ผู้จัดการรายวัน 360 – ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก เปิดจองซื้อหุ้นIPO ทุบสถิตินานที่สุด หวังให้ประชาชนร่วมเป็นเจ้าของ ตั้งงบลงทุน5ปี 7.46 หมื่นล้านบาทลุย 3ธุรกิจหลัก รวมทั้งธุรกิจอื่นๆที่เน้นการร่วมทุนและเข้าซื้อกิจการ โดยเทงบรุกธุรกิจ Non-Oil และต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตให้องค์กร
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การนำบมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เข้าระดมทุนโดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ราว 25% เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น แม้ว่าจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของปตท.ลดลงเหลือราว 75% แต่จะใม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของปตท. แต่อย่างใด
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนดังกล่าวจะอยู่ที่ราว 4-5 หมื่นล้านบาทนั้น จะนำไปใช้ขยายการลงทุนใน 3 กลุ่มธุรกิจหลักในส่วนของน้ำมัน (oil) , ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (non-oil) และธุรกิจต่างประเทศ โดยเน้นธุรกิจที่มีศักยภาพทั้งNon-Oil และต่างประเทศเนื่องจากมีศักยภาพเติบโตและมีมาร์จิ้นสูง ซึ่งปัจจุบัน Non-oil มีสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สูงถึง 25% โดยอนาคตสัดส่วนจะเพิ่มมากกว่านี้
สำหรับต่างประเทศ ORจะเน้นขยายไปยังอาเซียนและจีน ที่มีศักยภาพ โดยวางเป้า 5 ปีนี้ (2564-68)ตั้งงบลงทุน 7.46 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในธุรกิจน้ำมัน 34.6% ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) 28.6% ธุรกิจต่างประเทศ 21.8% และธุรกิจอื่นๆ 15%
ทั้งนี้ OR ตั้งงบลงทุนในธุรกิจอื่นๆราว 1.2 หมื่นล้านบาทใน5ปีนี้ จะเป็นการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่นอกเหนือจากเดิมทั้งในรูปแบบการร่วมลงทุน(JV)กับพันธมิตร การเข้าซื้อกิจการ (M&A) รวมไปถึงการขยายไปสู่ Mobility Ecosystem และ Life Style Ecosystem เพื่อรองรับธุรกิจในอนาคต ซึ่งล่าสุด OR ได้เข้าถือหุ้นราว 9% ใน Flash Express ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ จัดส่งพัสดุอันดับ 3 ของไทย รองจาก Kerry และไปรษณีย์ไทย
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า OR เสนอขายหุ้น IPO ที่ช่วงราคา 16– 18 บาทต่อหุ้น สำหรับผู้จองซื้อรายย่อยสามารถจองซื้อได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย และกรุงไทย และผ่านช่องทางออนไลน์ ในวันที่ 24 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2564 โดยจัดสรรแบบวิธี Small Lot First เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับการกระจายหุ้นอย่างทั่วถึง นับเป็นการเปิดจองซื้อหุ้นIPOที่นานที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯในต้นเดือนก.พ.นี้
ปัจจุบันแม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ OR ยังยืนยันการเสนอขาย IPO และมองว่าเป็นช่วงนี้จังหวะที่เหมาะสม เนื่องจากมั่นใจในการเติบโตของธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีรายได้และ EBITDA ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเติบโตกว่า 25% ต่อปี ขณะที่รายได้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่ราคาน้ำมันขาลง พร้อมยืนยันว่าการแยกธุรกิจOR ออกจากปตท.ทำธุรกรรมอย่างรอบคอบและไม่โอนทรัพย์สินที่เป็นสมบัติของแผ่นดินเข้ามายังOR ขณะเดียวกัน บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับบมจ.ซีพี ออลล์ เพื่อพิจารณารายละเอียดการต่อสัญญาร้าน 7-Eleven ซึ่งยังเหลืออีก 2 ปีกว่าจะครบสัญญาเดิม ในฐานะพันธมิตรที่เสริมซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้ OR เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 2,610 ล้านหุ้น (ไม่รวมกรีนชู) และมีกรีนชูอีก 390 ล้านหุ้น กำหนดช่วงราคาเสนอขาย IPO ที่ 16-18 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย 41,760 -46,980 ล้านบาท (ไม่รวมกรีนชู) โดยระดมทุนเพื่อรองรับการขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ "ptt station" ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่มีศักยภาพ, ขยายธุรกิจสำหรับการตลาดพาณิชย์ในกลุ่มธุรกิจน้ำมัน, การลงทุนคลังเก็บผลิตภัณฑ์และศูนย์กระจายสินค้าธุรกิจน้ำมัน, ขยายเครือข่ายร้านค้าปลีกให้สอดคล้องกับการเติบโตของอุปสงค์ในตลาด, การลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ หรือใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การนำบมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เข้าระดมทุนโดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ราว 25% เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น แม้ว่าจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของปตท.ลดลงเหลือราว 75% แต่จะใม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของปตท. แต่อย่างใด
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนดังกล่าวจะอยู่ที่ราว 4-5 หมื่นล้านบาทนั้น จะนำไปใช้ขยายการลงทุนใน 3 กลุ่มธุรกิจหลักในส่วนของน้ำมัน (oil) , ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (non-oil) และธุรกิจต่างประเทศ โดยเน้นธุรกิจที่มีศักยภาพทั้งNon-Oil และต่างประเทศเนื่องจากมีศักยภาพเติบโตและมีมาร์จิ้นสูง ซึ่งปัจจุบัน Non-oil มีสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สูงถึง 25% โดยอนาคตสัดส่วนจะเพิ่มมากกว่านี้
สำหรับต่างประเทศ ORจะเน้นขยายไปยังอาเซียนและจีน ที่มีศักยภาพ โดยวางเป้า 5 ปีนี้ (2564-68)ตั้งงบลงทุน 7.46 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในธุรกิจน้ำมัน 34.6% ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) 28.6% ธุรกิจต่างประเทศ 21.8% และธุรกิจอื่นๆ 15%
ทั้งนี้ OR ตั้งงบลงทุนในธุรกิจอื่นๆราว 1.2 หมื่นล้านบาทใน5ปีนี้ จะเป็นการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่นอกเหนือจากเดิมทั้งในรูปแบบการร่วมลงทุน(JV)กับพันธมิตร การเข้าซื้อกิจการ (M&A) รวมไปถึงการขยายไปสู่ Mobility Ecosystem และ Life Style Ecosystem เพื่อรองรับธุรกิจในอนาคต ซึ่งล่าสุด OR ได้เข้าถือหุ้นราว 9% ใน Flash Express ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ จัดส่งพัสดุอันดับ 3 ของไทย รองจาก Kerry และไปรษณีย์ไทย
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า OR เสนอขายหุ้น IPO ที่ช่วงราคา 16– 18 บาทต่อหุ้น สำหรับผู้จองซื้อรายย่อยสามารถจองซื้อได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย และกรุงไทย และผ่านช่องทางออนไลน์ ในวันที่ 24 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2564 โดยจัดสรรแบบวิธี Small Lot First เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับการกระจายหุ้นอย่างทั่วถึง นับเป็นการเปิดจองซื้อหุ้นIPOที่นานที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯในต้นเดือนก.พ.นี้
ปัจจุบันแม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ OR ยังยืนยันการเสนอขาย IPO และมองว่าเป็นช่วงนี้จังหวะที่เหมาะสม เนื่องจากมั่นใจในการเติบโตของธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีรายได้และ EBITDA ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเติบโตกว่า 25% ต่อปี ขณะที่รายได้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่ราคาน้ำมันขาลง พร้อมยืนยันว่าการแยกธุรกิจOR ออกจากปตท.ทำธุรกรรมอย่างรอบคอบและไม่โอนทรัพย์สินที่เป็นสมบัติของแผ่นดินเข้ามายังOR ขณะเดียวกัน บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับบมจ.ซีพี ออลล์ เพื่อพิจารณารายละเอียดการต่อสัญญาร้าน 7-Eleven ซึ่งยังเหลืออีก 2 ปีกว่าจะครบสัญญาเดิม ในฐานะพันธมิตรที่เสริมซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้ OR เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 2,610 ล้านหุ้น (ไม่รวมกรีนชู) และมีกรีนชูอีก 390 ล้านหุ้น กำหนดช่วงราคาเสนอขาย IPO ที่ 16-18 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย 41,760 -46,980 ล้านบาท (ไม่รวมกรีนชู) โดยระดมทุนเพื่อรองรับการขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ "ptt station" ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่มีศักยภาพ, ขยายธุรกิจสำหรับการตลาดพาณิชย์ในกลุ่มธุรกิจน้ำมัน, การลงทุนคลังเก็บผลิตภัณฑ์และศูนย์กระจายสินค้าธุรกิจน้ำมัน, ขยายเครือข่ายร้านค้าปลีกให้สอดคล้องกับการเติบโตของอุปสงค์ในตลาด, การลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ หรือใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม