบด้วยเสียงข้างมาก แบบม้วนเดียวจบ ไม่มีอะไรติดขัด แม้ต่อให้ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน จะไม่ขอร่วมสังฆกรรม เพราะเห็นว่า เป็นการตีเช็คเปล่าให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯในฐานะประธานศบค. กู้เพิ่มอีกห้าแสนล้านบาท

แม้ฝ่ายค้านจะยกเหตุผลต่างๆ มาขัดขวาง แต่สุดท้าย ก็ไม่มีทางขวางได้สำเร็จ เพราะพระราชกำหนดดังกล่าว มีความสำคัญต่อความเป็นไปของรัฐบาล หากไม่ผ่าน ก็ยุบสภาฯ ทันที

ดังนั้น ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ต้องพร้อมใจกันกดปุ่มเห็นชอบแบบพรึ่บพรั่บ เสียงเห็นชอบล้นหลามแน่ เหมือนตอนสภาฯ ให้ความเห็นชอบ ร่างพรบ.งบ 65 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และคงได้เห็นส.ส. กองทัพงูเห่า จากฝ่ายค้านทั้งเพื่อไทย พรรคก้าวไกล มาร่วมกดเห็นชอบ เพื่อทำแต้ม ก่อนย้ายพรรค ด้วยอีกบางส่วน

พรก.เงินกู้ห้าแสนล้านบาท ตอนนี้มองข้ามช็อตไปแล้ว เพราะมีการมองกันไปถึงว่าจะนำเงินจากเงินกู้มาใช้ทำอะไรบ้าง ภายใต้กรอบวงเงินที่วางไว้ สามส่วนหลัก ที่แบ่งเม็ดเงินออกเป็นสามก้อน

ประกอบด้วย 1.ค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่นวัคซีน รวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข วงเงิน 30,000ล้านบาท ซึ่งงบส่วนนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขที่มี อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการคอยรับผิดชอบการบริหารเม็ดเงินดังกล่าว

2.ค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชนทุก และช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกสาขาอาชีพ โดยมีเม็ดเงินในส่วนนี้มากที่สุดคือ 300,000 ล้านบาท และหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบคือ กระทรวงการคลัง ที่มี อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว. คลัง และสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำพลังประชารัฐ เป็นรมช.คลัง

และ 3.ค่าใช้จ่ายสำหรับแผนงานเพื่อรักษาระดับการจ้างงานของผู้ประกอบการ และกระตุ้นการลงทุนและการบริโภค ในระบบเศรษฐกิจของประเทศ วงเงิน 170,000ล้านบาท ซึ่งหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบก็คือ กระทรวงการคลังอีกเช่นกัน

จึงเท่ากับว่า เงินกู้ห้าแสนล้านบาท กระทรวงการคลัง รับผิดชอบคุมเม็ดเงินเหนาะๆ 470,000 ล้านบาท( สี่แสน เจ็ดหมื่นล้านบาท ) ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุข ดูแลเม็ดเงิน 30,000 ล้านบาท

สำหรับการประชุมสภาฯที่จะมีขึ้น รัฐบาลและฝ่ายค้าน จะใช้เวลา ฝ่ายละ 9 ชั่วโมง ข่าวว่าทาง ส.ส.ฝ่ายค้าน จะเน้นการอภิปรายไปที่สองงบหลักที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง

คือเงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจ สามแสนล้านบาท กับงบเพื่อรักษาระดับการจ้างงานและกระตุ้นการลงทุนและการบริโภค หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้านบาท

โดยการอภิปราย สามารถฉายหนังไปก่อนได้เลย ฝ่ายค้านต้องเน้นพูดย้อนหลังไปว่า โควิดรอบแรก รัฐบาลก็ออกพระราชกำหนดกู้เงินมาแล้ว หนึ่งล้านล้านบาท แต่การใช้เงินดังกล่าวยังมีปัญหาหลายอย่าง เช่นการยกข้อมูลเรื่อง เงินกู้หนึ่งล้านล้านบาทรอบที่แล้ว ในส่วนของ เงินเพื่อไปกระตุ้นเศรษฐกิจการสร้างงาน 4 แสนล้านบาท และต่อมา มีการปรับลดเพราะต้องเอาเงินไปเยียวยา เหลือ 3.5 แสนล้านบาท

แต่ปรากฏว่า จนถึงช่วงเมษายน พฤษภาคม พบว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่งอนุมัติไปได้แค่ 1.35 แสนล้านบาท เพราะมีปัญหามากมายเช่น ปัญหาเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ระบบราชการล่าช้า และที่หนักสุดคือ แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไม่มีการอนุมัติเลยแม้แต่บาทเดียว

โดยฝ่ายค้าน ก็จะดิสเครดิตรัฐบาล ว่าเก่งแต่กู้ เงินไม่ออก งานไม่เดิน เนื่องจากรอบที่แล้ว งบพื้นฟูเศรษฐกิจ สี่แสนล้านบาท สุดท้าย ล้มเหลว โครงการที่เขียนไว้ รัฐบาล ไม่สามารถทำได้จริงตามที่เขียนแผนงานไว้ในพระราชกำหนดกู้หนึ่งล้านล้านบาท รอบที่แล้ว

มาตอนนี้ ก็มาขอกู้จะไปกระตุ้นเศรษฐกิจอีก สามแสนล้านบาท ฝ่ายค้าน ก็ต้องตีว่า หากสภาฯ เห็นชอบ ก็เท่ากับเป็นการตีเช็คเปล่าให้รัฐบาล ที่ไม่มีหลักประกันว่า จะใช้เงินแล้วช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่มและภาคธุรกิจได้จริงหรือไม่

นอกจากการทำแค่เรื่อง อย่าง โครงการคนละครึ่ง เราชนะ เรารักกัน เป็นต้น ที่ฝ่ายค้าน ก็ต้องจวกไปว่า แม้บางโครงการกระแสตอบรับจะสูงเช่น คนละครึ่ง ที่มีประชาชนและร้านค้าลงทะเบียนกันหลายล้านคน แต่การกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำได้ไม่เข้าเป้า เพราะทำไปแล้วสองรอบ ใช้เงิน5 หมื่นล้าน แต่ กระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ 0.2-0.3% เท่านั้น

เรียกได้ว่า ฝ่ายค้าน จะหยิบช่องโหว่ ข้อด้อย ความล้มเหลว ความไม่มีประสิทธิภาพของ พ.ร.ก.เงินกู้หนึ่งล้านล้านบาทรอบที่แล้ว ทุกดอก ทุกเม็ด มาดิสเครดิตการกู้รอบใหม่ห้าแสนล้านบาทกลางสภาฯนั่นเอง

เพื่อสร้างกระแส ติดลบว่า รัฐบาลประยุทธ์ เป็นรัฐบาล very กู้ มีแต่สร้างหนี้สาธารณะให้เพิ่มขึ้น แต่กู้แล้ว นำเงินมาใช้ไม่เข้าเป้า ดังนั้นฝ่ายค้านจึงไม่สามารถร่วมตีเช็คเปล่าให้ประยุทธ์ เอาเงินห้าแสนล้านบาทไปใช้ได้

ส่วนงบด้านสาธารณสุข จัดหาวัคซีน ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข วงเงิน 30,000ล้านบาท คาดว่า ส.ส.ฝ่ายค้าน จะอภิปรายสนับสนุนให้เพิ่มวงเงินให้มากขึ้นด้วยซ้ำ เพื่อแสดงความเห็นใจ แพทย์ พยาบาล นักรบชุดขาว ที่สู้กับโควิดมาปีกว่า

แต่จะมีส.ส.ฝ่ายค้าน อภิปรายเรื่องการจัดซื้อวัคซีนของรัฐบาล กับวาทกรรม แทงม้าตัวเดียว พ่วงเข้ามาตอนอภิปรายงบดังกล่าว โดยยกกรณีเงินกู้หนึ่งล้านล้านบาทรอบที่แล้วที่กันเงินให้ กระทรวงสาธารณสุข 45,000 บาท เพื่อนำงบส่วนหนึ่งไปจัดหาวัคซีน

แต่ถึงตอนนี้ กลับไม่มีวัคซีนเพียงพอที่จะกระจายการฉีดให้กับประชาชนได้ทั่วถึง ซึ่งเป็นแผนการอภิปราย ที่มีเป้าหมายคือ ฟาดตรงไปยัง อนุทิน ที่ส.ส.พรรคคู่ปรับ คือพรรคก้าวไกล คงไม่พลาด โอกาสขย้ำอนุทิน อีกครั้ง กลางสภาฯ พุธนี้

แม้สุดท้าย พรก.เงินกู้ห้าแสนล้านบาท จะผ่านความเห็นชอบจากสภาฯและวุฒิสภาได้ไม่ยาก แต่รัฐบาล เอง ก็ต้องให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนได้ว่า เงินกู้ห้าแสนล้านบาท ที่จะกู้มา รัฐบาลมีการวางมาตราการตรวจสอบการใช้เงินอย่างรัดกุม มีการป้องกันการรั่วไหลและการทุจริตไว้ทุกขั้นตอนการเบิกจ่ายเงิน

เพราะหากรัฐบาลตอบคำถามนี้ไม่ได้ แม้เสียงในสภาฯ จะชนะฝายค้าน แต่อาจทำให้ ประชาชนไม่สบายใจ


กำลังโหลดความคิดเห็น