หยุดสงกรานต์ 4 วันซ้อนๆ...เลยต้องไปหยิบเอามินิซีรีส์แบบรวดเดียว 4 ตอน ว่าด้วยเรื่องราวเก่าๆ เรื่องแนวความคิดจัดตั้งรัฐบาลโลกเมื่อครั้งอดีต มาพูดจา ว่ากล่าว แลกเปลี่ยนกันไปตามสภาพ แต่สำหรับช่วงเปิดฉาก เปิดผ้าม่านกั้ง อาทิตย์นี้ สัปดาห์นี้ คงไม่ถึงกับต้องเจาะเวลาหาอดีต ไม่ต้องเสียเวลาถอยหลังกลับสู่ยุคพระเจ้าเหายังใส่กางเกงหูรูดอีกต่อไปแล้ว แถมยังต้องขออนุญาตเดินหน้า ชวนให้นั่ง “ไทม์ แมชชีน”ไปสู่ “อนาคตอันใกล้” อันเนื่องมาจากร่องรอยของสิ่งที่เรียกว่า “ไฟนรกสุดขอบฟ้า”ชักเริ่มปรากฏรูปเงา รูปร่าง ขึ้นมามั่งแล้วรางๆ...
โดยคงต้องว่ากันแบบ “มินิซีรีส์” อีกเช่นเคยนั่นแหละทั่น คือต้องไปตรวจสอบ ตรวจเช็กแนวโน้มความเป็นไปของ “แนวรบ” ด้านต่างๆ กันโดยละเอียด ไม่ว่าแถวๆเอเชียบ้านเรา อย่าง “แนวรบทะเลจีนใต้และตะวันออก” แล้วเลยไปถึง “แนวรบในตะวันออกกลาง”ไปจนกระทั่ง “แนวรบยุโรปตะวันออก” ที่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า หลังๆ นี้ชักเริ่มร้อนฉ่า ร้อนแรง ใกล้จังหวะ เวลา ที่อาจเกิดการ “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาเอาเลยก็ไม่แน่!!! บรรดาข่าวคราวต่างๆ ที่ทะลักหลั่งพรั่งพรูกรูนรกและสวรรค์ เมื่อช่วงสัปดาห์-สองสัปดาห์ที่ผ่านมา มันจึงเป็นอะไรที่น่าขนพอง สยองเกล้า น่าขนหัวลุก ก่อให้เกิดความ “หนาวว์ว์ว์” ชนิดอาจต้องหรี่แอร์ ปิดแอร์ ทั้งที่เข้าหน้าร้อน ช่วงฤดูร้อน ระดับตับแลบ ม้ามแลบก็ตามที...
คือถ้าไล่มาจาก “แนวรบทะเลจีนใต้-ตะวันออก” สำหรับช่วงนี้ ระหว่างนี้ คงหนีไม่พ้นต้องได้ยินเสียงคำรามของเครื่องบินรบเรือดำน้ำ เรือพิฆาต ไปจนถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน ฯลฯ เอาเลยโน่นแหละ ที่ต่างฉวัดเฉวียนกันไปทั่วทั้งน่านน้ำ น่านฟ้า แถวๆ ช่องแคบไต้หวัน หรือแถวๆ บริเวณรอยต่อระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกกับทะเลจีน ชนิดดังสนั่นลั่นเลื่อนยิ่งเข้าไปทุกที อย่างเมื่อช่วงต้นๆ สัปดาห์ที่แล้ว (13 เม.ย.) ว่ากันว่าเครื่องบินรบของจีนไม่ต่ำกว่า 25 ลำ มีทั้งเครื่องบินขับไล่ J-16 จำนวน 14 ลำ J-10 อีก 4 ลำ H-6K 4 ลำ เครื่องบินต่อต้านเรือดำน้ำอีก 2 ลำ และเครื่องบินแจ้งเตือนภัยทางอากาศอีก 1 ลำ ต่างพร้อมใจกัน “ล้ำเส้น”หรือล่วงละเมิดเข้าไปในเส้นสมมติที่ทางการไต้หวันเขาขีดของเขาขึ้นมาเอง หรือที่เรียกๆ กันว่า “ADIZ” หรือ “Air defense identification zone”นั่นแล...
ว่ากันว่า...นอกจากไต้หวันจะส่งเครื่องบินต่อต้านเข้าสกัด เปิดระบบป้องกันขีปนาวุธเตรียมพร้อม พร้อมทั้งส่งคำแจ้งเตือนไปยังฝูงบินแต่ละฝูงแล้ว ประธานคณะกรรมการกิจการมหาสมุทร สภาบริหารไต้หวัน ยังถึงกับต้องให้คำยืนยันต่อสมาชิกสภาไต้หวันด้วยว่า...ถ้าหาก “สถานการณ์บังคับ”ก็อาจต้องสอยเครื่องบินจีน โดยเฉพาะเครื่องบินโดรน ที่แล่นไป-แล่นมาแถวๆ เกาะตงชา อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ ขณะที่หัวหน้าฝ่ายกิจการภายนอกแห่งเกาะไต้หวัน อย่าง “นายJaushieh Joseph Wu” อดไม่ได้ที่จะต้องนำเอาความคิด ความเห็น ของฝ่ายนโยบายอเมริกัน มาเปิดเผยให้เป็นที่รับรู้ รับทราบ ต่อสาธารณชนชาวไต้หวันว่า “มีความเป็นไปได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆว่า จีนอาจใช้กำลังทหารในการจัดการกับปัญหาไต้หวัน” รวมทั้งป่าวประกาศเอาไว้ล่วงหน้าด้วยว่า ตัวเองพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องเกาะเล็กๆ แห่งนี้จนตราบวาระสุดท้าย!!!
นี่...หนาวว์ว์ว์-ไม่หนาวว์ว์ว์ คงต้องตัดสินปิด-เปิดแอร์เอาเองก็แล้วกัน แต่โดยภาพถ่าย “เรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง” (Liaoning) ของจีน ที่ถูกส่งเข้าไปแล่นไป-แล่นมา หรือเข้าไป “ซ้อมรบ”บริเวณช่องแคบไต้หวัน และถูกถ่ายจากเรือพิฆาตอเมริกัน หรือเรือ “USSS Mustin”ซึ่งอยู่ห่างไปเพียงแค่ไม่กี่พันเมตรเท่านั้นเอง แล้วถูกนำมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนไต้หวัน ก็ดูจะทำให้ชาวเกาะ “ใจชื้น”ขึ้นมาเล็กๆ น้อยๆ หรือยังแสดงให้เห็นว่า...อย่างน้อยก็ยังมีคุณพ่ออเมริกาอีกทั้งคน ที่พร้อมจะโดดเข้ามาปกป้องเกาะเล็กๆ แห่งนี้ ด้วย “กำลังทหาร” อย่างชนิดถึงไหนก็ถึงกัน ยิ่งเมื่อช่วงวาระครบรอบ 42 ปี ของการออกกฎหมายอเมริกัน ต่อการจัดระดับความสัมพันธ์กับไต้หวัน หรือที่เรียกๆ ว่า “Taiwan Relation Act” ไปเมื่อวัน-สองวันมานี้ ผู้นำรายใหม่ของอเมริกา คุณทวด “โจ ซึมเซา” หรือ “โจ สเตียรอยด์”ก็แล้วแต่ ถึงกับกล้าแหกกรอบ แหกด่านประเพณี ส่งเพื่อนสนิทประธานาธิบดี 3 รายด้วยกัน คืออดีตวุฒิสมาชิก “คริส ดอดด์” (Chris Dodd) และอดีตรัฐมนตรีช่วงต่างประเทศอีก 2 ราย คือ “นายริชาร์ด อาร์มิเทจ” (Richard Armitage) และ “เจมส์ สไตน์เบิร์ก” (James Steinberg) มาเยือนไต้หวันอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย. โดยมีกำหนดเข้าพบปะหารือกับประธานาธิบดี “ไช่ อิงเหวิน” (Tsai Ing-wen) ในวันรุ่งขึ้น พร้อมกันนั้นกระทรวงต่างประเทศอเมริกาก็ได้ป่าวประกาศไว้แล้วล่วงหน้า (9 เม.ย.) ประมาณว่า...รัฐบาลอเมริกันชุดใหม่พร้อมแล้วที่จะออก “แนวทางปฏิบัติแบบใหม่” เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่อเมริกันและไต้หวัน สามารถพบปะ ไปมา-หาสู่กันด้วยความสะดวกยิ่งๆ ขึ้นไป!!!
อันนี้นี่แหละ...ที่อาจทำให้ “สื่อทางการ”ของจีน อย่าง “Global Times” เขานำไปแปลความ ตีความไว้ในบทบรรณาธิการช่วงวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่ามีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ที่รัฐบาลอเมริกันจะปรับเปลี่ยนแนวทาง ปรับเปลี่ยนนโยบายทางยุทธศาสตร์ ที่เคยใช้ๆ กันมาประมาณ 42 ปี โดยมีกฎหมาย “Taiwan Relation Act” รองรับเอาไว้ อันถูกเรียกขานกันในนาม “ยุทธศาสตร์แบบคลุมเครือ” (Strategic Ambiguity) ประเภทแอบช่วย แอบสนับสนุนส่งเสริม แอบขายอาวุธต่างๆ ให้กับไต้หวัน เพียงแต่ไม่คิดรับรอง “เอกราชไต้หวัน” อย่างเป็นทางการ ให้กลายมาเป็น “ยุทธศาสตร์แบบแจ่มแจ้ง-ชัดเจน” (Strategic Clarity) หรือแสดงความพร้อมที่จะ “ปกป้องไต้หวันด้วยกำลังทหาร”แม้ว่ารัฐบาลไต้หวันที่บริหารจัดการ โดยพรรคการเมืองอย่าง “DDP” (Democratic Progressive Party) ของ “นางไช่ อิงเหวิน” ได้แสดงให้เห็นถึงความปรารถนา และต้องการ ที่จะ “แยกดินแดน” หรือต้องการเป็นประเทศเอกราช โดยไม่คำนึงถึง “นโยบายจีนเดียว” อีกต่อไปแล้ว...
ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ “Global Times” เขาแปลความ ตีความ จึงเป็นไปในรูปที่ว่า “ดังนั้น...ถ้าหากอเมริกาปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์แบบคลุมเครือมาเป็นข้อตกลงที่ชัดเจนกับไต้หวัน สถานการณ์ในช่องแคบแห่งนี้จะถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง เพราะนั่นจะทำให้จีนมองไม่เห็นความเป็นไปได้ใดๆ อีกเลย ที่จะรวมชาติด้วยกรรมวิธีสันติ มีแต่ทางออกทางเดียวเท่านั้น นั่นคือต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม!!!!” และ “แม้เราไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับสงครามใดๆ แต่เราก็ไม่กลัวสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตย เสถียรภาพความมั่นคงและความเป็นเอกภาพของแผ่นดินจีน อเมริกานั้น...เคยคาดการณ์ผิดต่อศักยภาพกองทัพจีนเมื่อ 70 ปีที่แล้ว (สงครามเกาหลี) เราหวังว่าเขาคงไม่อยากกระทำความผิดครั้งใหม่ จีนจะไม่ขัดขวางความปรารถนาของพรรคการเมืองไต้หวันที่อยากเป็นเอกราช รวมทั้งความคิดที่จะร่วมกับรัฐบาลอเมริกันในการปิดล้อมจีน แต่ถ้าไต้หวันและอเมริกายืนยันจะทำเช่นนั้น คงอีกไม่ช้า-ไม่นาน...พรรค DPP คงต้องสูญสลายหายไปจากเกาะไต้หวัน ไม่ว่ายุทธศาสตร์คลุมเครือจะถูกเปลี่ยนมาเป็นยุทธศาสตร์ที่แจ่มแจ้ง-ชัดเจน หรือไม่ เพียงใดก็ตาม...”
นี่...ชักเริ่มขนหัวลุก ขนคอตั้งขึ้นมามั่งแล้วหรือยัง??? ข่าวคราวเรื่องการซ้อมรบ การระดมเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือบริวาร เรือดำน้ำ และเครื่องบินรบของจีนอีกไม่รู้กี่ฝูงต่อกี่ฝูง บินไป-บินมา แล่นไป-แล่นไป แถวๆ ช่องแคบไต้หวัน ขณะที่ไต้หวันเองก็ไม่คิดจะลดราวาศอก ออกมาป่าวประกาศถึงแผนพัฒนา “จรวดพิสัยใกล้-พิสัยไกล”ที่จะยิงถล่มเข้าไปในแผ่นดินใหญ่ได้ถนัดถนี่ยิ่งๆ ขึ้นไป ล่าสุด...ประธานาธิบดีไต้หวันออกมาแสดงความยินดีต่อแผนจัดสร้างเรือรบ “Yushan” เรือสะเทินน้ำสะเทินบก ที่สามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินเล็ก เอาไว้ต่อกรกับใครก็ตามที่คิดจะมาล่วงล้ำเกาะไต้หวัน ทั้งนั้นทั้งนี้ โดยมีคุณพ่ออเมริกัน พร้อมออกแรงยุ แรงเชียร์ ให้ “เปรี้ยวไว้ก่อน...พ่อสอนไว้” ดังนั้น...โอกาสที่แต่ละฝ่าย แต่ละราย จะเกิดอาการ “เส้นกระตุก”บริเวณหัวเข่า หัวแม่เท้า หรือตั้งแต่ “ส้นตีน” ลงไป จึงมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ นี่เฉพาะแนวรบด้านเอเชีย ด้านทะเลจีนใต้และตะวันออกเท่านั้น ยังไม่รวมถึงอีก 2 แนวรบ ที่ร้อนฉ่าและร้อนแรงไม่แพ้กัน โดยจะเป็นเช่นไรนั้น เอาเป็นว่า...วันพรุ่งนี้ค่อยมาว่ากันต่อไปตามสภาพ...