แม้ยอดระบาดรอบสามจะขึ้นเฉลี่ยวันละ 2,000+ต่อเนื่องกันหลายวัน มียอดเสียชีวิตที่เพิ่มมากขึ้น แต่ผมคิดว่าระบบสาธารณสุข และความสามารถในบุคลากรทางการแพทย์ไทยยังสามารถจัดการได้ดี ตัวเลขผู้ติดเชื้อดูจะนิ่งและมีแนวโน้มจะลดลงไม่พุ่งสูงชันไปกว่านี้
ตอนนี้เราฉีดวัคซีนไปล้านกว่าคนแล้วเปรียบเทียบกับประเทศในอาเซียนก็ใกล้เคียงกัน ยกเว้นสิงคโปร์ที่ฉีดไป 2 ล้านกว่า แต่ด้วยประชากรที่น้อยทำให้เขามียอดเฉลี่ยเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูง และอินโดนีเซียที่ฉีดไป 18 ล้านโดส แต่ต้องไม่ลืมว่าเขามีประชากรกว่า 200 ล้านคน
ถ้าดูไทม์ไลน์ของวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าที่จะเข้าในเดือนมิถุนายน และทยอยออกมาภายในปีนี้ 61 ล้านโดส ผมคิดว่าอีกหลังจากนี้ 2-3 เดือน เราน่าจะได้ฉีดวัคซีนเป็นอันดับต้นของอาเซียนและเอเชีย และยิ่งมีวัคซีนทางเลือกยี่ห้ออื่นที่รัฐร่วมกับเอกชนช่วยกันจัดหาด้วยแล้ว ผมคิดว่าเราน่าจะไปได้ดี
มีคนบอกว่าสงสัยที่รัฐบาลบอกว่าจะฉีดให้ได้วันละ 3 แสนโดสตั้งแต่เดือนมิถุนายนนั้นเป็นไปได้หรือไม่ ผมสอบถามผู้เกี่ยวข้องแล้วว่าเป็นไปได้อย่างแน่นอน เขาบอกว่าที่ภูเก็ตเราสามารถฉีดได้สูงถึงวันละ 15,000 โดส แต่ถึงตอนนี้ที่ยอดยังไม่ขยับสูงไปมากกว่านี้เพราะเรารอวัคซีนเท่านั้นเอง ถ้าวัคซีนมาตามแผนแล้วความคาดหวังของรัฐบาลที่จะฉีดให้ได้ 30 ล้านโดสภายใน 3 เดือนนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้อย่างแน่นอน
ความผิดพลาดในการจองวัคซีนของเรามีไหม มีครับ เราไม่ได้ติดต่อบริษัทผลิตวัคซีนที่หลากหลายพอ ทำให้เราไม่มีทางเลือกที่มากพอในการได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ถ้าวัคซีนของแอสตร้าฯ เป็นไปตามแผนในเดือนมิถุนายนนี้ เชื่อว่าความรู้สึกต่อความคาดหวังและการรอคอยของเรานั้นเป็นสิ่งที่คุ้มค่าพอ
แต่ถ้าแผนการส่งมอบวัคซีนของแอสตร้าฯ ผิดพลาดไปจากที่คาดหมายนั่นแหละเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องยอมรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ และอาจเกิดขึ้นได้ดังที่แอสตร้าฯ จัดส่งให้สหภาพยุโรปล่าช้าจากสัญญาจนเกิดการฟ้องร้องขึ้น
ส่วนตัวผมยังมีความหวังนะ แต่ถ้าจะด้อยค่าประเทศของเราเพื่อหมิ่นแคลนประเทศตัวเอง หมิ่นแคลนผู้นำก็อาจจะยกขึ้นมาเทียบว่าทำไมเราไม่เป็นอย่างอิสราเอล นิวซีแลนด์หรือไต้หวัน ทั้งที่เราดีกว่าหลายประเทศนับร้อยทั่วโลกมาก หากดูรวมไปถึงประเทศที่เจริญๆ ในยุโรปก็จะเห็นว่าเราดีกว่ามาก ไม่ต้องอื่นไกลไปดูฝรั่งเศสที่มีขนาดพื้นที่และประชากรใกล้เคียงกันและเป็นประเทศในฝันของคนรุ่นใหม่ที่เกลียดรัฐบาล ถึงตอนนี้เขาก็ยังแย่กว่าเรามากๆ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความบกพร่องความผิดพลาดและล่าช้าของรัฐบาลประยุทธ์จะไม่มีเลย มีหลายอย่างที่ชวนให้หงุดหงิดกวนใจและดูจะไม่ทันการณ์ เหมือนที่นายกรัฐมนตรีมาออกทีวีรวมการเฉพาะกิจ และคนดูที่รอคอยดูจบแล้วก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่าที่รู้อยู่แล้ว
หรือเราได้ยินข่าวว่ามีคนตกค้างที่โน่นที่นั่นไม่มีโรงพยาบาลไปรับตัว จนกระทั่งมีการเสียชีวิต เหตุผลสำคัญเลยเท่าที่พูดคุยกับคนในวงการสาธารณสุขก็คือในช่วงแรกนั้นเราไม่มีรถเพียงพอที่จะวิ่งไปรับคนจากจุดต่างๆ ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งเราอาจจะตั้งคำถามถึงการเตรียมการของภาครัฐว่าขาดประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เราคุมได้ดีในรอบแรก เป็นที่ชื่นชมของหลายประเทศ ว่าจัดการได้ดีแล้วทั่วโลกเขายกนิ้วให้ แต่ตอนนั้นคนที่ไม่ชอบรัฐบาลก็ยังไม่พอใจอยู่ดี เพราะเอาเรื่องรัฐบาลสืบทอดอำนาจมาเป็นอารมณ์ปนกัน ต่อมาเมื่อเกิดความผิดพลาดในระลอกที่สองและสามซึ่งเป็นผลมาจากกลไกของรัฐล้วนๆ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลจะฉวยโอกาสหยิบยกเรื่องนี้มาถล่มเจือปนกับอารมณ์ทางการเมืองก็เป็นเรื่องที่จำต้องรับสภาพไป
แต่สิ่งที่คิดว่ารัฐจะต้องทำคือ ใช้วิกฤตจากที่โควิดชี้จุดบกพร่องให้เข้าไปจัดการปัญหา ทั้งเรื่องการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานเถื่อน บ่อนการพนัน หรือสถานบันเทิงที่ไม่มีใบอนุญาต การรับส่วยสินบนของเจ้าหน้าที่รัฐ และสำคัญว่า การจัดการเหล่านี้ต้องมีคนผิดมาลงโทษ ไม่ใช่ปล่อยให้ถูกลบเลือนไปเพราะด้วยการใช้สถานการณ์โควิดเป็นเกราะกำบัง และปล่อยให้เนิ่นนานไปจนคนลืมไปเอง
ถามว่าเห็นรัฐบาลกระตือรือร้นที่จะจัดการกับปัญหาเพื่อเอาคนผิดมาลงโทษอย่างจริงจังหรือไม่ ตอบได้เลยว่า ถึงตอนนี้ยังมองไม่เห็นเลย และมีโอกาสสูงที่จะพัดหายไปกับสายลมของกาลเวลา ซึ่งสุดท้ายถ้าเรื่องนี้จะย้อนศรกลับมาเล่นงานรัฐบาลก็เป็นเรื่องที่จะต้องยอมรับไป
แม้ว่าการระบาดระลอกสองสามหรือสี่นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากจะหลีกเลี่ยง และต้องเผชิญกับสภาวะนั้นทั่วโลก แม้แต่ประเทศญี่ปุ่นที่คิดกันว่ามีระบบที่ดีก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ มองให้เห็นแบบนี้แล้ว เราก็ต้องทำใจได้ว่าเป็นเรื่องยากที่เราจะหลีกเลี่ยง ถ้ามันไม่มาเพราะสาเหตุนี้มันก็ต้องมาอีกสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นประเทศประชาธิปไตยหรือเผด็จการมันก็เจอกันหมด และไม่ได้อยู่ที่ผู้นำเก่งหรือโง่
ปัญหาสำคัญอีกอย่างก็คือ เราไม่แยกแยะความชอบไม่ชอบรัฐบาลออกจากข้อเท็จจริง ไม่มีเหตุและผล คนที่ไม่ชอบรัฐบาลก็หาเรื่องด่าทอต่อว่า ไม่ว่ารัฐบาลทำอะไรก็ไม่ดีไปเสียหมด ไม่แยกแยะว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์โรคระบาดนี้มันประสบเหมือนกันทั่วโลก แม้จะมีผู้นำบางประเทศที่แก้ไขสถานการณ์ได้ดี แต่ประเทศส่วนใหญ่ก็เผชิญปัญหาที่หนักหน่วงเหมือนกันหมด
ผมเห็นด้วยนะครับที่นายกฯ เอาอำนาจของกระทรวงต่างๆ มารวมศูนย์ เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้คล่องตัวขึ้น แต่อาจสร้างความไม่พอใจให้กับพรรคร่วมรัฐบาลที่อยากจะโชว์ผลงานเหมือนกันจนอาจกลายเป็นความขัดแย้งที่บานปลายขึ้น
แม้ว่าส่วนตัวผมก็เห็นด้วยนะว่า การรับมือกับโรคระบาดได้ดีของเรานั้นอาจจะมีส่วนมาจากศักยภาพของฝ่ายการเมืองเพียงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าผู้นำจะเป็นคนอื่นไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราก็ยังคงทำในระดับนี้เพราะรากฐานของระบบสาธารณสุขบ้านเรา และความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์ของเรา
แต่หลายครั้งการวิจารณ์การแก้ไขสถานการณ์โควิดของบางฝ่ายที่หวังผลทางการเมืองนั้น กลายเป็นการไปทำลายความรู้สึกและจิตใจของคนทำงานที่ต้องเสียสละและอุทิศตนอย่างเหน็ดเหนื่อยในสภาวการณ์ที่หนักอึ้งไปด้วย
ที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ได้เรียกร้องให้ใครมาเชียร์รัฐบาลหรือพล.อ.ประยุทธ์ การเรียกร้องให้ลาออกเพราะเป็นรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจก็ทำไปเถอะครับ เพราะนั่นเป็นข้อเท็จจริง การเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญก็ทำไปเป็นสิทธิโดยชอบในระบอบประชาธิปไตย แต่อย่าเอาอารมณ์โกรธเกลียดทางการเมืองมาปนกับการรับมือกับสถานการณ์โควิดที่ควรจะสมัครสมานสามัคคีช่วยกันนำประเทศให้รอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายนี้
ร่วมมือร่วมใจกันสู้ภัยโควิดในฐานะพลังของชาติ หลังจากเราชนะโควิดแล้ว ใครจะไล่พล.อ.ประยุทธ์ก็ว่ากันตามสบาย
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan