กองทัพเรือจีนประกาศส่งหมู่เรือบรรทุกเครื่องบิน มาซ้อมรบเป็นประจำใกล้ๆ เกาะไต้หวัน นอกจากนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศแดนมังกรยังยกหูเตือนญี่ปุ่นไม่ควรร่วมมือกับวอชิงตันเพื่อต่อต้านปักกิ่ง หลังโตเกียวออกมาแสดงความกังวลเรื่องสิทธิมนุษยชนในซินเจียง และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเตรียมหารือประเด็นไทเประหว่างประชุมสุดยอดกับไบเดนที่วอชิงตันสัปดาห์หน้า ล่าสุดนาวีอแมริกันออกข่าวว่าหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯก็ได้เคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้แล้ว
กองทัพเรือสหรัฐฯแถลงในวันอังคาร (6 เม.ย.) ว่า หมู่เรือบรรทุกเครื่องบินนำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินธีโอดอร์ รูสเวลต์ ได้เข้าสู่ทะเลจีนใต้ตั้งแต่วันอาทิตย์ (4) เพื่อดำเนินการปฏิบัติการตามกิจวัตร นับเป็นการมาเยือนเช่นนี้เป็นครัค้งที่ 2 ในปีนี้
ขณะที่ในวันจันทร์ (5 ) กองทัพเรือจีนแถลงว่า หมู่เรือบรรทุกเครื่องบินนำโดยเรือเหลียวหนิง ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีน กำลังปฏิบัติการซ้อมรบปกติในน่านน้ำใกล้ไต้หวัน เพื่อส่งเสริมศักยภาพในการปกป้องอธิปไตย ความปลอดภัย และผลประโยชน์ด้านการพัฒนาของชาติ และสำทับว่า จะมีการปฏิบัติภารกิจนี้เป็นประจำในอนาคต
คำแถลงดังกล่าวออกมาหลังจากที่กระทรวงกลาโหมไต้หวันรายงานในวันเดียวกันว่า เครื่องบินของกองทัพอากาศจีนได้รุกล้ำเขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวัน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ (4) กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นได้แถลงว่า เรือเหลียวหนิงพร้อมเรือคุ้มกัน 5 ลำ แล่นผ่านช่องแคบมิยาโกะมุ่งหน้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามาซ้อมรบที่บริเวณใกล้ๆ ไต้หวันดังกล่าวข้างต้น
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์โกลบัลไทมส์ที่อยู่ในเครือหนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า (พีเพิลส์เดลี่) ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตั้งข้อสังเกตว่า เรือหนานชาง ซึ่งเป็นลำแรกของเรือพิฆาตทรงพลังรุ่นใหม่ที่เรียกว่ารุ่นไทป์ 055 โดยเข้าประจำการเมื่อปีที่แล้ว ก็เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เรือเหลียวหนิงนี้ และเสริมว่า เรือบรรทุกเครื่องบินและเรือพิฆาตรุ่นนี้ จะกลายเป็นกำลังพลมาตรฐานสำหรับหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินของจีนที่ออกปฏิบัติภารกิจในอนาคต
ไต้หวันถือเป็นประเด็นด้านดินแดนที่อ่อนไหวที่สุดของจีนและเป็นประเด็นที่อาจทำให้เกิดการเผชิญหน้าทางทหาร โดยที่ปักกิ่งไม่เคยตัดทิ้งความเป็นไปได้ในการใช้กำลังเพื่อเข้าควบคุมดินแดนซึ่งถือเป็นมณฑลกบฎของตนแห่งนี้เลย
ในวันจันทร์เช่นกัน หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กล่าวกับ โทชิมิสึ โมเตงิ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ระหว่างหารือทางโทรศัพท์ว่า จีนและญี่ปุ่นควรทำให้แน่ใจว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเผชิญหน้าระหว่างประเทศมหาอำนาจ
รัฐมนตรีต่างประเทศจีนยังแสดงความหวังว่า ญี่ปุ่นจะมองการพัฒนาของจีนในแง่บวกและอย่างมีเหตุผล แทนที่จะถูกบางประเทศที่มีอคติต่อจีนชักนำให้เข้าใจผิด และกล่าวโดยไม่อ้อมค้อมว่า จีนไม่เห็นด้วยที่ญี่ปุ่นจะเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างซินเจียงและฮ่องกง
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดและเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศของอเมริกา กังวลกับการสร้างสมแสนยานุภาพทางทหารและการอ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออกของปักกิ่งเช่นเดียวกับอเมริกา อย่างไรก็ดี ความที่มีผลประโยชน์มหาศาลทั้งด้านการค้าและการลงทุนในจีน ทำให้โตเกียวไม่กล้าวิจารณ์ปักกิ่งรุนแรงนัก
คำเตือนของหวังมีขึ้นหลังจากระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ โมเตงิกล่าวถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนในมณฑลซินเจียงและฮ่องกง รวมทั้งย้ำว่า ญี่ปุ่นคัดค้านการอ้างสิทธิ์ของจีนในหมู่เกาะที่ญี่ปุ่นควบคุมอยู่ในทะเลจีนตะวันออก
ต่อมาในวันอังคาร (6) โมเตงิยังให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวโดยแสดงความกังวลอย่างมากและขอให้จีนดำเนินมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อปรับปรุงคลี่คลายปัญหาเหล่านั้น
ขณะเดียวกัน แม้ญี่ปุ่นไม่ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวเหมือนพันธมิตรตะวันตก และเลือกวิธีเจรจาแทนการออกมาตรการแซงก์ชันฝ่ายเดียว แต่คัตสึโนบุ คาโตะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นตำแหน่งทรงอิทธิพลในระบบการเมืองของญี่ปุ่น กล่าวเมื่อวันอังคารว่า ญี่ปุ่นไม่ปิดโอกาสในการออกกฎหมายเพื่อใช้มาตรการแซงก์ชันประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
นอกจากนั้น เมื่อวันอาทิตย์ นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะยังกล่าวว่า ความสงบสุขและเสถียรภาพของไต้หวันเป็นประเด็นสำคัญในภูมิภาค ซึ่งญี่ปุ่นและอเมริกาจำเป็นต้องร่วมมือกัน และใช้การป้องปรามเพื่อสร้างบรรยากาศที่ปักกิ่งและไทเปสามารถหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ
ทั้งนี้ ซูงะมีกำหนดพบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่วอชิงตันสัปดาห์หน้า ซึ่งจะถือเป็นการประชุมสุดยอดกับผู้นำต่างประเทศแบบพบปะเจอตัวกันจริงๆ ครั้งแรกนับจากที่ไบเดนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม โดยที่ไต้หวันจะเป็นประเด็นหารือสำคัญขณะที่ทั้งคู่พยายามหาวิธีรับมือการคุกคามด้านความมั่นคงในเอเชียของจีน
(ที่มา: รอยเตอร์, เอพี, เอเอฟพี)