ผู้จัดการรายวัน 360 - ด่ากันขรม! คู่รักป่วยโควิด-19 โผล่นั่งเครื่องบินหนีจากกรุงเทพฯ กลับบ้านที่ จ.นครศรีธรรมราช ทั้งที่รู้ตัวว่าป่วยแต่ยังเดินทาง จ่อดำเนินคดีฐานปกปิดข้อมูลทำ 2 เที่ยวบินป่วน
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สรุปผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ล่าสุด มียอดสะสมจากผู้ป่วยรายใหม่14 รายแล้ว โดยวันที่ 12 เม.ย.พบผู้ป่วยยืนยัน 8 ราย แต่ที่สร้างความวุ่นวายให้แก่เจ้าหน้าที่ คือการพบผู้ป่วยคู่รักหญิง-ชาย 2 ราย ปกปิดข้อมูล โดยฝ่ายชาย อายุ 26 ปี มีภูมิลำเนาใน อ.เมืองนครศรีธรรมราช เดินทางจาก กทม. ถึง จ.นครศรีธรรมราช เช้า วันที่ 11 เม.ย. แล้วนั่งแท็กซี่จากท่าอากาศยานกลับบ้านย่านชานเมือง ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์ไปตรวจที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช พบเชื้อและได้เข้าแอดมิท
ส่วนฝ่ายหญิง อายุ 26 ปี ภูมิลำเนาใน อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นคู่รัก แยกเดินทางมาในเที่ยวบินช่วงค่ำวันที่ 11 เม.ย. โดยหญิงรายนี้ รู้ผลตรวจว่าตัวเองติดเชื้อตั้งแต่10 เม.ย. แต่ยังเดินทางกลับ และโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มารับตัวที่ท่าอากาศยาน เพื่อเข้าทำการรักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช
การเดินทางของทั้ง 2 ราย ทำให้สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ออกประกาศแจ้งเตือนผู้โดยสารสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ เมื่อวันที่ 11 เม.ย.64 เที่ยวบิน SL1780 หมายเลขที่นั่ง 1A-3C ออกจากดอนเมือง เวลา 06.05 น. ถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เวลา 07.20 น. และสายการบินเดียวกันนี้ในเที่ยวบินที่ SL792 ออกจากดอนเมือง เวลา 17.10 น. ถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชเวลา 18.40 น. หมายเลขที่นั่ง 7C-11F ผู้โดยสารที่นั่งในที่นั่งดังกล่าวนี้ ให้เร่งรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านโดยด่วน
ฝ่ายชายนั้น ได้รับแจ้งจากเพื่อนว่าติดเชื้อโควิด-19 แล้วรีบเดินทางโดยเที่ยวบินข้างต้นมายังจ.นครศรีธรรมราช เมื่อมาถึงบ้านย่านถนนอ้อมค่ายวชิราวุธ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปตรวจที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช พบเชื้อ และถูกรักษาตัวในรพ.ทันที ส่วนฝ่ายหญิงตรวจที่ รพ.เอกชนใน กทม. พบว่าตนเองติดเชื้อวันที่ 10 เม.ย. แต่ไม่เข้ารับการรักษา เก็บผลแล้วเดินทางกลับจ.นครศรีธรรมราช ในวันรุ่งขึ้น หลังจากเดินทางมาถึงนั้นได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้มารับตัวที่ท่าอากาศยาน
รองอธิบดีอัยการ เดือดรู้ตัวติดเชื้อยังเดินทาง
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 ได้โพสต์เฟซบุ๊กกรณีผู้ป่วยหญิง อายุ 26 ติดเชื้อโควิด ว่า รู้ตัวว่าติดโควิด…ต้องกักตัว รู้ตัวว่าติดโควิดที่กรุงเทพยังขึ้นเครื่องบินกลับนครศรีธรรมราช …!!!!
รู้แล้วยังเดินทางโดยเครื่องบิน ใจคุณทำด้วยอะไร? พาผู้โดยสารทั้งหมดไปเสี่ยง ไม่ใช่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ พฤติการณ์เรียกว่า “จงใจ” กฎหมายแพ่ง ให้จ่ายค่าเสียหายแก่ผู้ได้รับความเสียหาย ติดเชื้อกักตัวทำมาหากินไม่ได้ คุณต้องรับผิดชอบค่าเสียหายรวมถึงการรักษาพยาบาล รวมกี่ราย ระวังแพง จะรับไม่ไหว รัฐก็เสียหายต้องรักษาดูแลคนที่ติดเชื้อจากคุณ รัฐเรียกค่าเสียหายจากคุณได้ กฎหมายอาญา มีโทษจำคุกและปรับด้วย ขอให้ผู้มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ด้วยครับ กระทรวงสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยกันแจ้งความดำเนินคดี เราจะไม่ปล่อยให้กฎหมายเป็นแค่ตัวหนังสือ..!!เจตนาจงใจปกปิดข้อมูล จนเจ้าหน้าที่ต้องซักข้อมูลอย่างละเอียด และพบความผิดปกติ หลังจากนั้นจึงยอมรับ และยอมให้ข้อมูลที่เป็นจริง ส่วนฝ่ายหญิงนั้นทราบอยู่แล้วว่าติดเชื้อที่ถูกประกาศเป็นโรคระบาดร้ายแรง แต่ยังมีพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้อื่น โดยกรณีทั้ง 2 รายนี้ เจ้าหน้าที่ได้รายงานต่อคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายแล้ว
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สรุปผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ล่าสุด มียอดสะสมจากผู้ป่วยรายใหม่14 รายแล้ว โดยวันที่ 12 เม.ย.พบผู้ป่วยยืนยัน 8 ราย แต่ที่สร้างความวุ่นวายให้แก่เจ้าหน้าที่ คือการพบผู้ป่วยคู่รักหญิง-ชาย 2 ราย ปกปิดข้อมูล โดยฝ่ายชาย อายุ 26 ปี มีภูมิลำเนาใน อ.เมืองนครศรีธรรมราช เดินทางจาก กทม. ถึง จ.นครศรีธรรมราช เช้า วันที่ 11 เม.ย. แล้วนั่งแท็กซี่จากท่าอากาศยานกลับบ้านย่านชานเมือง ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์ไปตรวจที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช พบเชื้อและได้เข้าแอดมิท
ส่วนฝ่ายหญิง อายุ 26 ปี ภูมิลำเนาใน อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นคู่รัก แยกเดินทางมาในเที่ยวบินช่วงค่ำวันที่ 11 เม.ย. โดยหญิงรายนี้ รู้ผลตรวจว่าตัวเองติดเชื้อตั้งแต่10 เม.ย. แต่ยังเดินทางกลับ และโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มารับตัวที่ท่าอากาศยาน เพื่อเข้าทำการรักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช
การเดินทางของทั้ง 2 ราย ทำให้สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ออกประกาศแจ้งเตือนผู้โดยสารสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ เมื่อวันที่ 11 เม.ย.64 เที่ยวบิน SL1780 หมายเลขที่นั่ง 1A-3C ออกจากดอนเมือง เวลา 06.05 น. ถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เวลา 07.20 น. และสายการบินเดียวกันนี้ในเที่ยวบินที่ SL792 ออกจากดอนเมือง เวลา 17.10 น. ถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชเวลา 18.40 น. หมายเลขที่นั่ง 7C-11F ผู้โดยสารที่นั่งในที่นั่งดังกล่าวนี้ ให้เร่งรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านโดยด่วน
ฝ่ายชายนั้น ได้รับแจ้งจากเพื่อนว่าติดเชื้อโควิด-19 แล้วรีบเดินทางโดยเที่ยวบินข้างต้นมายังจ.นครศรีธรรมราช เมื่อมาถึงบ้านย่านถนนอ้อมค่ายวชิราวุธ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปตรวจที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช พบเชื้อ และถูกรักษาตัวในรพ.ทันที ส่วนฝ่ายหญิงตรวจที่ รพ.เอกชนใน กทม. พบว่าตนเองติดเชื้อวันที่ 10 เม.ย. แต่ไม่เข้ารับการรักษา เก็บผลแล้วเดินทางกลับจ.นครศรีธรรมราช ในวันรุ่งขึ้น หลังจากเดินทางมาถึงนั้นได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้มารับตัวที่ท่าอากาศยาน
รองอธิบดีอัยการ เดือดรู้ตัวติดเชื้อยังเดินทาง
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 ได้โพสต์เฟซบุ๊กกรณีผู้ป่วยหญิง อายุ 26 ติดเชื้อโควิด ว่า รู้ตัวว่าติดโควิด…ต้องกักตัว รู้ตัวว่าติดโควิดที่กรุงเทพยังขึ้นเครื่องบินกลับนครศรีธรรมราช …!!!!
รู้แล้วยังเดินทางโดยเครื่องบิน ใจคุณทำด้วยอะไร? พาผู้โดยสารทั้งหมดไปเสี่ยง ไม่ใช่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ พฤติการณ์เรียกว่า “จงใจ” กฎหมายแพ่ง ให้จ่ายค่าเสียหายแก่ผู้ได้รับความเสียหาย ติดเชื้อกักตัวทำมาหากินไม่ได้ คุณต้องรับผิดชอบค่าเสียหายรวมถึงการรักษาพยาบาล รวมกี่ราย ระวังแพง จะรับไม่ไหว รัฐก็เสียหายต้องรักษาดูแลคนที่ติดเชื้อจากคุณ รัฐเรียกค่าเสียหายจากคุณได้ กฎหมายอาญา มีโทษจำคุกและปรับด้วย ขอให้ผู้มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ด้วยครับ กระทรวงสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยกันแจ้งความดำเนินคดี เราจะไม่ปล่อยให้กฎหมายเป็นแค่ตัวหนังสือ..!!เจตนาจงใจปกปิดข้อมูล จนเจ้าหน้าที่ต้องซักข้อมูลอย่างละเอียด และพบความผิดปกติ หลังจากนั้นจึงยอมรับ และยอมให้ข้อมูลที่เป็นจริง ส่วนฝ่ายหญิงนั้นทราบอยู่แล้วว่าติดเชื้อที่ถูกประกาศเป็นโรคระบาดร้ายแรง แต่ยังมีพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้อื่น โดยกรณีทั้ง 2 รายนี้ เจ้าหน้าที่ได้รายงานต่อคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายแล้ว