"บิ๊กปั๊ด" ยันให้ความเป็นธรรมคดี "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" ฉ้อโกงประชาชน ไม่กดดัน แม้มีกลุ่มหนุนออกมาเชียร์นักธุรกิจคนดัง แฉเครือข่าย “แก๊งโกง” ผ่องถ่ายทรัพย์สินเกลี้ยง ก่อนมอบตัว-ถูกจับ
วานนี้ (20 พ.ค.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) จับกุม นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก นักธุรกิจชื่อดัง และประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน พร้อมพวกรวม 6 คน ในคดีฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท โดยมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากว่า พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายไม่มีใครพิเศษกว่าใคร แม้จะมีกลุ่มผู้สนับสนุนออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะให้ความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจของนายประสิทธิ์ เรื่องดังกล่าวไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจากเป็นความเห็นส่วนบุคคล ส่วนในทางกฎหมาย ตำรวจก็จะดำเนินการตามพยานหลักฐานเท่านั้น โดยได้สั่งการให้ บก.ป.ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งตามขั้นตอนจะต้องมีการประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินต่างๆ
ด้าน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเอาผิด นายประสิทธิ์ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหายที่ยังคงเหลืออีกกว่านับร้อยคน และดำเนินการสืบทรัพย์ หรือตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายดังกล่าว เพื่อเร่งยึดทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดมาคืนให้กับผู้เสียหาย ส่วนหลังจากนี้จะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถระบุได้ ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐาน แต่หากพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆเพิ่มเติมก็อาจจะมีการพิจารณาออกหมายจับเพิ่ม
ส่วนกรณี นายรณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวพาดพิงว่า ทาง บก.ป.ไม่กล้าอายัดทรัพย์ของกลุ่มผู้ต้องหานั้น พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทาง บก.ป.พยายามเร่งดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้สามารถติดตามทรัพย์เหล่านี้กลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่เนื่องจากผู้ต้องหากลุ่มนี้เตรียมการมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนผ่านทองคำ หรือบัตรเครดิตแทนการใช้เงินสด เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบ รวมถึงมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินทั้งหมดไปก่อนที่จะมอบตัวและถูกจับกุมตัวจนหมด
"จากการตรวจสอบบัญชีธนาคารส่วนตัวของกลุ่มผู้ต้องหาและคนใกล้ชิด พบส่วนใหญ่ไม่มีเงินติดบัญชี จึงอาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอย่างละเอียด ว่ามีการผ่องถ่ายไปไว้ที่ใด ซึ่งในส่วนนี้ทางกองปราบ ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้ง ปปง. และ บก.ปอศ. ช่วยกันสืบหาติดตามตรวจสอบทุกมิติ" พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าว”
วานนี้ (20 พ.ค.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) จับกุม นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก นักธุรกิจชื่อดัง และประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน พร้อมพวกรวม 6 คน ในคดีฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท โดยมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากว่า พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายไม่มีใครพิเศษกว่าใคร แม้จะมีกลุ่มผู้สนับสนุนออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะให้ความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจของนายประสิทธิ์ เรื่องดังกล่าวไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจากเป็นความเห็นส่วนบุคคล ส่วนในทางกฎหมาย ตำรวจก็จะดำเนินการตามพยานหลักฐานเท่านั้น โดยได้สั่งการให้ บก.ป.ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งตามขั้นตอนจะต้องมีการประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินต่างๆ
ด้าน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเอาผิด นายประสิทธิ์ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหายที่ยังคงเหลืออีกกว่านับร้อยคน และดำเนินการสืบทรัพย์ หรือตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายดังกล่าว เพื่อเร่งยึดทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดมาคืนให้กับผู้เสียหาย ส่วนหลังจากนี้จะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถระบุได้ ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐาน แต่หากพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆเพิ่มเติมก็อาจจะมีการพิจารณาออกหมายจับเพิ่ม
ส่วนกรณี นายรณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวพาดพิงว่า ทาง บก.ป.ไม่กล้าอายัดทรัพย์ของกลุ่มผู้ต้องหานั้น พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทาง บก.ป.พยายามเร่งดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้สามารถติดตามทรัพย์เหล่านี้กลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่เนื่องจากผู้ต้องหากลุ่มนี้เตรียมการมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนผ่านทองคำ หรือบัตรเครดิตแทนการใช้เงินสด เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบ รวมถึงมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินทั้งหมดไปก่อนที่จะมอบตัวและถูกจับกุมตัวจนหมด
"จากการตรวจสอบบัญชีธนาคารส่วนตัวของกลุ่มผู้ต้องหาและคนใกล้ชิด พบส่วนใหญ่ไม่มีเงินติดบัญชี จึงอาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอย่างละเอียด ว่ามีการผ่องถ่ายไปไว้ที่ใด ซึ่งในส่วนนี้ทางกองปราบ ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้ง ปปง. และ บก.ปอศ. ช่วยกันสืบหาติดตามตรวจสอบทุกมิติ" พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าว”