"ชาญวิทย์" รุดให้กำลังใจ "ไผ่ ดาวดิน" ที่จัดกิจกรรม "เดินทะลุฟ้า" วันสุดท้าย จาก ม.เกษตรฯ ถึง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เรียกร้องยกเลิก ม.112 จี้ปล่อยตัวผู้ชุมนุม ตร.แถลงจับ "โตโต้" กับพวก เป็นความผิดซึ่งหน้า อ่วม! เจอข้อหาหนัก"อั้งยี่-ซ่องโจร"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดกิจกรรม "เดินทะลุฟ้า" 247.5 กม. จากจ.นครราชสีมา ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ของนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ"ไผ่ ดาวดิน" ในวันสุดท้าย วานนี้ (7มี.ค.64) จะเริ่มเดินจาก ม.เกษตรศษสตร์ ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ระยะทาง 15 กม. โดยนายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ และ นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ แม่ของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ไปให้กำลังใจ
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มเดินขบวน นายชาญวิทย์ กล่าวว่า มาร่วมเรียกร้องให้ผู้ที่ถูกจับกุม ควรได้รับการประกันตัว เพื่อออกมาต่อสู้คดีตามกฎหมาย และหวังว่าฝ่ายตุลาการ จะรับฟังข้อเรียกร้องประชาชน ที่เชื่อมั่นในหลักประชาธิปไตย
นายชาญวิทย์ ยังได้นำพวงมาลัย มอบให้แก่แม่ของแกนนำผู้ชุมนุม พร้อมร่วมเดินขบวนกับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย โดยผู้ชุมนุมยังย้ำข้อเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลลาออก ร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชน ยกเลิกมาตรา 112 และ ปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่ถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวน เดินทะลุฟ้า มาถึงบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้มารอรับ พร้อมกับตะโกนให้กำลังใจ และชูสามนิ้ว
ขณะที่ พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สน.สำราญราษฎร์ และพ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน. ชนะสงคราม ได้อ่านประกาศพร้อมแจ้งว่า การทำกิจกรรม"เดินทะลุฟ้า" เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย มาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และประกาศ ที่เกี่ยวข้อง จึงห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการทำกิจกรรม ที่มีการรวมคนที่มีความแออัด ในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 หากผู้ใดฝ่าฝืน มีความผิด ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอให้ยุติการชุมนุม ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป แต่ผู้ชุมนุมก็ยังคงชุมนุมต่อ มีการตั้งเวทีปราศรัย โดยนายจตุภัทร์ ประกาศข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ 1. แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2. ปล่อยเพื่อนเรา 3. ยกเลิกมาตรา112 และ 4. นายกรัฐมนตรีลาออก จากนั้นได้มีการแสดงดนตรีเพื่อสร้างความผ่อนคลายสลับการปราศรัย
จับ"โตโต้"เป็นความผิดซึ่งหน้า
วานนี้(7มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. แถลงกรณี เจ้าหน้าที่ ได้ควบคุมตัวนายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ แกนนำกลุ่ม WEVO กับพวกว่า ฝ่ายสืบสวน สืบทราบว่ากลุ่มนายปิยรัฐกับพวกได้นัดรวมตัวกันที่ ลานจอดรถ ชั้น 5 ห้างเมเจอร์รัชโยธิน และมีการนำอาวุธ หรือสิ่งของมาใช้ก่อความวุ่นวาย สร้างสถานการณ์ในการชุมนุม จึงนำกำลังเข้าตรวจค้น พบนายปิยรัฐกับพวก พร้อมกระเป๋าเป้ ซึ่งภายในบรรจุหนังสติ๊ก15 อัน , หัวน็อต 50 ชิ้น , ลูกแก้ว 300 ลูก , ระเบิดควัน 30 ลูก , ถุงน้ำปลาร้า 30 ถุง , หมวกกันกระแทก13 ใบ , เสื้อเกราะ 37 ตัว , ท่อเก็บแก๊สน้ำตา1 อัน , ค้อนเหล็ก 1 อัน และโล่ 1 อัน จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง และควบคุมตัวนายปิยรัฐ กับพวกขึ้นรถผู้ต้องหา 3 คัน นำส่ง ตชด.ภ.1
ขณะแล่นออกจากห้างเมเจอร์รัชโยธิน ได้พบกับ กลุ่ม REDEM และกลุ่มการ์ดราษฎรบางส่วนได้เข้ามา ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ต่อสู้ และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ทุบรถผู้ต้องหา และได้พังประตูรถด้านหลัง ทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้บางส่วน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวและนำส่ง ตชด.ภ.1 ได้ 18 คน และดำเนินคดีในข้อหา 1. ร่วมกันจัดการชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2. ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ 3. ฐานเป็นอั้งยี่และซ่องโจร
ทั้งนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 7 นาย รถควบคุมผู้ต้องหาเสียหาย 9 คัน ต่อมาผู้ต้องหาที่ได้รับการช่วยเหลือให้หลบหนีไปบางส่วนได้เข้ามามอบตัว ต่อพนง.สอบสวน สน.พหลโยธิน 27 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนโดย บช.น. จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้กระทำความผิดต่อไป
สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมถึงต้องจับกุมนายปิยรัฐ พร้อมพวก ในกรณีนี้เนื่องจากการสืบสวน มีพยานหลักฐานยืนยันว่า กลุ่มของนายปิยรัฐ มีวัตถุประสงค์ในการก่อความวุ่นวายในการชุมนุม หลังจากตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานได้เดินทางไปพิสูจน์ทราบพบ นายปิยรัฐกับพวกจริง ทั้งๆ ที่นายปิยรัฐ มีการโพสต์โซเชียลฯว่า จะไม่เข้าร่วมการชุมนุม ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบมีการต่อสู้ขัดขวางตามที่ปรากฏ เบื้องต้นตำรวจสามารถตรวจค้นของกลางได้หลายรายการ
เมื่อถามว่าการจับกุม นายปิยรัฐ เพราะเกรงว่าจะไปร่วมชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่า เวลาจับกุมไปรับประทานอาหารอยู่ในห้าง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ตำรวจจับกุมในลานจอดรถ ด้านหลังห้าง และมีข้อบ่งชี้ว่า เขากำลังจะไปร่วมชุมนุม
"หากไม่ชุมนุม จะเอาหนังสติ๊ก ลูกเหล็ก หัวน็อต ลูกแก้ว ระเบิดควัน ท่อเก็บแก๊สน้ำตา วิทยุสื่อสาร พกไปด้วยหรือไม่ หรือพกมากินข้าว ส่วนกรณีไม่มีหมายจับ สามารถทำได้ เพราะเป็นความผิดซึ่งหน้า และอีกข้อสังเกตหลังชุมนุม มีผู้มาแสดงตนว่าเป็นกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกช่วยเหลือออกจากรถควบคุม 27 คน แต่ตำรวจไม่สามารถแจ้งข้อหากล่าวได้ เพราะไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้าจึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ใจว่าใช่บุคคลที่หลุดจากรถควบคุมจริงหรือไม่" ผบช.น.กล่าว
ทั้งนี้ เบื้องต้นตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ 18 ราย ยังไม่มีใครได้รับการปล่อยตัวเตรียมนำตัวฝากขังที่ศาลอาญา วันนี้ (8 มี.ค.) และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน หากไปถึงใครก็ต้องดำเนินคดี ไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องจับกี่คน แต่เป็นไปตามข้อเท็จจริง ใครทำอะไร พยานหลักฐานถึงใคร ต้องดำเนินคดีทั้งหมด ย้ำว่าความรุนแรง หรือไม่รุนแรง อยู่ที่ผู้ชุมนุม ไม่ใช่ตำรวจ อย่างเหตุการณ์นี้ หากไม่มีการชิงตัวผู้ต้องหา ก็จะไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น
อ่วม! ตร.แจ้ง 4 ข้อหา"อั้งยี่-ซ่องโจร"
ด้าน"ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน" รายงานผ่านทวิตเตอร์ ว่า... สรุปสถานการณ์ #ม็อบ 6มีนา มีผู้ถูกจับ จากเมเจอร์รัชโยธินกว่า 48 ราย มี 18 ราย ถูกคุมตัวไป ตชด.ภาค 1 โดยมีเยาวชน 2 ราย ถูกแจ้ง 4 ข้อหา #อั้งยี่ #ซ่องโจร #พ.ร.ก.ฉุกเฉิน #พ.ร.บ.โรคติดต่อ เจ้าหน้าที่อ้างเตรียมก่อเหตุวุ่นวายในการชุมนุม เตรียมขอศาลฝากขัง16 รายวันนี้
การจับกุมโตโต้และเพื่อน รวม 18 คนไปที่ดังกล่าว ทำให้ยอดผู้ถูกคุมตัวไป ตชด.ภาค 1 ตั้งแต่ตุลา 63 เป็นต้นมา เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 148 รายแล้ว
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก“We Volunteer”โพสต์ข้อความถึง เหตุการณ์นายปิยรัฐ หรือ โตโต้ หัวหน้าการ์ดวีโว่ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ว่า “ด่วน !! ทราบเบื้องต้นจากทนายที่กำลังให้ความช่วยเหลือคุณโตโต้ ว่า กระเป๋าหนังสะพายคุณโตโต้ ถูกกระชากหายไป ขณะถูกจับกุม ข้างใน มี I-pad และเงินสดจำนวน 170,000 บาท ซึ่งเงินดังกล่าว มีคุณหมอท่านหนึ่งนำมามอบให้คุณโตโต้ ไว้ซื้อเครื่องมือ AEDจำนวน 4 เครื่อง และที่แย่ไปกว่านั้น คุณหมอคนดังกล่าวก็ถูกจับกุมไปพร้อมกับคุณโตโต้ หลังทานข้าวกันเสร็จที่ เมเจอร์รัชโยธิน"
"รุ้ง"ขึ้นศาลวันนี้ -ทำใจไม่ได้ประกัน
วันเดียวกันนี้ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร พร้อมทนายความ เข้าพบ พนง.สอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา กรณีการชุมนุมนับ 1 ถึงล้านคืนอำนาจให้ประชาชน กับกลุ่มมวลชน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา
น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ทางพนง.สอบสวน ส่งหมายเรียกให้ตนช้า โดยนัดหมายให้มาในวันที่ 4 มี.ค.64 แต่ปรากฏว่าหมายเรียกถึงบ้านพัก ในวันที่ 4 มี.ค.พอดี จึงต้องขอเลื่อนเพื่อมาในวันนี้ ส่วนความผิดที่ได้รับเบื้องต้นทราบว่า คือการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ความสะอาด พ.ร.บ.ควบคุมโรค และความเสียหายของการเคลื่อนย้ายกระถางต้นไม้ ซึ่งคราวนี้ มีมูลค่าสูงถึง 5.9 ล้านบาท เท่าที่ทราบมีเพื่อนๆ อีก 5-6 คน ถูกดำเนินคดีด้วย ซึ่งแต่ละคนได้เข้าพบพนง.สอบสวนเรียบร้อยแล้ว
น.ส.ปนัสยา กล่าวด้วยว่าตนคงไม่ได้ไปร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพราะมีธุระต้องอยู่กับครอบครัว เนื่องจากวันนี้ (8 มี.ค.) มีขึ้นศาล กรณีนัดฟังคำสั่งฟ้องในวาระ การชุมนุม 19 ก.ย.63 ทวงอำนาจคืนราษฎร ที่ท้องสนามหลวง ซึ่งตนและพวกรวม 18 คน ถูกแจ้งข้อหาตาม ม.112 ม.116 และฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เกรงว่าศาลจะไม่ให้ประกันตัว จึงขอใช้เวลาอยู่กับครอบครัวก่อน ซึ่งตนก็ไม่ได้กังวลใดๆ นอกจากกลัวจะไม่ได้สอบ ไม่ได้เรียนต่อ แต่ทำใจไว้แล้ว เพราะมันคือเส้นทางการต่อสู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดกิจกรรม "เดินทะลุฟ้า" 247.5 กม. จากจ.นครราชสีมา ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ของนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ"ไผ่ ดาวดิน" ในวันสุดท้าย วานนี้ (7มี.ค.64) จะเริ่มเดินจาก ม.เกษตรศษสตร์ ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ระยะทาง 15 กม. โดยนายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ และ นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ แม่ของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ไปให้กำลังใจ
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มเดินขบวน นายชาญวิทย์ กล่าวว่า มาร่วมเรียกร้องให้ผู้ที่ถูกจับกุม ควรได้รับการประกันตัว เพื่อออกมาต่อสู้คดีตามกฎหมาย และหวังว่าฝ่ายตุลาการ จะรับฟังข้อเรียกร้องประชาชน ที่เชื่อมั่นในหลักประชาธิปไตย
นายชาญวิทย์ ยังได้นำพวงมาลัย มอบให้แก่แม่ของแกนนำผู้ชุมนุม พร้อมร่วมเดินขบวนกับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย โดยผู้ชุมนุมยังย้ำข้อเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลลาออก ร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชน ยกเลิกมาตรา 112 และ ปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่ถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวน เดินทะลุฟ้า มาถึงบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้มารอรับ พร้อมกับตะโกนให้กำลังใจ และชูสามนิ้ว
ขณะที่ พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สน.สำราญราษฎร์ และพ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน. ชนะสงคราม ได้อ่านประกาศพร้อมแจ้งว่า การทำกิจกรรม"เดินทะลุฟ้า" เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย มาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และประกาศ ที่เกี่ยวข้อง จึงห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการทำกิจกรรม ที่มีการรวมคนที่มีความแออัด ในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 หากผู้ใดฝ่าฝืน มีความผิด ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอให้ยุติการชุมนุม ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป แต่ผู้ชุมนุมก็ยังคงชุมนุมต่อ มีการตั้งเวทีปราศรัย โดยนายจตุภัทร์ ประกาศข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ 1. แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2. ปล่อยเพื่อนเรา 3. ยกเลิกมาตรา112 และ 4. นายกรัฐมนตรีลาออก จากนั้นได้มีการแสดงดนตรีเพื่อสร้างความผ่อนคลายสลับการปราศรัย
จับ"โตโต้"เป็นความผิดซึ่งหน้า
วานนี้(7มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. แถลงกรณี เจ้าหน้าที่ ได้ควบคุมตัวนายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ แกนนำกลุ่ม WEVO กับพวกว่า ฝ่ายสืบสวน สืบทราบว่ากลุ่มนายปิยรัฐกับพวกได้นัดรวมตัวกันที่ ลานจอดรถ ชั้น 5 ห้างเมเจอร์รัชโยธิน และมีการนำอาวุธ หรือสิ่งของมาใช้ก่อความวุ่นวาย สร้างสถานการณ์ในการชุมนุม จึงนำกำลังเข้าตรวจค้น พบนายปิยรัฐกับพวก พร้อมกระเป๋าเป้ ซึ่งภายในบรรจุหนังสติ๊ก15 อัน , หัวน็อต 50 ชิ้น , ลูกแก้ว 300 ลูก , ระเบิดควัน 30 ลูก , ถุงน้ำปลาร้า 30 ถุง , หมวกกันกระแทก13 ใบ , เสื้อเกราะ 37 ตัว , ท่อเก็บแก๊สน้ำตา1 อัน , ค้อนเหล็ก 1 อัน และโล่ 1 อัน จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง และควบคุมตัวนายปิยรัฐ กับพวกขึ้นรถผู้ต้องหา 3 คัน นำส่ง ตชด.ภ.1
ขณะแล่นออกจากห้างเมเจอร์รัชโยธิน ได้พบกับ กลุ่ม REDEM และกลุ่มการ์ดราษฎรบางส่วนได้เข้ามา ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ต่อสู้ และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ทุบรถผู้ต้องหา และได้พังประตูรถด้านหลัง ทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้บางส่วน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวและนำส่ง ตชด.ภ.1 ได้ 18 คน และดำเนินคดีในข้อหา 1. ร่วมกันจัดการชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2. ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ 3. ฐานเป็นอั้งยี่และซ่องโจร
ทั้งนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 7 นาย รถควบคุมผู้ต้องหาเสียหาย 9 คัน ต่อมาผู้ต้องหาที่ได้รับการช่วยเหลือให้หลบหนีไปบางส่วนได้เข้ามามอบตัว ต่อพนง.สอบสวน สน.พหลโยธิน 27 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนโดย บช.น. จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้กระทำความผิดต่อไป
สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมถึงต้องจับกุมนายปิยรัฐ พร้อมพวก ในกรณีนี้เนื่องจากการสืบสวน มีพยานหลักฐานยืนยันว่า กลุ่มของนายปิยรัฐ มีวัตถุประสงค์ในการก่อความวุ่นวายในการชุมนุม หลังจากตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานได้เดินทางไปพิสูจน์ทราบพบ นายปิยรัฐกับพวกจริง ทั้งๆ ที่นายปิยรัฐ มีการโพสต์โซเชียลฯว่า จะไม่เข้าร่วมการชุมนุม ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบมีการต่อสู้ขัดขวางตามที่ปรากฏ เบื้องต้นตำรวจสามารถตรวจค้นของกลางได้หลายรายการ
เมื่อถามว่าการจับกุม นายปิยรัฐ เพราะเกรงว่าจะไปร่วมชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่า เวลาจับกุมไปรับประทานอาหารอยู่ในห้าง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ตำรวจจับกุมในลานจอดรถ ด้านหลังห้าง และมีข้อบ่งชี้ว่า เขากำลังจะไปร่วมชุมนุม
"หากไม่ชุมนุม จะเอาหนังสติ๊ก ลูกเหล็ก หัวน็อต ลูกแก้ว ระเบิดควัน ท่อเก็บแก๊สน้ำตา วิทยุสื่อสาร พกไปด้วยหรือไม่ หรือพกมากินข้าว ส่วนกรณีไม่มีหมายจับ สามารถทำได้ เพราะเป็นความผิดซึ่งหน้า และอีกข้อสังเกตหลังชุมนุม มีผู้มาแสดงตนว่าเป็นกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกช่วยเหลือออกจากรถควบคุม 27 คน แต่ตำรวจไม่สามารถแจ้งข้อหากล่าวได้ เพราะไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้าจึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ใจว่าใช่บุคคลที่หลุดจากรถควบคุมจริงหรือไม่" ผบช.น.กล่าว
ทั้งนี้ เบื้องต้นตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ 18 ราย ยังไม่มีใครได้รับการปล่อยตัวเตรียมนำตัวฝากขังที่ศาลอาญา วันนี้ (8 มี.ค.) และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน หากไปถึงใครก็ต้องดำเนินคดี ไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องจับกี่คน แต่เป็นไปตามข้อเท็จจริง ใครทำอะไร พยานหลักฐานถึงใคร ต้องดำเนินคดีทั้งหมด ย้ำว่าความรุนแรง หรือไม่รุนแรง อยู่ที่ผู้ชุมนุม ไม่ใช่ตำรวจ อย่างเหตุการณ์นี้ หากไม่มีการชิงตัวผู้ต้องหา ก็จะไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น
อ่วม! ตร.แจ้ง 4 ข้อหา"อั้งยี่-ซ่องโจร"
ด้าน"ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน" รายงานผ่านทวิตเตอร์ ว่า... สรุปสถานการณ์ #ม็อบ 6มีนา มีผู้ถูกจับ จากเมเจอร์รัชโยธินกว่า 48 ราย มี 18 ราย ถูกคุมตัวไป ตชด.ภาค 1 โดยมีเยาวชน 2 ราย ถูกแจ้ง 4 ข้อหา #อั้งยี่ #ซ่องโจร #พ.ร.ก.ฉุกเฉิน #พ.ร.บ.โรคติดต่อ เจ้าหน้าที่อ้างเตรียมก่อเหตุวุ่นวายในการชุมนุม เตรียมขอศาลฝากขัง16 รายวันนี้
การจับกุมโตโต้และเพื่อน รวม 18 คนไปที่ดังกล่าว ทำให้ยอดผู้ถูกคุมตัวไป ตชด.ภาค 1 ตั้งแต่ตุลา 63 เป็นต้นมา เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 148 รายแล้ว
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก“We Volunteer”โพสต์ข้อความถึง เหตุการณ์นายปิยรัฐ หรือ โตโต้ หัวหน้าการ์ดวีโว่ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ว่า “ด่วน !! ทราบเบื้องต้นจากทนายที่กำลังให้ความช่วยเหลือคุณโตโต้ ว่า กระเป๋าหนังสะพายคุณโตโต้ ถูกกระชากหายไป ขณะถูกจับกุม ข้างใน มี I-pad และเงินสดจำนวน 170,000 บาท ซึ่งเงินดังกล่าว มีคุณหมอท่านหนึ่งนำมามอบให้คุณโตโต้ ไว้ซื้อเครื่องมือ AEDจำนวน 4 เครื่อง และที่แย่ไปกว่านั้น คุณหมอคนดังกล่าวก็ถูกจับกุมไปพร้อมกับคุณโตโต้ หลังทานข้าวกันเสร็จที่ เมเจอร์รัชโยธิน"
"รุ้ง"ขึ้นศาลวันนี้ -ทำใจไม่ได้ประกัน
วันเดียวกันนี้ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร พร้อมทนายความ เข้าพบ พนง.สอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา กรณีการชุมนุมนับ 1 ถึงล้านคืนอำนาจให้ประชาชน กับกลุ่มมวลชน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา
น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ทางพนง.สอบสวน ส่งหมายเรียกให้ตนช้า โดยนัดหมายให้มาในวันที่ 4 มี.ค.64 แต่ปรากฏว่าหมายเรียกถึงบ้านพัก ในวันที่ 4 มี.ค.พอดี จึงต้องขอเลื่อนเพื่อมาในวันนี้ ส่วนความผิดที่ได้รับเบื้องต้นทราบว่า คือการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ความสะอาด พ.ร.บ.ควบคุมโรค และความเสียหายของการเคลื่อนย้ายกระถางต้นไม้ ซึ่งคราวนี้ มีมูลค่าสูงถึง 5.9 ล้านบาท เท่าที่ทราบมีเพื่อนๆ อีก 5-6 คน ถูกดำเนินคดีด้วย ซึ่งแต่ละคนได้เข้าพบพนง.สอบสวนเรียบร้อยแล้ว
น.ส.ปนัสยา กล่าวด้วยว่าตนคงไม่ได้ไปร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพราะมีธุระต้องอยู่กับครอบครัว เนื่องจากวันนี้ (8 มี.ค.) มีขึ้นศาล กรณีนัดฟังคำสั่งฟ้องในวาระ การชุมนุม 19 ก.ย.63 ทวงอำนาจคืนราษฎร ที่ท้องสนามหลวง ซึ่งตนและพวกรวม 18 คน ถูกแจ้งข้อหาตาม ม.112 ม.116 และฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เกรงว่าศาลจะไม่ให้ประกันตัว จึงขอใช้เวลาอยู่กับครอบครัวก่อน ซึ่งตนก็ไม่ได้กังวลใดๆ นอกจากกลัวจะไม่ได้สอบ ไม่ได้เรียนต่อ แต่ทำใจไว้แล้ว เพราะมันคือเส้นทางการต่อสู้